ตอนที่ 235 เธอส่งผลมากขนาดนี้เชียว? / ตอนที่ 236 คิดจะลงทุน

ลืมรักเลือนใจ

ตอนที่ 235 เธอส่งผลมากขนาดนี้เชียว?

 

 

เผยหนานซวี่มองหญิงสาว เอ่ยปากไต่ถามด้วยความลังเล “คุณหลิน ผมขอละลาบละล้วงถามคุณสักอย่างหนึ่งได้ไหมครับ?”

 

 

หลินเยียน “คำถามอะไรเหรอคะ?”

 

 

“ทำไมต้องเลิกกับพี่ชายผมด้วย? เพราะพี่ชายผมทำผิดอะไรสักอย่างจนทำให้คุณไม่มีความสุขหรือเปล่า?” เผยหนานซวี่รู้สึกสงสัยเล็กน้อย

 

 

ก่อนหน้านี้ทั้งสองคนยังคบหากันดีอยู่ชัดๆ เขาไม่รู้ว่าทำไมเมื่อคืนจู่ๆ ก็เลิกกัน

 

 

จะเป็นไปได้อย่างไร!

 

 

ก่อนหน้านี้เผยอวี้เฉิงเป็นพ่อเทพบุตรในสายตาเธอมาตลอด ไม่ใช่เหรอ?

 

 

เธอถูกล่อลวงจนเกือบจะทรยศต่อทรัพย์สินเงินทองเสียด้วยซ้ำ…

 

 

เมื่อหลินเยียนได้ยินก็เกาหัวแกรกๆ สีหน้าสับสน เธอมีความลำบากใจเหมือนกันนะ

 

 

ปัญหาแรกก็คือการที่เธอคบกับเผยอวี้เฉิงนั้นคือความเข้าใจผิดมาตั้งแต่แรก…

 

 

ถ้าไม่ใช่เพราะเธอมักจะสูญเสียการควบคุมสติสัมปชัญญะจนทำเรื่องที่ควบคุมไม่ได้บางอย่างขึ้นมา แล้วเธอจะรีบร้อนเลิกกับเผยอวี้เฉิงทำไมเล่า…

 

 

ฮัลเลลูยา!

 

 

เมื่อรับรู้ถึงความคิดในจิตใต้สำนึกของตัวเอง หลินเยียนก็ตกใจ

 

 

หรือเป็นแค่เพราะเรื่องที่เธอควบคุมสติไม่ได้ ถึงได้เลิกกับเผยอวี้เฉิงอย่างนั้นเหรอ?

 

 

 

 

 

หลินเยียนดึงความคิดกลับมา สรรหาถ้อยคำอยู่พักหนึ่ง จากนั้นจึงเอ่ยปากพูดขึ้นมาว่า “เรื่องนี้สลับซับซ้อนอยู่บ้าง เพียงแต่ไม่เป็นไรค่ะ คราวหน้าจะบอกเรื่องทุกอย่างให้คุณเผยอวี้เฉิงฟังอย่างชัดเจน ถึงเวลาจะเลิกหรือไม่เลิก ให้คุณเผยอวี้เฉิงตัดสินใจเองก็แล้วกัน”

 

 

เผยหนานซวี่หัวเราะเบาๆ ครั้งหนึ่ง พูดด้วยน้ำเสียงมั่นใจ “ไม่ว่าจะเพราะเรื่องอะไร พี่ชายผมไม่มีทางเลิกกับคุณแน่”

 

 

เดิมทีเขายังรู้สึกสงสัยมากว่าทำไมพี่ใหญ่ถึงใส่ใจผู้หญิงที่จู่ๆ ก็โผล่ออกมาคนนี้นัก นึกว่าจะเป็นแค่ความรู้สึกชั่ววูบหรือเปล่า

 

 

แต่เมื่อรู้ว่าความเปลี่ยนแปลงในช่วงสองปีนี้ของพี่ใหญ่เกิดจากผู้หญิงคนนี้ทั้งสิ้น เขาถึงมั่นใจว่าหลินเยียนมีความสำคัญภายในใจพี่ใหญ่

