ภาคที่ 1 บทที่ 123 คนที่คุณไม่รู้ว่าใคร

เซียนอมตะ 2,500 ปี [我只有两千五百岁]

บทที่ 123 คนที่คุณไม่รู้ว่าใคร

เวลา 18:00 น.

ซูเย่นั่งอยู่ในร้านอินเทอร์เน็ตคาเฟ่ และตั้งกระทู้ใหม่ขึ้นมาอีกครั้ง

“นี่คือการโจมตีชุดที่สอง ดูสิว่าจะทนนิ่งเฉยได้อีกไหม!”

ซูเย่หัวเราะในลำคอ

“ในเมื่อให้โอกาสแรกไปแล้วแต่ยังนิ่งเฉยอยู่ ก็คงต้องเจออาวุธหนักสักหน่อยแล้ว”

กระทู้ใหม่ของชายหนุ่มมีชื่อว่า

“เผยชื่อผู้บริหารระดับสูงที่คอยช่วยเหลือหยางเหวินป๋อ”

เนื้อหาในกระทู้นั้นมีแค่เพียงประโยคเดียวคือ : รองอธิการบดี หลี่ชิงฝู!

ห้องทำงานของหลี่ชิงฝู

ชายร่างอ้วนนั่งจ้องมองหน้าจอคอมพิวเตอร์ด้วยความตกตะลึงมากที่สุดในชีวิต…

เขาเห็นชื่อของตัวเอง

หลี่ชิงฝูตัวสั่นเทา ใบหน้าเปลี่ยนสี

อีกฝ่ายรู้ว่าเป็นเขา รู้ว่าเป็นเขาจริง ๆ!

คนที่ตั้งกระทู้รู้ได้ยังไงกันนะ!

เขาหยิบโทรศัพท์ออกมาโทรไปหาหยางเหวินป๋อทันที

“คุณไปมีเรื่องกับใครมา?”

หลี่ชิงฝูพยายามเต็มที่แล้วที่จะสะกดอารมณ์ของตัวเอง แต่ก็ยังระเบิดเสียงออกไปด้วยความเดือดดาลอยู่ดี “คุณเดือดร้อนคนเดียวไม่ได้หรือไง ทำไมต้องพาผมซวยไปด้วย อีกฝ่ายถึงกับประกาศชื่อผมในกระทู้แล้ว นี่มันเรื่องอะไรกันแน่? มันเป็นไปได้ยังไงกัน?”

“ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันครับ”

หยางเหวินป๋อก็กำลังนั่งอ้าปากค้างเมื่อเห็นกระทู้นี้อยู่เช่นกัน

“เรื่องระหว่างคุณกับผมไม่สมควรมีคนอื่นรู้อีกแล้ว ไปหามาให้เจอว่าคนคนนั้นเป็นใคร รีบจัดการเรื่องนี้ให้เร็วที่สุด อย่าปล่อยให้มันได้ตั้งกระทู้แบบนี้ขึ้นมาอีก!”

เมื่อได้ยินคำสั่ง หยางเหวินป๋อก็ไม่รู้จะตอบรับอย่างไรอีกแล้ว

เรื่องผลประโยชน์การช่วยเหลือกันระหว่างเขากับหลี่ชิงฝู นับว่าไม่มีบุคคลที่สามล่วงรู้อีกแล้ว

ถ้าอย่างนั้นบุคคลปริศนาที่มาตั้งกระทู้ในเว็บบอร์ดสามารถเอ่ยชื่อรองคณบดีหลี่ชิงฝูได้อย่างไร?

สมองของหยางเหวินป๋อรีบหาคำตอบอย่างรวดเร็ว

เร็ว ๆ นี้เขามีปัญหากับใครหรือเปล่านะ?

หลี่เคอหมิง?

เขาเจตนาขัดแข้งขัดขาลูกศิษย์ของหลี่เคอหมิง

แต่เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ หยางเหวินป๋อก็ต้องส่ายศีรษะ

“เป็นไปไม่ได้!”

หลี่เคอหมิงเป็นคนที่จริงใจใสซื่อมากที่สุดในโลกนี้แล้ว

ไม่ต้องเอ่ยถึงเลยว่าหลี่เคอหมิงจะมาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ต่อให้หมอนั่นมีหลักฐานอยู่ในมือ หลี่เคอหมิงก็คงไม่มาตั้งกระทู้แบบไม่ระบุตัวตนแน่ ๆ แต่หลักฐานทั้งหมดนั้นคงมาวางอยู่บนโต๊ะทำงานของหยางเหวินป๋อแล้วมากกว่า

เพราะฉะนั้น ตัดหลี่เคอหมิงออกไปได้

แล้วจะเป็นใครกันนะ?

