ทุกคนรีบหยุดบทสนทนาไว้เพียงเท่านั้น แล้วยิ้มแย้มรอให้กู้ซีเดินเข้ามา
กู้ซีอยู่ในชุดเสื้อกั๊กปี่เจี๋ยสีเขียวฟ้า ผมดำขลับมวยเป็นทรงเรียบง่าย ปักปิ่นเคลือบทองประดับมุก แก้มสองข้างขาวผ่องมีเลือดฝาด ดวงตาเป็นประกายสดใส ดูมีชีวิตชีวาเป็นที่สุด
ท่านแม่เฒ่าสกุลเผยพยักหน้าเมื่อได้เห็น “ดูท่าสุขภาพเจ้าคงดีขึ้นมากแล้ว!”
กู้ซียิ้มแล้วย่อกายคารวะท่านแม่เฒ่าสกุลเผยและท่านแม่เฒ่าสกุลอี้ “พึ่งพาบารมีของท่านแม่เฒ่าทั้งสอง ข้าไม่เป็นไรแล้วเจ้าค่ะ”
ท่านแม่เฒ่าสกุลอี้ทำท่าปลื้มอกปลื้มใจนัก รีบเอ่ยว่า “เช่นนั้นก็ดี” แล้วบอกให้กู้ซีนั่งสนทนากัน “หายดีแล้วแต่จะประมาทไม่ได้ ต้องคอยบำรุงอีกสักหลายวันก่อน”
กู้ซีเอ่ยขอบคุณท่านแม่เฒ่าสกุลอี้ แล้วนั่งเคียงไหล่กับอวี้ถัง นายหญิงรองพลันพาคุณหนูรองเดินเข้ามาพอดี
ในห้องจึงเติมไปด้วยบรรยากาศคึกคัก
คุณหนูสี่เห็นว่านายหญิงรองกับคุณหนูห้าเดินเข้าไปสนทนาเบื้องหน้าท่านแม่เฒ่าสกุลเผยแล้ว จึงค่อยๆ กวักมือเรียกอวี้ถัง
อวี้ถังหันหน้ามองรอบๆ เห็นว่ากู้ซี คุณหนูรองและคุณหนูสามกำลังสนทนากับท่านแม่เฒ่าสกุลอี้เช่นกัน นางได้ยินเสียงพูดคุยของนายหญิงรองกับคุณหนูห้าอยู่ จึงเดินเข้าไปหาคุณหนูสี่แล้วเอ่ยว่า “มีอะไรรึ?”
คุณหนูสี่กระซิบบอกนางอย่างลำพองว่า “งานแต่งของพี่รองกับคุณชายหยางใกล้จะได้ข้อสรุปแล้ว…พรุ่งนี้สกุลหยางจะส่งคนไปหารือเรื่องงานแต่งที่จวนของพวกเรา!”
ท่าทางโอ้อวดนั่น ทำให้อวี้ถังอยากหยิกแก้มนางสักที
“ข่าวสารของเจ้าช่างฉับไวดีแท้!” นางคล้อยตามหัวข้อสนทนาของคุณหนูสี่
คุณหนูสี่ยิ่งได้ใจ พยักเพยิดคางแล้วเอ่ยว่า “เมื่อวานพี่รองกับพี่สามแอบคุยกัน ข้าไปได้ยินเข้าพอดี”
อวี้ถังเม้มปากยิ้มๆ
คุณหนูสี่ยังเอ่ยอีกว่า “ความจริงไม่ใช่พี่รองหรอกที่ถูกใจคุณชายหยาง เป็นท่านอาสามต่างหากที่ชอบคุณชายหยางคนนั้น”
เผยเยี่ยนสนใจเรื่องนี้ด้วยรึ?
แล้วเขารู้ได้อย่างไรว่าคุณชายหยางกับคุณหนูรองเหมาะสมกัน?
อวี้ถังอดจะเลิกคิ้วสูงไม่ได้
คุณหนูสี่คิดว่านางไม่เชื่อ จึงเอ่ยต่อเป็นพัลวันว่า “เรื่องจริงนะ! ข้าไม่หลอกเจ้าหรอก คุณชายหยางรู้ว่าท่านอาสามก็อยู่ที่อารามดับทุกข์ ถึงได้ไปพบท่านอาสามก่อน ท่านอาสามสนทนากับเขาอยู่สองเค่อ จากนั้นท่านย่าจึงส่งคนไปถามท่านอาสามว่าคุณชายหยางเป็นอย่างไรบ้าง ท่านอาสามบอกว่าวิชาความรู้ไม่แย่ พี่รองถึงได้ตอบตกลง”
นี่ นี่ออกจะสะเพร่าไปหน่อยกระมัง?
