ตอนที่ 243 กล่องที่บรรจุอย่างประณีต
หลินจือเซี๋ยวมองกล่องที่บรรจุอย่างประณีตด้วยความสงสัย ทันทีที่เปิดมาก็พบว่าด้านในเป็นสร้อยคอ เธอตื่นตระหนกขึ้นมาทันที “ประธานฉี! ประธานฉี!”
ฉีเซิงเทียนหันกลับมาอย่างไม่สบอารมณ์ ก่อนจะเดินกลับมา “หลินจือเซี๋ยว เธอมีอะไร?”
นี่เกิดอะไรขึ้นกัน! ส่งของขวัญให้แบบนี้ เธอก็แค่ต้องเรียกเขาเท่านั้นเอง ไม่เห็นต้องหัวเสียกับเธอแบบนี้ก็ได้ไม่ใช่เหรอ?
เธอเปิดฝากล่องขึ้นและยื่นให้เขา “มันแพงเกินไปค่ะ ฉันรับไว้ไม่ได้”
อีกอย่างความสัมพันธ์ของพวกเขาก็เป็นแค่เพื่อนร่วมงานกันธรรมดา แต่จู่ ๆ เขากลับมาให้ของขวัญเธอแบบนี้ ถ้าเธอคิดไปมากกว่านั้นจะทำยังไง?
ยังไม่ต้องการ ฉีเซิงเทียน เธอเองไม่กล้าจะคิด
พวกเขาทำงานด้วยกันมาตั้งหลายปี เธอยังอยากใช้ชีวิตโสดต่อไปอีกนานแค่ไหน?
“หลินจือเซี๋ยว เธอหมายความว่ายังไงกัน? ของขวัญที่ฉันให้ไป มันคืนกลับมาได้อย่างนั้นเหรอ?” เขามองสร้อยสวยงามเส้นนี้แล้วก็นึกถึงเธอขึ้นมา
ไม่คิดว่าผู้หญิงคนนี้จะไร้ความรู้สึกแบบนี้
ผู้หญิงนับไม่ถ้วนของคุณชายฉีที่ผ่านมาก็ล้วนแล้วน่าเบื่อ แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาถูกปฏิเสธแบบนี้
ประสบการณ์ครั้งนี้มันช่างแปลกใหม่เสียจริง
“ประธานฉีคะ ฉันไม่รู้ว่าคุณเคยมีประสบการณ์ถูกปฏิเสธแบบนี้มาก่อนไหม แต่ฉันไม่ได้อยากได้มันจริง ๆ” เธอไม่อาจรับมันไว้ได้ เธอขยับตัวไปด้านหน้าเขาเล็กน้อย พลางกะพริบตาพร้อมใช้สองมือยื่นกล่องนั้นคืนให้เขา “ประธานฉีคะ?”
เขามองเธออย่างระมัดระวัง ผู้หญิงคนนี้เป็นเลขาของท่านประธานได้ยังไงกัน?
คนที่อยู่กับจิ่งเป่ยเฉินก็น่าจะเรียนรู้ทักษะที่ไร้ยางอายจากเขามาบ้าง ควรที่จะรับไปซะก็หมดเรื่อง เธอควรจะมีสไตล์ของตัวเอง
ช่างเป็นความบริสุทธิ์งดงามของบริษัทจิ่งเสียจริง ๆ
“ของที่ฉันให้ไปแล้ว ฉันไม่ต้องการคืนหรอก ถ้าเธอไม่ต้องการมันก็ทิ้งมันไปซะ!” ทันทีที่เขาพูดจบก็เดินกลับออกไปอย่างรวดเร็วอีกครั้ง
ไม่ว่าเธอยืนตะโกนเรียกเขาจากด้านหลังยังไง เขาก็ไม่เหลียวหลังหันกลับมา
หลินจือเซี๋ยวรู้สึกกล่องที่ถืออยู่ในมือนั้นร้อนขึ้นมาจึงโยนลงบนโต๊ะ ทันทีที่นั่งลงมองอยู่สักพักก็รู้สึกขวางหูขวางตา
เธอจึงเปิดลิ้นชักและโยนมันลงไป แบบนี้ก็ไม่เห็นแล้ว เธอถอนหายใจโล่งอก รู้สึกสบายใจขึ้นมาเล็กน้อย
ที่สวนซิว
ทันทีที่คนรับใช้ไปรับหยางหยางและหน่วนหน่วนกลับมา เด็กทั้งสองคนก็พบว่าแม่จ๋าที่รักของทั้งคู่อยู่ที่บ้าน
เด็ก ๆ ทั้งสองคนรีบวิ่งพุ่งตัวเข้าไปหาเธอในห้องครัวอย่างรวดเร็ว “แม่จ๋า!”