“ตอนนี้สั่งให้เจ้าหน้าที่ลบกระทู้นั้นทิ้งไปได้แล้ว จะปล่อยเอาไว้ให้เห็นตำตาอยู่เพื่ออะไร”

หลี่ชิงฝูออกคำสั่งน้ำเสียงแข็งกร้าว

หยางเหวินป๋อรับคำสั่งโดยไม่ลังเล และติดต่อบอกให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยีของมหาวิทยาลัยลบกระทู้เจ้าปัญหาทิ้งไปทันที

ไม่กี่นาทีต่อมา

กระทู้ทั้งสองกระทู้ที่ซูเย่ตั้งขึ้นมาในวันนี้ ก็ถูกลบทิ้งเหมือนไม่เคยปรากฏขึ้นมาก่อน

ในเว็บบอร์ด

นักศึกษาจำนวนมากกำลังพิมพ์ข้อความคอมเมนต์ในกระทู้เปิดโปงรองอธิการบดีหลี่ชิงฝู

“คราวที่แล้วใส่ความคณบดีหยางไม่ได้ผล คราวนี้ก็หันมาใส่ความรองอธิการบดีอีกแล้ว ทำไมต้องมาปล่อยข่าวลือสร้างความเสียหายให้มหาลัยด้วยฮะ!”

“นั่นน่ะสิ เก่งจริงก็อย่าหลบอยู่หลังคีย์บอร์ดสิโว้ย เปิดหน้าจริงเปิดชื่อจริงของนายออกมาเลย!”

แต่เมื่อพวกเขาพิมพ์เสร็จและกดส่งคอมเมนต์

กลับปรากฏว่า

“กระทู้นี้ได้ถูกลบไปแล้ว”

เกิดอะไรขึ้น?

บรรดานักศึกษาขมวดคิ้วมึนงง รีบกลับไปตรวจสอบที่หน้าหลักของเว็บบอร์ด และพบว่ากระทู้เปิดโปงได้ถูกลบทิ้งไปแล้ว

สถานการณ์ที่เกิดขึ้นนี้มีกลุ่มคนรู้เห็นเป็นจำนวนมาก

กระทู้เจ้าปัญหาทั้งสองกระทู้ถูกลบหมดสิ้น

ทันใดนั้น บรรยากาศในเว็บบอร์ดตกอยู่ในความเงียบ

แม้แต่นักศึกษาที่คอยสนับสนุนหยางเหวินป๋อก็ยังอดพิศวงสงสัยไม่ได้

ทำไมพวกเขาถึงรู้สึกเหมือนตนเอง…กำลังเข้าข้างคนผิดอยู่อย่างไรไม่ทราบ?

ตกลงแล้วนี่เป็นยังไงกันแน่?

เมื่อลองคิดดูให้ดี ก็อาจเป็นไปได้ว่าทางมหาวิทยาลัยคงไม่อยากให้ข่าวลือเผยแพร่ออกไปมากกว่านี้ จึงลบกระทู้ปัญหาทิ้งไป เพื่อเป็นการตัดไฟตั้งแต่ต้นลม

หลังจากที่ลบกระทู้เหล่านั้นทิ้งไปแล้ว ตลอดทั้งคืนก็ไม่มีการตั้งกระทู้ใหม่อีกเลย

หลี่ชิงฝูถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก

แต่เมื่อเขามาถึงที่ทำงานในเช้าวันต่อมา รองอธิการกลับพบว่ามีกระทู้ใหม่ได้ถูกโพสต์ออกมาแล้ว

“เปิดโปงความผิดของรองอธิการบดีหลี่ชิงฝู”

“ระหว่างที่สืบสวนเรื่องราวการกระทำผิดของหยางเหวินป๋อ ฉันไปค้นเจอหลักฐานเด็ดมาชิ้นหนึ่งเกี่ยวกับคุณ และมันเป็นหลักฐานที่หยางเหวินป๋อเก็บเอาไว้ตั้งใจจะหักหลังคุณโดยเฉพาะ แต่ฉันจะยังไม่เอามันออกมาฉีกหน้าคุณในตอนนี้หรอก”

“ฉันขอแนะนำให้คุณเลิกปกป้องหยางเหวินป๋อได้แล้ว เพราะไม่อย่างนั้น คุณอาจจะต้องเดือดร้อนไปด้วย”

“นี่คือคำเตือนจากฉันด้วยเจตนาดี หวังว่าคุณจะทำเพื่อตัวคุณเอง”

ลงชื่อ : คนที่คุณไม่รู้ว่าใคร

เมื่อตั้งกระทู้เสร็จแล้ว ซูเย่ก็เดินออกจากร้านอินเทอร์เน็ตคาเฟ่และกลับไปที่มหาวิทยาลัย