 

 

หลินเยียนไม่รู้เช่นกันว่าเพราะเหตุใดเผยหนานซวี่ถึงมั่นใจขนาดนี้

 

 

อันที่จริงเธอยังรู้สึกแปลกใจมากด้วยซ้ำ เธอกับเผยอวี้เฉิงรู้จักกันไม่นานจริงๆ นี่นา…

 

 

เธอยังนึกมาตลอดด้วยซ้ำว่าเผยอวี้เฉิงแค่เล่นสนุกกับเธอตามอารมณ์เท่านั้นเอง…

 

 

ทว่าสุดท้ายกลับพบว่าเผยอวี้เฉิงกลับจริงจังมากกว่าที่เธอคิดเอาไว้ ส่วนเธอถึงจะเป็นคนที่ตามอารมณ์

 

 

เมื่อนึกถึงตรงนี้ก็ยากที่จะไม่รู้สึกผิดอยู่บ้าง

 

 

“ใช่แล้วล่ะ ร่างกายคุณเผยอวี้เฉิงเป็นอย่างไรบ้างคะ?” หลินเยียนรีบถาม

 

 

“กำลังตรวจทุกด้านอยู่ครับ ระหว่างนี้ไม่อาจให้ใครเข้าไปรบกวนได้ เวลาในการตรวจคาดว่าจะค่อนข้างนาน ดังนั้นพี่ชายผมเลยให้ผมเตรียมคนขับรถเพื่อส่งคุณกลับไปพักผ่อนก่อน”

 

 

“แน่ใจว่าไม่มีปัญหาอะไรนะคะ?”

 

 

“ผลการตรวจยังไม่ออกมา แต่เมื่ออ่านจากค่าของเครื่องวัด ตอนนี้เสถียรมาก ไม่ต้องห่วงครับ”

 

 

หลินเยียนกล่าวด้วยความลังเล “อือ ขอละลาบละล้วงถามสักคำนะคะ ที่แท้คุณเผยอวี้เฉิงป่วยเป็นอะไรกันแน่?”

 

 

“นี่…ผมเองก็อธิบายได้ไม่ชัดเจน…” เผยหนานซวี่พยายามใช้วิธีการที่ธรรมดาและเข้าใจง่ายในการพูดอธิบาย “ผมเข้าใจว่าเป็นโรคที่ไม่อาจทนต่อการกระตุ้น หากได้รับการกระตุ้นแล้วร่างกายจะเสียการควบคุม จะเกิดอันตรายมากก็ได้ครับ”

 

 

ครั้นได้ยินคำตอบของเผยหนานซวี่ หลินเยียนก็นึกถึงจูบก่อนหน้านี้ของเผยอวี้เฉิงโดยอัตโนมัติ

 

 

เธอส่งผลต่อเผยอวี้เฉิง…มากขนาดนี้เชียว?

 

 

นี่ยังไม่ใช่โอสถเซียนยาวิเศษอีกอย่างนั้นเหรอ?

 

 

“แบบนี้นี่เอง…”

 

 

หลินเยียนรู้สึกโดยอัตโนมัติว่าเรื่องราวไม่ได้ง่ายดายขนาดนี้

 

 

ถ้าเบาอย่างที่เผยหนานซวี่พูดมาขนาดนั้น ตอนนั้นพอพวกเขาได้ยินเสียงนาฬิกาข้อมือดัง คงไม่แสดงสีหน้าเหมือนวันสิ้นโลก ฟ้าใกล้ถล่มลงมาแบบนั้นหรอก…

 

 

 

 

ไม่ว่าอย่างไรก็ถือว่าจบเรื่องได้เสียที

 

 

เมื่อหลินเยียนคุยกับเผยหนานซวี่เสร็จ มั่นใจพอสมควรว่าเผยอวี้เฉิงไม่ได้เป็นอะไรมากแล้ว ถึงให้โชเฟอร์ส่งเธอไปหาคุณตา

 

 

เธอห่วงว่าแม่อยู่กับคุณตาทางนั้นเพียงลำพังจะถูกพวกคุณลุงรังแกเอาอีก

 