เมื่ออันโหรวได้ยินเสียงพวกเด็ก ๆ กลับมาก็รีบล้างมือ เธอได้ยินเสียงฝีเท้าที่เดินเข้ามาก็ย่อตัวลงมองพวกเขาอย่างอบอุ่น “แม่จ๋า จุ๊บหน่อย”
ลูก ๆ ทั้งสองรีบยื่นแก้มเข้ามาหาทันที เมื่อจูบเบา ๆ ลงบนแก้ม เธอจึงปล่อยลูก ๆ ออกจากอ้อมแขน “วันนี้เป็นยังไงบ้างคะ?”
“ดีเลยค่ะ ของในโรงเรียนอนุบาลดูง่ายไปหมด! เพื่อน ๆ ก็น่ารักค่ะ! ” หน่วนหน่วนยิ้มพลางตอบเธอ
หยางหยางมองไปที่ผ้ากันเปื้อนบนตัวอันโหรว ก่อนจะเงยหน้าขึ้นไปมองหม้อนึ่งที่อยู่บนเตา “แม่จ๋า คืนนี้ทำกับข้าวเองหรอครับ?”
“ใช่ค่ะ! ไม่คิดถึงฝีมือของแม่จ๋าเหรอ?” เธอที่กลับมานานแล้วไม่มีทำอะไรจึงทำอาหารให้ลูก ๆ กิน เป็นความสุขที่สุด และแน่นอนว่ายังมีจิ่งเป่ยเฉินอีกคน
“คิดถึงสิครับ” หยางหยางพยักหน้าตอบ
“ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน พ่อจ๋ากลับมาจะได้กินข้าวพร้อมกันพอดี” เธอพาพวกเขาออกไปและให้คนรับใช้พาลูก ๆ ขึ้นไปด้านบนและคอยดูแลลูก ๆ เธอจึงกลับเข้ามาที่ครัวอีกครั้ง
เมื่อจิ่งเป่ยเฉินกลับมาถึงบ้านก็เจอแม่ลูกสามคนกำลังนั่งดูการ์ตูนอยู่บนโซฟา มีอันโหรวที่ถือไอแพดอยู่ตรงกลางพลางชี้อธิบายตัวละครอยู่ข้าง ๆ ให้ลูก ๆ ฟัง ภาพของหยางหยางและหน่วนหน่วนที่นั่งอยู่ใกล้ ๆ เธอช่างเป็นภาพที่สวยงาม เขาอดไม่ได้ที่จะเข้าไปร่วมด้วย
“พ่อจ๋า!” หน่วนหน่วนเป็นคนแรกที่เห็นเขาเดินมา เธออ้าแขนกอดอย่างตื่นเต้น
เด็กผู้หญิงที่ดูกระตือรือร้น จิ่งเป่ยเฉินยกตัวเธอขึ้นเล็กน้อย “พ่อจ๋า วันนี้แม่จ๋าเข้าครัวทำอาหารเองเลยนะคะ! พ่อต้องกินเยอะ ๆ เลยนะ!”
“ได้เลย” เขาตอบกลับอย่างอารมณ์ดี พลางก้มไปมองอันโหรวที่ปิดไอแพดและลุกขึ้น
เธอเมินเฉยต่อหน่วนหน่วนที่ดูน่าหลงใหลและเหลือบมองเขาก่อนจะเดินไปที่ห้องครัว “ล้างมือแล้วไปกินข้าวกัน”
หยางหยางเดินตามอันโหรวออกไปโดยไม่ได้มองทั้งสองคน “แม่จ๋า วันนี้แม่ไม่สบายหรือเปล่า?”
