อวี้ฮ่าวหรานประเมินจากความแข็งแกร่งของเฉินซิว เขามั่นใจว่าหยวนหลงอะไรนั่นคงไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตก่อรากฐานอย่างแน่นอน ไม่งั้นลูกน้องของตัวเองต้องแข็งแกร่งมากกว่านี้แล้ว ดังนั้นหากเกิดอะไรขึ้นมาจริง ๆ เขามั่นใจว่าตัวเองสามารถบดขยี้แก็งค์มังกรครามทั้งหมดได้อย่างแน่นอน!

ดังนั้นความกังวลของหวังเหยียนจึงกลายเป็นสิ่งไม่จำเป็นสำหรับเขา

“แต่ที่นั่นมันคือแหล่งกบดานของแก็งค์มังกรคราม หากคุณไปคนเดียวคนพวกนี้อาจจะ…”

“ผมบอกแล้วไงว่าไม่ต้องกังวล พวกคุณกลับกันไปก่อน ผมจะไปกับคนพวกนี้ตัวคนเดียว”

อวี้ฮ่าวหรานขัดจังหวะอีกฝ่ายให้หยุดพูด จากนั้นเขาเดินตามเฉินซิวออกไปในทันที

เมื่อเห็นสีหน้ามั่นใจของฝั่งตรงข้าม หวังเหยียนจึงไม่พยายามรั้งต่อ อันที่จริงเขามั่นใจในความแข็งแกร่งของอวี้ฮ่าวหรานอยู่เหมือนกัน ต่อให้จะถูกซุ่มโจมตี อีกฝ่ายก็น่าจะพอหนีเอาตัวรอดออกมาได้

อย่างไรก็ตาม บนโลกนี้ทุกอย่างล้วนไม่แน่นอน และยิ่งไปกว่านั้น… หยวนหลงขึ้นชื่อว่าเป็นจอมวางแผนอยู่แล้วด้วย ดังนั้นมันอาจจะเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดขึ้นมาจริง ๆ ก็ได้!

“หัวหน้า! ตอนนี้อวี้ฮ่าวหรานถูกแก็งค์มังกรครามพาตัวไปแล้ว!”

“อะไรนะ น้องอวี้ถูกฝั่งตรงข้ามชิงตัวไป?” โจวเฟยหู่ถามกลับเสียงหลง

“ไม่ใช่อย่างนั้น หยวนหลงเชิญอวี้ฮ่าวหรานไปอย่างเป็นมิตรซึ่งทางด้านของอวี้ฮ่าวหรานก็ตอบตกลงไปด้วยความเต็มใจ”

หวังเหยียนอธิบายขึ้นพร้อมกับมองตามหลังกลุ่มของเฉินซิวที่กำลังเดินลับตาไป

“แน่ใจรึเปล่าว่าน้องอวี้สมัครใจไปกับฝั่งตรงข้ามจริง ๆ?”

“ผมแน่ใจ”

หลังจากได้ยินคำตอบของหวังเหยียน โจวเฟยหู่ก็เงียบไปครู่หนึ่ง

โจวเฟยหู่ครุ่นคิดอย่างหนักเกี่ยวกับเรื่องนี้ เขาไม่แน่ใจว่าเขาควรจะเดิมพันปล่อยให้เรื่องนี้ดำเนินไปโดยไม่แทรกแซงดีรึเปล่า

“หัวหน้า ผมคิดว่านี่เป็นปัญหาใหญ่มากสำหรับพวกเรา หากหยวนหลงเอาชนะใจอวี้ฮ่าวหรานได้ พวกเราจะกลายเป็นฝั่งที่เสียเปรียบอย่างสมบูรณ์!”

หวังเหยียนเอ่ยเรื่องที่เขากังวลในใจ อันที่จริงสาเหตุที่เขาไม่อยากปล่อยให้อวี้ฮ่าวหรานไปกับเฉินซิวก่อนหน้านี้ ไม่ใช่แค่กังวลเรื่องความปลอดภัยเพียงอย่างเดียว เขายังคำนึงถึงเรื่องนี้ด้วย

“เรื่องนั้นฉันเห็นด้วย แต่จากเท่าที่ฉันสังเกตน้องอวี้ ฉันเชื่อว่าหยวนหลงไม่มีทางโน้มน้าวคนอย่างน้องอวี้ได้แน่นอน”

โจวเฟยหู่คิดอยู่ครู่หนึ่งและในที่สุดก็ได้ข้อสรุป

“แต่ถ้าพวกเขาตกลงกันไม่ได้ มันก็จะหมายความว่ามีโอกาสสูงที่น้องอวี้จะตกอยู่ในอันตราย!”