นึกถึงตอนแรก ขนาดหลี่ตวนที่ศึกษาตำราได้เก่งกาจ ก็ยังเป็นคนเลวคนหนึ่งเลย!
มารร้ายตัวน้อยในใจอวี้ถังปาดเหงื่อบนหน้าผาก อดจะเหลียวมองคุณหนูรองไม่ได้
ไม่รู้ว่าคุณหนูรองเปลี่ยนไปคุยกับท่านแม่แม่าเฒ่าสกุลเผยตั้งแต่เมื่อไร อวี้ถังได้ยินเพียงนางพูดว่า “ท่านวางได้ได้เจ้าค่ะ ข้าจะเป็นคนช่วยน้องสามทำธูปหอมออกมาให้ได้” พูดจบ ก็หันไปลากกู้ซีเข้ามาร่วมด้วย “ถ้าท่านไม่ไว้ใจข้า ก็ยังมีพี่กู้อยู่อีกคนเจ้าค่ะ ถึงเวลานั้นมีพี่กู้คอยช่วยเหลือ ท่านยังมีเรื่องใดให้กังวลอีก?”
ท่านแม่เฒ่าสกุลเผยหัวเราะหึๆ “ใกล้จะสิ้นปีแล้ว พี่กู้ของเจ้าจะพักอยู่ที่เรือนเราตลอดไปได้รึ? เจ้ารู้แต่ว่าบิดามารดาเจ้าประคองเจ้าไว้กลางฝ่ามือ ดูแลเอาใจใส่ไม่เคยว่างเว้น แล้วบิดามารดาของพี่กู้เจ้าจะไม่คิดถึงนางบ้างหรือไร?”
ในห้องพลันเงียบเสียงทันที
ท่านแม่เฒ่าสกุลเผยไม่เคยพูดถึงเรื่องกู้ซีกลับบ้านไปร่วมงานปีใหม่มาก่อน
นี่นับเป็นครั้งแรก
ดวงหน้าของกู้ซีร้อนผะผ่าว รู้สึกว่าท่านแม่เฒ่าสกุลเผยกำลังไล่นางอยู่ ทำให้นางอับอายจนวางหน้าไม่ถูก ทั้งไม่รู้จะพูดคำใดออกมาอีกด้วย
นางยืนมือไม้ไร้ที่วางอยู่ตรงนั้น เอ่ยอึกๆ อักๆ ว่า “ข้า ข้าก็เตรียมตัวจะกลับในสองวันนี้แล้ว คุณหนูรองทางนั้น เกรงว่าจะช่วยอะไรไม่ค่อยได้…”
คุณหนูรองก็รู้สึกผิดตามไปด้วย รีบเกี่ยวแขนกู้ซีมาคล้องไว้ เอ่ยขออภัยนางว่า “ไอหยา ข้าลืมเรื่องปีใหม่เสียสนิทเลย พี่กู้มาพักอยู่ที่จวนเรา ก็เหมือนเป็นพี่น้องกันแล้ว หากว่าต่อไปสามารถมาเป็นแขกที่จวนเราบ่อยๆ ได้ก็คงดี”
กู้ซีอดจะมองไปทางท่านแม่เฒ่าสกุลเผยไม่ได้
ท่านแม่เฒ่าสกุลเผยหัวเราะออกมาอย่างมีเมตตา “พวกเจ้าสองพี่น้องสนิทสนมกันได้นับเป็นวาสนา หากว่าคุณหนูกู้มีเวลา ก็แวะมาหากันบ่อยๆ เด็กพวกนี้ชอบคนรื่นเริงสนุกสนาน ย่อมจะยินดีต้อนรับคุณหนูกู้แน่”
“ใช่แล้วๆ” คุณหนูรองรีบเอ่ยสนับสนุน
กู้ซีเพิ่งจะข่มอารมณ์บนสีหน้าได้อย่างยากลำบาก ไม่ได้หลุดท่าทางแตกตื่นหรือว่าผิดหวังออกไปให้เห็น
แต่ก่อนนางคิดจะเรียกอวี้ถังตามลำดับอายุ แต่คำเดียวของท่านแม่เฒ่าสกุลเผยทำให้พวกนางกลายเป็น ‘คุณหนูกู้’ กับ ‘คุณหนูอวี้’ บัดนี้ ท่านแม่เฒ่าสกุลเผยกลับพูดว่านางกับคุณหนูสกุลเผยก็เป็นเหมือนพี่น้องกัน หากเป็นคนธรรมดา แปดในสิบย่อมคิดว่าตนเองเอาชนะใจท่านแม่เฒ่าได้ และท่านแม่เฒ่ากำลังแสดงไมตรีต่อนางอยู่ แต่นางหาใช่คนธรรมดาทั่วไป นางเติบโตท่ามกลางสกุลกู้ซึ่งมีสภาพแวดล้อมซับซ้อนตั้งแต่เล็ก บางเรื่องไม่จำเป็นต้องให้ใครมาบอกนางก็เดาออกด้วยตัวเองได้…ในที่แจ้ง นางเหมือนว่าจะขยับเข้าใกล้สกุลเผยได้อีกหน่อย ในที่ลับ ท่านแม่เฒ่ากลับทำให้นางต้องห่างกับเผยเยี่ยนด้วยลำดับอาวุโสขั้นหนึ่ง
หลังจากเรื่องของเผยเยี่ยนนางยังต้องถูกท่านผู้เฒ่าสกุลเผยถีบให้ตกรอบอีกหรือ?