นี่คือการโจมตีชุดที่สาม

เป้าหมายคือการยุแยงให้หยางเหวินป๋อกับหลี่ชิงฝูทะเลาะกันเอง

นี่คือการกวนน้ำให้ขุ่น ทำให้สถานการณ์ของฝ่ายตรงข้ามย่ำแย่ลง

“ถ้าสองกระทู้ที่แล้วยังทำอะไรแกไม่ได้ กระทู้นี้แกก็คงอยู่เฉยไม่ได้แน่ ๆ”

“ฉันก็ได้แต่หวังว่าแกจะทำอย่างที่ฉันคิดนะ ฮ่าฮ่า”

หลักฐานที่หยางเหวินป๋อเก็บเอาไว้อย่างนั้นหรือ?!

ทันทีที่หลี่ชิงฝูเห็นกระทู้นี้ เขาก็รีบหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาโทรไปหาอีกฝ่ายด้วยความโกรธแค้นสุดขีด

ยามบ่าย

ซูเย่ได้รับบันทึกการสนทนาผ่านสายโทรศัพท์

เมื่อฟังจบแล้วเขาก็ยิ้มกว้าง

ชายหนุ่มรีบหาร้านอินเทอร์เน็ตคาเฟ่ และอัปโหลดคลิปเสียงขึ้นไปยังเว็บฝากไฟล์ออนไลน์ จากนั้นจึงได้แนบลิงก์เข้าไปในกระทู้ที่กำลังจะตั้งใหม่

“ตะปูตอกฝาโลงมาแล้ว”

“นี่คือหลักฐานที่ทุกคนตามหา”

ตะปูตอกฝาโลงอย่างนั้นหรือ?

เมื่อนักศึกษาแพทย์แผนจีนเห็นข้อความในกระทู้ใหม่ พวกเขาก็รีบดาวน์โหลดไฟล์เสียงมาฟังโดยไม่ลังเล

หลังจากฟังจบแล้ว

ทุกคนก็ตกตะลึง

เพราะว่ามันเป็นเสียงการสนทนาทางโทรศัพท์ระหว่างคณบดีหยางเหวินป๋อกับรองอธิการบดีหลี่ชิงฝู

“คุณไปมีเรื่องกับใครมาฮะ?”

“ผมบอกคุณแล้วใช่ไหมว่าให้หาตัวคนโพสต์กระทู้ให้เจอให้เร็วที่สุด ทำไมถึงยังไม่จัดการเรื่องนี้อีก?”

“แต่ท่านรองครับ ผมตรวจจนเจอไอพีของคนที่ตั้งกระทู้แล้วนะครับ”

“เจอแล้วกับผีน่ะสิ! ถ้าเจอแล้วทำไมยังตามหาตัวคนโพสต์ไม่ได้อีก? ยังจะหาทางแก้ตัวอะไรอีก รู้ไหมว่าเพื่อช่วยเหลือคุณในครั้งนี้ ผมต้องเจอแรงกดดันมากแค่ไหน? คิดว่าการปิดปากเจ้าหน้าที่ฝ่ายตรวจสอบจริยธรรมมันง่ายนักหรือไง? คุณทำให้ผมต้องพลอยเดือดร้อนไปด้วย! บอกผมมาเดี๋ยวนี้นะว่าตลอดหลายปีที่ผ่านมา คุณเก็บหลักฐานอะไรที่เกี่ยวข้องกับพวกเราเอาไว้บ้าง?”

“ไม่มีเลยครับ ท่านรองไม่ต้องเป็นกังวล”

“จะไม่ให้ผมเป็นกังวลได้ยังไง! คุณไม่เห็นหรือว่าในกระทู้นั่นมีชื่อผมแล้ว? คุณเป็นคนเริ่มเรื่องนี้ขึ้นมา ทำไมไม่รู้จักแก้ไขมันฮะ ไม่ว่าคุณมีหลักฐานอะไรที่เกี่ยวข้องกับผม รีบทำลายมันทิ้งไปให้หมด เผื่อคุณถูกจับขึ้นมา ผมจะได้ไม่ต้องซวยไปด้วย! ผมไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับคุณอีกแล้ว! ไม่ว่าคุณจะเป็นตายร้ายดียังไงก็ตาม เดี๋ยวผมจะแก้ไขปัญหานี้ด้วยวิธีของผมเอง!”

บทสนทนามีความยาวหลายนาทีและมีถ้อยคำที่รุนแรงเผ็ดร้อน

นักศึกษาที่กดฟังคลิปเสียงต่างก็ไม่อยากเชื่อหูของตัวเอง

ทั้งหมดที่พวกเขาได้ยินเป็นความจริงหรือไม่?