ทั้งสองแลกเปลี่ยนความคิดเห็นด้วยความกังวล

“ไม่! เราจะปล่อยให้เกิดอะไรขึ้นกับน้องอวี้ไม่ได้! หวังเหยียน นายรวบรวมคนมาให้มากที่สุดภายในครึ่งชั่วโมง พวกเราจะไปเจอกันที่ผับจินลี่เพื่อช่วยน้องอวี้!” โจวเฟยหู่ตัดสินใจและสั่งทันที

เมื่อได้รับคำสั่ง หวังเหยียนเริ่มโทรหาทีละคนเพื่อรวบรวมคนทันที

ผ่านไปกว่าครึ่งชั่วโมง

ที่ทางเข้าของผับจินลี่

“ฉิบหายแล้ว รถเพียบเลย!”

“นี่มันบ้าอะไรกัน?”

คนหนุ่มสาวหลายคนที่เพิ่งออกจากผับต่างตกตะลึงกับเหตุการณ์ตรงหน้าพวกเขา

ในเวลานี้ ที่ด้านหน้าของผับจินลี่มีรถ BMW series 7 สีดำสี่คันขับนำขบวนรถตู้อีกนับร้อยคันมาจอดล้อมพื้นที่ของผับทั้งหมด!

ที่ข้างถนน ชายฉกรรจ์ในชุดสูทดำหลายร้อยคนยืนแสดงสีหน้าขึงขังประจันหน้ากับนักเลงหลายสิบคนที่ยืนขวางอยู่ที่หน้าประตู!

อัตราส่วนของทั้งสองฝ่ายแตกต่างกันเป็นอย่างมาก ฝ่ายที่ปิดล้อมมีอำนาจเหนือกว่าอย่างเห็นได้ชัด

อย่างไรก็ตาม เห็นได้ชัดว่าผับจินลี่เองก็ไม่ธรรมดา ในทุกนาทีที่ผ่านไปมีพวกนักเลงวิ่งเข้ามาเสริมฝั่งของผับจินลี่อยู่เรื่อย ๆ อย่างไม่หยุดหย่อน

“นั่นมันพวกแก็งค์พยัคฆ์เวหาไม่ใช่เหรอ? ทำไมพวกเขาถึงยกพวกมาปิดล้อมที่นี่แบบนี้?”

“ไม่เอาน่า พวกเราอย่าไปยุ่งเรื่องของพวกเขาเลย ไม่งั้นเดี๋ยวจะโดนลูกหลงเอาเปล่า ๆ!”

“ถูกต้อง พวกเราควรหนีไปจากตรงนี้ให้เร็วที่สุด ฉากแบบนี้ไม่ใช่สิ่งที่พวกเราควรจะอยู่ดู!”

“…”

ที่หน้าประตู โจวเฟยหู่ที่เพิ่งลงจากรถ BMW ขมวดคิ้วมองไปที่ฝั่งตรงข้ามซึ่งมีกันอยู่หลายสิบคนด้วยแววตาดูถูก

คนจำนวนแค่นี้เขามั่นใจว่าพวกของเขาสามารถจัดการได้อย่างไม่ยากเย็น!

“พวกแกรีบไปบอกหยวนหลงเร็ว ๆ เลย! คืนน้องอวี้มาให้ฉันเดี๋ยวนี้! ไม่งั้นฉันจะถล่มที่นี่ให้ราบเป็นหน้ากลอง!”

ข้างหลังเขา หวังเหยียนและหัวหน้าสาขาทั้ง 6 ของแก็งค์พยัคฆ์เวหาต่างก็มารวมกันทั้งหมดเรียบร้อย!

พวกเขาพร้อมที่จะบดขยี้ฝั่งตรงข้ามได้ทุกเมื่อ!