 

 

 

ตอนที่ 236 คิดจะลงทุน

 

 

เมื่อมาถึงบ้านเก่า หลินเยียนไปที่ห้างสรรพสินค้าที่อยู่ละแวกนั้นเพื่อซื้อของบางอย่างให้คุณตาโดยเฉพาะ หิ้วของทั้งห่อเล็กห่อใหญ่เข้าไปในบ้านเก่า

 

 

ตอนนี้พวกของเฮ่อติ้งคุนคุณตาของเธอกำลังนั่งอยู่ในห้องโถงใหญ่ เฮ่อมู่อวิ๋นมารดาของเธอก็อยู่ที่นี่ด้วยเช่นกัน

 

 

“พี่เยียน พี่มาแล้ว”

 

 

เมื่อเห็นหลินเยียนเดินเข้ามา เฮ่อเล่อเฟิงลูกพี่ลูกน้องคนรองก็รีบเดินเข้ามาหา คว้าเอาห่อของใหญ่น้อยของหลินเยียนไป

 

 

“พวกนายมาทำอะไร?”

 

 

เฮ่อหมิงไข่ลูกพี่ลูกน้องคนโตเหลือบมองหลินเยียนแวบหนึ่ง จากนั้นก็มองไปทางเฮ่อมู่อวิ๋นที่อยู่ไม่ไกลทันที แล้วก็พูดจาเย้ยหยันออกมาโดยพลัน “พรุ่งนี้ทีมรถแข่งจะเข้าแข่งทัวร์นาเมนต์ตั้งแต่เช้าตรู่ มีคนบางคนที่ไม่รู้เรื่องอะไรสักอย่าง แต่ดันจะมาร่วมวงให้ได้ด้วยอีก”

 

 

“พี่หมิงไข่ อย่าพูดแบบนั้นสิ…” เฮ่อเล่อเฟิงขมวดคิ้วเล็กน้อย มองไปทางเฮ่อหมิงไข่พร้อมเอ่ยเสียงแผ่วเบา

 

 

“ไม่ให้พูดแบบนั้น?” เมื่อได้ยินเฮ่อหมิงไข่ก็เหลือบมองเฮ่อเล่อเฟิง พูดจาเยาะเย้ยออกมา “งั้นฉันควรพูดยังไง ตอนนี้ที่บ้านกลายเป็นแบบนี้เพราะใครทำร้าย นายไม่รู้อยู่แก่ใจเลยเหรอ”

 

 

“พี่หมิงไข่ เรื่องแบบนี้จะไปโทษคุณอากับพี่เยียนไม่ได้นะครับ ทุกคนต่างไม่อยากให้เกิดขึ้น มิหนำซ้ำประเด็นสำคัญในตอนนี้มันเป็นเพราะความสามารถของทีมรถแข่งไม่ดี ไม่อย่างนั้นคงไม่เดินมาถึงจุดที่เป็นอย่างทุกวันนี้หรอกครับ” เฮ่อเล่อเฟิงพูดเสียงค่อย

 

 

ทันใดนั้นลุงใหญ่เฮ่อสยงก็พูดด้วยเสียงเย็นชาออกมา “เสี่ยวเฟิง แกเป็นเด็กจะไปรู้อะไร พี่หมิงไข่ของแกพูดไม่ผิด ยิ่งไปกว่านั้นถ้าไม่ใช่เกิดปัญหาเรื่องเงินทุนจนไม่มีเงินทุ่มให้ทีมรถแข่ง ด้วยความสามารถของหมิงไข่ของแก ไม่แน่ว่าคงก้าวสู่การเป็นนักแข่งรถแถวสองหรือกระทั่งแถวหน้าของประเทศไปแล้ว”

 

 

“พ่อ อย่าไปพูดกับพวกเขาเลย ไม่เข้าใจอะไรทั้งนั้นนั่นแหละ โดยเฉพาะแม่ลูกคู่นี้ เห็นแล้วก็อยากจะอ้วก” เฮ่อหมิงไข่ทำสีหน้ารังเกียจ

 

 

“พอได้แล้ว!”