แต่เพราะเหตุใดเล่า?
นางทำอะไรผิดตรงไหนกัน?
จนทำให้สองแม่ลูกไม่เคยเห็นนางในสายตา?
กู้ซีคิดแล้วก็ไม่เข้าใจ สีหน้านางไร้เลือดเหมือนผ้าขาวผืนหนึ่ง
คุณหนูรองอดจะเป็นห่วงนางมิได้ “พี่กู้ ท่าน ท่านเป็นอะไรไป? ไม่สบายตรงไหนหรือเจ้าคะ?”
กู้ซีส่ายหน้า บังคับให้ตัวเองฉีกยิ้ม แล้วเอ่ยเสียงนุ่มว่า “ข้าไม่เป็นไร!”
คุณหนูรองมองหน้านางแล้วถามอย่างไม่มั่นใจว่า “แต่สีหน้าท่าน…”
กู้ซีรู้ว่าตนเองไม่สามารถเก็บสีหน้าได้อย่างมิดชิด จึงรีบตอบว่า “สีหน้าข้าแย่มากรึ? อาจเพราะเมื่อวานเหนื่อยเกินไปน่ะ”
คุณหนูรองแม้จะเคลือบแคลง แต่นางกับกู้ซีมีสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ย่อมไม่สร้างความลำบากให้นางต่อหน้าผู้อื่นแน่ จึงเผยยิ้มแล้วเปลี่ยนไปพูดเรื่องอื่น นางหันไปกระเซ้าคุณหนูสามว่า “เมื่อคืนน้องสามทำเสียงดังจนข้าหลับนอนไม่ได้ นางค่ำคืนดึกดื่นยังเกยตัวบนโต๊ะหนังสืออยู่ตั้งนาน ไม่รู้ว่าเขียนอะไร ถามนาง นางก็บอกว่าต้องจดลำดับวิธีการทำธูปหอมออกมา กลับจวนแล้วจะได้ไปค้นคว้าต่อ แต่ข้าว่า คงมั่นใจอะไรไม่ได้เป็นแน่ พี่กู้ พี่จะกลับไปเมื่อไร? ข้าอยากจะใช้ช่วงไม่กี่วันที่ท่านยังอยู่ที่นี่ ให้ท่านช่วยข้ากับน้องสามทำธูปหอมออกมาก่อน ท่านคิดว่าอย่างไรเจ้าคะ?”