ทำไมไม่ได้ไปทำงานกับพ่อจ๋ากัน?
“แม่จ๋าแค่นอนเพลินไปเท่านั้นเอง พ่อจ๋าก็ไม่ได้ปลุกแม่ แม่จ๋าเลยหยุดงานไปเลย” เธอตอบอธิบายอย่างเรียบง่าย
เมื่อจิ่งเป่ยเฉินได้ยินคำตอบของเธอก็คิดอย่างละเอียดว่าเหมือนเขาจะไม่ได้เรียกเธอ
แต่เรื่องไม่ไปทำงานก็เป็นเธอที่บอกด้วยตัวเอง เมื่อเจอเรื่องอื่น ๆ ไม่ยอมมาหาเขาได้อย่างไร แต่ตอนนี้เธอเพิ่งสาดน้ำโคลนใส่บนตัวเขา[1]
ดีเลย พรุ่งนี้เธอเองก็ไม่ต้องไปทำงาน!
ทันใดนั้นก็รู้สึกได้ถึงสายตาที่จ้องมองมาอย่างแผดเผาของจิ่งเป่ยเฉิน ทั้งคู่สบตากันและเธอก็เห็นเปลวไฟในดวงตาของเขา เธอกระตุกมุมปากเล็กน้อยก่อนจะก้มลงกินข้าว
ในช่วงเย็นเมื่อเธอดูแลหยางหยางและหน่วนหน่วนให้นอนหลับไปแล้ว เธอก็กลับมาที่ห้องของเธอ จึงได้เห็นจิ่งเป่ยเฉินที่เพิ่งออกจากห้องน้ำด้วยผ้าเช็ดตัวและผ้าขนหนูสีขาวที่กำลังเช็ดผมสีดำเบา ๆ
เมื่อเห็นเธอเข้ามา เขาก็เดินเข้าไปหาเธอและพูดว่า “พูดสิ! คืนนี้ขยันทำอาหารเองแบบนี้ ทำเรื่องอะไรผิดมาหรือเปล่า? ”
“ฉันไปก่อเรื่องหรือไง?” เธอชี้ไปที่ตัวเองด้วยท่าทีสงสัย แต่ดวงตาของเขานั้นกลับจับจ้องมา เธอแทบไม่อยากสบตาด้วยเลย เพราะชายที่ดูดีคนนี้เพิ่งออกมาจากห้องอาบน้ำ!
ฝีเท้าของเขาเดินเข้ามาข้างหน้าอย่างเร่งรีบ เดิมทีเธอคิดจะเดินไปที่เตียงขนาดใหญ่ แต่เมื่อคิดว่าตัวเองยังไม่อาบน้ำ เธอจึงหันหลังและเดินเข้าไปในห้องน้ำทันที ทุกการเคลื่อนไหวของเธอล้วนถูกสายตาของจิ่งเป่ยเฉินจับจ้อง ไม่ช้าเธอก็เห็นมุมปากของเขายกขึ้นมาเล็กน้อย
เธอไม่ได้ทันตอบกลับเขาทันที แต่รอยยิ้มของจิ่งเป่ยเฉินกลับยิ่งชัดเจนมากขึ้นเรื่อย ๆ
“ก็ได้! วันนี้ฉันไปที่จินเซ่อ ไปนิทรรศการการออกแบบเครื่องประดับ และฉันก็ใช้ใบหน้านี้ไปด้วย” นิ้วของเธอกวัดแกว่งไปมาบนหน้าของตัวเอง ก่อนจะพูดต่อ “และก็บังเอิญเจอเหลียวเว่ย”
เดิมทีเธอไม่คิดจะปิดยังเขาอยู่แล้ว แต่นี่ก็คงไม่นับว่าเธอไปก่อเรื่องใช่หรือเปล่า?