ในห้องส่วนตัวสุดหรูบนชั้นสองของผับจินลี่

ในเวลานี้ ทำนองเพลงที่อ่อนโยนยังคงเปิดวนเวียนอยู่ในห้องไม่เหมือนกับสถานการณ์ภายนอก

ห้องนี้เป็นห้องส่วนตัวที่หรูหราที่สุดซึ่งหยวนหลงยังไม่เคยเชิญให้แขกคนไหนขึ้นมาบนนี้เลย

“เฉินซิวเล่าให้ฉันฟังว่าความแข็งแกร่งของนายลึกล้ำเป็นอย่างมาก แม้แต่ชายเสื้อของนายเขาก็ยังไม่อาจแตะต้องได้ด้วยซ้ำทั้ง ๆ ที่พยายามอย่างสุดตัวแล้วก็ตาม แต่สิ่งที่ฉันไม่คาดคิดจริง ๆ ก็คือนายดูเด็กมากเลยนะน้องชาย!”

หยวนหลงกำลังนั่งอยู่บนโซฟาขนาดใหญ่

“ไม่นึกเลยว่าคนรุ่นใหม่อย่างนายจะน่ากลัวได้ขนาดนี้!”

ทันทีที่อวี้ฮ่าวหรานเข้าไปในห้องส่วนตัว หยวนหลงก็เอ่ยเยินยอทันที

อย่างไรก็ตามเมื่อเห็นว่าหัวหน้าแก็งค์ของตัวเองเอ่ยชมฝั่งตรงข้ามก่อนแบบนี้ บรรดาสมาชิกของแก๊งค์มังกรครามต่างก็เลิกคิ้วขึ้นด้วยความแปลกใจ

เด็กคนนี้วิเศษถึงขนาดหัวหน้าแก็งค์ของพวกเขาเอ่ยปากชมก่อนเลยงั้นเหรอ?

ในทางกลับกัน อวี้ฮ่าวหรานกลับไม่แยแสในคำชมของฝั่งตรงข้ามเลย เขานั่งลงที่โซฟาฝั่งตรงข้ามด้วยสีหน้าเรียบเฉย

หากการกระทำเช่นนี้ทำโดยคนธรรมดาทั่วไป หยวนหลงคงจะสั่งให้ลูกน้องของเขาลากตัวฝั่งตรงข้ามออกไปเพื่อหักขาในทันที

แต่ในตอนนี้ แทนที่เขาจะโวยวาย เขากลับยิ้มให้อวี้ฮ่าวหรานแทน

“ความแข็งแกร่งของน้องชายทำให้ฉันสนใจเป็นอย่างมาก ฉันสงสัยว่าน้องชายสนใจที่จะมาเข้าร่วมแก็งค์มังกรครามของฉันไหม?”

ทันทีที่พบกัน หยวนหลงก็แทบรอไม่ไหวที่จะเอ่ยปากชวนฝั่งตรงข้าม แต่แน่นอนว่าตัวเขาเองไม่คิดว่าข้อเสนอพื้น ๆ จะดึงดูดใจคนที่แข็งแกร่งอย่างอวี้ฮ่าวหรานได้ ดังนั้นเขาจึงรีบเอ่ยขึ้นต่อ

“ถ้าน้องชายเต็มใจเข้าร่วมแก็งค์ของฉัน ด้วยความแข็งแกร่งของนาย ฉันยินดีที่จะมอบตำแหน่งรองหัวหน้าแก๊งค์ของฉันให้นายทันที”

ทันทีที่หยวนหลงพูดคำนี้ออกมา สมาชิกแก็งค์ทุกคนที่อยู่ในห้องต่างก็แสดงสีหน้าโง่งมทันที!

หัวหน้าของพวกเขาคิดอะไรอยู่!

ทำไมถึงเสนอตำแหน่งรองหัวหน้าแก็งค์ให้กับใครไม่รู้ง่าย ๆ แบบนี้!

ในเมืองฮ่วยอัน สถานะรองหัวหน้าแก็งค์มังกรครามนั้นนับได้ว่ามีอิทธิพลเป็นอย่างมาก!

แม้แต่หัวหน้าสาขาอย่างพวกเขายังไม่เคยคิดจะฝันถึงว่าจะได้รับตำแหน่งรองหัวหน้าแก็งค์ แต่ตอนนี้หัวหน้าแก๊งค์กลับกำลังจะยกตำแหน่งนี้ให้เด็กหนุ่มคนนี้จริง ๆ งั้นเหรอ?

ไอเด็กนี่มันต้องตกลงอย่างแน่นอน!

น่าเสียดายที่พวกเขาทุกคนคิดผิด… อวี้ฮ่าวหรานเหลือบมองหยวนหลงด้วยสายตาสงบนิ่ง ราวกับว่าคำพูดของหยวนหลงเป็นแค่คำพูดไร้สาระไม่ควรค่าอะไรให้ใส่ใจ