กู้ซีไม่อยากให้อวี้ถังได้กำไรไปสักนิด
ในความคิดนาง ต่อให้สกุลเผยไม่ประกาศถึงคุณงามความดีที่อวี้ถังได้ทำลงไป แต่ในใจของเหล่าสตรีในสกุลเผย ต่างก็คิดว่าเรื่องที่อารามดับทุกข์เป็นความชอบของอวี้ถังแล้ว เรื่องใดๆ เกี่ยวกับอารามดับทุกข์ที่นางจะกระทำล้วนเป็นการเพิ่มหน้าเพิ่มตาให้กับอวี้ถังทั้งสิ้น
“อีกสองวันข้าก็จะกลับแล้ว” นางปฏิเสธอย่างนุ่มนวล “ข้ากลัวว่าเวลาไม่ทันการ ทั้งสูตรธูปหอมที่คุณหนูอวี้นำออกมาข้าก็อ่านดูแล้ว จำเป็นต้องใช้ส่วนประกอบหลายอย่างมาก ส่วนประกอบพวกนี้ยากจะหาให้ครบในเวลาอันรวดเร็ว…”
คุณหนูรองกับคุณหนูสามต่างก็ทำหน้าผิดหวัง
อวี้ถังรู้สึกว่าจะมีหรือไม่มีกู้ซีก็เหมือนกัน
การรมควันธูปหรือทำธูปหอมพวกนี้ เป็นเรื่องที่เด็กผู้หญิงเล่นมาแต่เด็กอยู่แล้ว ทว่าการจะทำขายจริงจังมิใช่เป็นเรื่องง่ายๆ แค่เรื่องควบคุมต้นทุน ก็มิใช่สิ่งที่พวกนางสตรีในห้องหอจะสามารถทำได้ หากว่าเป็นเหมือนที่ท่านแม่เฒ่าสกุลเผยพูด ให้แม่ชีอารามดับทุกข์เป็นผู้รับผิดชอบทำธูปหอม เช่นนั้นเรื่องการขายธูปหอมก็ต้องมีเถ้าแก่ใหญ่ที่มีประสบการณ์มาคอยดูแลเรื่องนี้ถึงจะถูก
นางเพียงยืนอยู่ข้างๆ ไม่ได้ออกความเห็น
ท่านแม่เฒ่าสกุลเผยกับท่านแม่เฒ่าสกุลอี้หันมามองหน้ากันทีหนึ่ง จากนั้นท่านแม่เฒ่าสกุลเผยก็ยิ้มตาหยีแล้วเอ่ยกับคุณหนูรองและคุณหนูสามว่า “เรื่องนี้ไม่รีบร้อน ข้าส่งคนให้ไปพูดกับท่านอาสามของพวกเจ้าแล้ว ท่านอาสามเจ้าบอกว่า นี่เป็นเรื่องที่ดี เขาก็จะหาทางช่วยพวกเจ้าอีกแรงหนึ่ง อย่างไรก็ต้องจัดการให้แน่ พวกเจ้าสนใจแต่เรื่องทำธูปหอมออกมาให้ได้ตามสูตรของคุณหนูอวี้ก็พอ ทำออกมาได้จริงก็นับว่าประเสริฐ ทำออกมาไม่ได้ก็แค่ขายหน้าท่านอาสามของเจ้าเท่านั้น พวกเจ้าไม่จำเป็นต้องใส่ใจหรอก”
การขายหน้านับเป็นเรื่องที่ทำให้เงยศีรษะมองหน้าผู้คนไม่ได้แล้ว
อวี้ถังฝืนยิ้มแห้งๆ ออกมา
คุณหนูห้าตัดบทเสียงดังว่า “ท่านย่า เมื่อครู่ท่านยังพูดว่ามอบเรื่องธูปหอมให้พวกเราจัดการ เหตุใดพริบตาก็กลับคำเสียแล้วเจ้าคะ?” นางพูดไปพลางเดินขึ้นไปจับมือคุณหนูรองกับคุณหนูสาม คล้ายจะเอ่ยคำสาบานว่า “พวกเราพูดคำไหนคำนั้น จะต้องทำออกมาให้มีกลิ่นหอมได้แน่ๆ เป็นธูปหอมที่มีเพียงหนึ่งไม่เหมือนใคร”
ท่านแม่เฒ่าสกุลเผย ท่านแม่เฒ่าสกุลอี้และนายหญิงรองต่างก็ขำกันเสียงดัง ท่านแม่เฒ่าสกุลอี้เอ่ยอย่างเอาใจนางว่า “ดีๆ พวกเจ้าล้วนเป็นเด็กที่มีปณิธาน หากว่าทำธูปที่มีกลิ่นหอมออกมาได้โดดเด่นไม่เหมือนใครจริงๆ ข้าจะตกรางวัลเป็นแท่งเงินสมปรารถนาให้พวกเจ้าคนละหนึ่งถุง”
“ตกลงเจ้าค่ะ!” คุณหนูสี่ร้องเสียงยินดี คล้ายว่าเงินถุงนั้นจะต้องหล่นใส่กระเป๋านางอย่างไม่ต้องสงสัยแน่
ทุกคนพากันขบขันยกใหญ่กับท่าทีของนาง