จิ่งเป่ยเฉินที่กำลังเช็ดผมชะงักไปทันที ก่อนจะค่อย ๆ เลื่อนสายตามองไปที่ตัวของเธอ จากนั้นก็ค่อย ๆ ยื่นมือไปกดไหล่ของเธอเพื่อให้เธอหันกลับมาหา
อันโหรวแทบพูดอะไรไม่ออก ชายคนนี้ป่วยเป็นอะไรหรือเปล่าเนี่ย? เธอยังไม่ได้ไปก่อเรื่องอะไรเลย ถ้าหากต้องพูดแบบนี้ไป เธอสู้ไม่พูดมันเสียจะดีกว่า
“เธอไม่เป็นไรใช่ไหม?” เขาเอ่ยถามออกมาอย่างไม่สบายใจ เมื่อเห็นเธอพยักหน้า เขาจึงถามต่อว่า “แล้วคนนั้นทำอะไรเธอบ้าง?”
ในเมื่อเขาไม่สบายใจแบบนี้ มือที่ถือผ้าขนหนูก็ได้โยนมันทิ้งลงทันที ก่อนจะไม่สนใจอะไรเธอทั้งสิ้นและอุ้มเธอไปที่เตียงอย่างเงียบ ๆ
“จิ่งเป่ยเฉินปล่อยฉันนะ!” เธอมีแขนมีขาเดินเองได้
“เธอบอกจะไปอาบน้ำไม่ใช่เหรอ? ฉันก็ช่วยเธอถอดเสื้อออกไง” ร่างกายของเธอถูกวางลงบนเตียง เธอรีบถอยออกไปทันที
แต่กลับถูกเขาจับข้อเท้าไว้และดึงไปด้านหน้าอย่างแรง เธอห่อตัวไปที่ขอบเตียงอีกครั้ง แม้กระทั่งเท้าทั้งสองข้างก็ห้อยอยู่กลางอากาศ
เธอลุกขึ้นมานั่งเงยหน้ามองไปที่เขา “ไม่สมเหตุสมผลเลยนะ!”
เขายิ้มโดยไม่มีความโกรธ “เธอจะถอดเองหรือให้ฉันช่วยถอด?”
เธอมองเขาโดยไม่พูดจา สายตาของเธอเลื่อนลงอย่างลวก ๆ ความเป็นจริงแล้วเมื่อก่อนทั้งสองคนทำไปไม่กี่ครั้ง ครั้งแรกเธอเองก็ไม่ได้สติ ครั้งที่สองเขาเองก็ไม่ได้สติ
ครั้งที่สามเองก็ดูเหมือนว่าจะไม่มีสติเท่าไร ตอนนั้นเธอจึงไม่ได้สังเกตเขาอย่างละเอียด แต่ตอนนี้…..
กล้ามเนื้อหน้าท้องแปดลูกอยู่ตรงหน้าเธอ เขาที่เพิ่งออกมาจากห้องน้ำ ตอนนี้จึงมีเพียงผ้าขนหนูหนึ่งผืนปิดมันไว้เล็กน้อย เธอกลืนน้ำลายและสังเกตได้ถึงสายตาของเขาที่จ้องมองมา เธอขยับใบหน้าออกไปอย่างลังเล ก่อนจะค่อย ๆ ขยับตัวออกไปอย่างช้า ๆ
ครั้งนี้เขาคว้าจับขาของเธอไว้ ก่อนจะเอนตัวลงแนบชิดเธอในเวลาเดียวกัน “ที่รัก อยากลูบก็ลูบเลย จะลูบตรงไหนก็ได้ ให้ฉันนอนลงแล้วให้เธอลูบดีไหม?”
ใบหน้าของเธอแดงขึ้นมาทันที ร่างกายของเขามีกลิ่นครีมอาบน้ำอย่างชัดเจน เธอสูดดมหนึ่งครั้ง แต่มือทั้งสองข้างกลับจิกผ้าปูเตียงแน่น “นายถอยออกไปก่อน ได้ไหม?”
[1] สาดน้ำโคลนใส่ตัวเขาหมายถึงโยนเรื่องบางอย่างที่ดูไม่ดีให้กับเขา