 

 

ยามนี้ นายผู้เฒ่าเฮ่อติ้งคุนขมวดคิ้วมุ่น สีหน้าไม่พอใจ

 

 

เมื่อเห็นนายผู้เฒ่าไม่พอใจ ทุกคนจึงไม่กล้าพูดอะไรมากต่อไปอีก

 

 

“ใช่แล้วล่ะ… คุณปู่ พ่อ… บอกข่าวดีพวกเขาไปสิครับ” เฮ่อเล่อเฟิงยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย ใบหน้าเต็มไปด้วยความหยิ่งผยอง

 

 

“ข่าวอะไร?” เฮ่อสยงถาม

 

 

“ก็เรื่องเผยอวี่ถังเจ้าของทีมรถแข่งบลาสท์ไงครับ” เฮ่อหมิงไข่กล่าวระคนยิ้ม “ก่อนหน้านี้ผมบังเอิญรู้จักเจ้าของทีมรถแข่งบลาสท์ พอติดต่อกันหลายครั้ง ในที่สุดเขาก็รับปากว่าพรุ่งนี้จะมาดูการแข่งของทีมเรา ขอเพียงมีผลงานดีอยู่บ้าง บางทีอาจได้รับการลงทุนจากเผยอวี่ถังก็ได้”

 

 

“เผยอวี่ถัง?” เฮ่อสยงตะลึงงัน “เหมือนจะไม่เคยได้ยินมาก่อน”

 

 

เฮ่อเล่อเฟิงเอ่ย “แถมค่อนข้างแข็งแกร่งอีกด้วย อุปกรณ์ที่ติดตั้งในรถแข่งของทีมรถแข่งบลาสท์ถือว่าทันสมัยทีเดียว เพียงแต่นักแข่งไม่เก่ง จนแล้วจนรอดก็ไม่ติดอันดับ แต่นี่ไม่สำคัญหรอก ถ้าเจ้าของทีมรถแข่ง บลาสท์ยอมลงทุน ต่อให้ทีมรถแข่งของเราจะแพ้และตกรอบทัวร์นาเมนต์ นั่นก็ไม่เป็นไรแล้วล่ะครับ”

 

 

“แต่ฉันรู้จักทีมรถแข่งบลาสท์” นายผู้เฒ่าเฮ่อติ้งคุนมองเฮ่อหมิงไข่แวบหนึ่ง พูดขึ้นมาว่า “เพียงแต่แกแน่ใจนะว่าพรุ่งนี้เจ้าของทีมรถแข่งบลาสท์จะมาดูการแข่ง รวมถึงยังคิดจะลงทุนอีกด้วยจริงหรือ”

 

 

“ฮ่าๆ คุณปู่ ปู่วางใจเถอะครับ ความสัมพันธ์ของผมกับเจ้าของทีมรถแข่งบลาสท์นับว่าไม่เลวอยู่ ต้องไม่มีปัญหาอะไรแน่ ผมรับประกันได้” เฮ่อหมิงไข่พูดด้วยน้ำเสียงมั่นใจ

 

 

“อืม… หมิงไข่ ฉันคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าแกจะเรียกตัวเจ้าของทีมรถแข่งบลาสท์มาได้ ช่วงนี้ต้องลำบากแกแล้วนะ” เฮ่อติ้งคุนมองเฮ่อหมิงไข่ ผงกศีรษะให้

 

 

“หมิงไข่ ทำได้ไม่เลว แกทำให้พวกเราได้หน้าแล้ว” เฮ่อสยงมองเฮ่อหมิงไข่ด้วยสีหน้ายินดี จากนั้นก็เหล่มองหลินเยียนกับเฮ่อมู่อวิ๋นทันที พร้อมพูดเย้ยหยัน “ไม่เหมือนคนบางคน รู้จักแต่ตักตวงและทำร้ายคนในบ้าน ไม่เคยทำอะไรให้เลยสักนิด แถมยังมีหน้าทำเหมือนไม่เคยเกิดอะไรขึ้นอีกด้วย”