กู้ซีที่เงียบเสียงมาตลอดพูดขึ้นว่า “ท่านแม่เฒ่าทั้งสอง ข้าขอไม่เข้าร่วมการทำธูปหอมแล้วกันนะเจ้าคะ สองวันนี้ข้าต้องเก็บสัมภาระเพื่อกลับหังโจว ลองคำนวณเวลาดู พี่ชายข้าก็น่าจะเขียนจดหมายมาถามเรื่องวันปีใหม่แล้ว หากว่าข้ากลับไปช้า จดหมายที่จะตอบกลับพี่ชายคงไม่อาจส่งถึงเมืองหลวงก่อนสิ้นปีแน่”
พอเข้าเดือนสิบสอง ศาลาพักม้าใหญ่ๆ จะมีคนมากกว่างาน ทุกคนต่างวุ่นวายอยู่กับการจัดงานปีใหม่
ท่านแม่เฒ่าสกุลเผยเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “ที่เจ้าพูดก็มีเหตุผล” จากนั้นก็ให้เฉินต้าเหนียงไปหยิบปฏิทินโหราศาสตร์ออกมา “พรุ่งนี้ออกเดินทางไม่ดี มะรืนสิ มะรืนนับว่าเป็นวันดีทีเดียว ประจวบกับพวกเราก็ใกล้จะกลับจวนกันแล้ว เช่นนั้นเฉินต้าเหนียงก็บอกกับผู้ดูแลที ให้พวกเขาช่วยจัดเรือไปส่งคุณหนูกู้ที่หังโจวด้วย พวกเรานั้น…” ท่านแม่เฒ่าพลิกปฏิทินกลับไปมา แล้วเอ่ยว่า “พวกเราอีกหกวันนับจากนี้ค่อยเดินทางกลับ”
หัวใจของกู้ซีเฉยชายิ่งนัก
คุณหนูห้าโวยขึ้นมาว่า “พวกเราจะกลับจวนเร็วขนาดนั้นเลยรึเจ้าคะ? แล้วธูปหอมของพวกเราจะทำอย่างไร? พี่กู้กลับบ้านแล้ว พี่อวี้ก็ต้องกลับบ้านเหมือนกัน…”
ท่านแม่เฒ่าสกุลเผยหัวเราะ “คุณหนูอวี้อาศัยอยู่เมืองหลินอัน หากว่าเจ้าต้องการคำชี้แนะเรื่องธูปหอมจากคุณหนูอวี้ ก็ให้คนไปรับคุณหนูอวี้มาที่จวนสิ มีอะไรให้น่าตื่นเต้นกัน”
คุณหนูห้าหน้าแดง “ข้าก็คิดว่าพี่อวี้ต้องกลับไปฉลองปีใหม่นี่เจ้าคะ?”
คุณหนูสี่เอ่ยอย่างเฉลียวฉลาดว่า “ท่านอาสามไม่ได้พูดเสียหน่อยว่าจะเอาธูปหอมพรุ่งนี้เลย พวกเราค่อยๆ ทำไปก็ได้นี่ ข้าได้ยินหญิงรับใช้ของท่านแม่บอกว่า รอให้ผ่านปีใหม่ไปแล้ว ถึงจะเป็นช่วงที่ค้าขายได้คึกคักที่สุด พวกเรารอให้ข้ามปีใหม่ไปก่อนแล้วค่อยหารือใหม่”
คุณหนูสามกลับคัดค้านว่า “หญิงรับใช้ของท่านป้าเคยอยู่ร้านค้าแพรไหม พอเข้าฤดูใบไม้ผลิ ทุกคนก็ต้องตัดเสื้อตัวใน การค้าจึงคึกคักเป็นธรรมดา แต่จะขายธูปหอมก็ต้องขายก่อนวันที่สิบห้า เพราะทุกคนต้องไปไหว้พระที่วัดอยู่แล้ว”
คุณหนูทั้งหลายเริ่มถกเถียงกัน
ท่านแม่เฒ่าสกุลเผยร้องไห้ไม่ออก หัวเราะไม่ได้ “พวกเจ้าช่างโหดร้ายจริงๆธูปหอมยังไม่ได้ทำออกมาด้วยซ้ำ ก็เริ่มคิดถึงแต่กำไรแล้ว หากให้พวกเจ้าไปดูแลร้านค้า เถ้าแก่ทั้งหลายคงถูกพวกเจ้าบีบเค้นจึงกระโดดน้ำตายหมดแน่!”
คุณหนูสกุลเผยทั้งหลายได้แต่ส่งยิ้มแหยๆ ให้
อวี้ถังกำลังดีดลูกคิดอยู่ในใจ หกวันจากนี้ลงเขา เช่นนั้นต้องอยู่ที่คฤหาสน์สกุลเผยอย่างมากอีกวันสองวันก็สามารถกลับบ้านได้แล้ว?
นางคิดถึงท่านแม่ คิดถึงท่านพ่อ คิดถึงญาติผู้พี่ คิดถึงป้าสะใภ้…ทั้งยังคิดถึงป้าเฉินที่ผูกผ้ากันเปื้อนผัดกับข้าวในห้องครัวทุกวันอีกด้วย
เพิ่มขนาดช่อง ดึงมุมขวามือลง