ตอนที่ 242 เมื่อสามารถเอาชนะเธอได้เมื่อห้าปีก่อน ห้าปีต่อมาเธอก็ไม่ต้องหวาดกลัวอีกแล้ว

อัจฉริยะตัวน้อยกับคุณพ่อสุดโฉด

ตอนที่ 242 เมื่อสามารถเอาชนะเธอได้เมื่อห้าปีก่อน ห้าปีต่อมาเธอก็ไม่ต้องหวาดกลัวอีกแล้ว

อันโหรว เมื่อสามารถเอาชนะเธอได้เมื่อห้าปีก่อน ห้าปีต่อมาเธอก็ไม่ต้องหวาดกลัวอะไรอีกแล้ว

เหลียวเว่ยดูสับสนเป็นอย่างมาก อันโหรวแทบไม่มีความคิดชื่นชมเลยสักนิดเดียว เธอไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะได้เจอเธอในสถานการณ์แบบนี้

“ก่อนหน้านี้เธอบอกว่ามีคนมาหาพี่สาว ใช่คนของโอวหยางกรุ๊ปหรือเปล่า?” ไม่อย่างนั้นเหลียวเว่ยจะมาปรากฏตัวอยู่ที่นี่ได้ยังไงกัน

วิเวียนไม่มีทางส่งคำเชิญให้เธอแน่ ๆ

“ใช่แล้ว ผู้ชายที่หล่อคนนั้นอีก!” อวี๋กุยห่าวตอบอย่างมั่นใจ เธอที่ไม่รู้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างพวกเธอมีความคับแค้นใจอะไรกัน แต่การสนทนาของทั้งคู่เมื่อครู่นั้น เธอเองก็พอคาดเดาได้อยู่บ้าง

ที่แท้แฟนเก่าของพี่โหรวโหรวก็คือสามีของผู้หญิงที่หยิ่งผยองคนนั้นนี่เอง แถมยังเป็นโอวหยางลี่คนนั้นอีก ในโลกนี้ช่างสับสนวุ่นวายเสียจริง ๆ!

“ฉันเองก็ไม่รู้ว่าเธอมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง แต่เมื่อครู่มีอีกหนึ่งคนที่ฉันเองก็ไม่ทันได้มอง เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยบอกว่าเป็นคนของตระกูลจิ่ง ไม่แน่ว่าอาจจะเป็น…..” อวี๋กุยห่าวยิ้มเล็กน้อยพลางมองไปที่เธอ

“เธอไปดูหน่อยดีกว่าว่าเป็นจิ่งเป่ยเฉินหรือเปล่า ถ้าหากใช่ละก็ อย่าบอกว่าฉันอยู่ที่นี่เด็ดขาด แต่ถ้าไม่ใช่เขาละก็ ยิ่งไม่ต้องพูดถึง หากเขาต้องการเดินชมในงานก็อย่าให้เดินมาตรงส่วนนี้เด็ดขาด ฉันจะแอบอยู่แถว ๆ นี้นะ” เธอออกมาแบบนี้ หากถูกจิ่งเป่ยเฉินรู้เข้าละก็ เธอแทบไม่อยากจะคิดถึงเรื่องที่ตามมาเลยทีเดียว

“ได้ค่ะ ฉันจะไปดูให้” อวี๋กุยห่าวเองก็สงสัยจึงรีบเดินออกไป

ทันทีที่อันโหรวเห็นเธอเดินออกไปก็รู้สึกโล่งใจ เธอเพิ่งจะเจอเหลียวเว่ยที่นี่ ถ้าเจอจิ่งเป่ยเฉินก็ดีเหมือนกัน แต่ถ้าต้องเจอฉีเซิงเทียนด้วยจะทำอย่างไร?

เหลียวเว่ยที่ออกมาจากงานผลิตภัณฑ์หยกที่จินเซ่อเปิดประตูรถออกอย่างแรง โอวหยางลี่ที่งีบอยู่นั้นสะดุ้งตื่นขึ้นมาทันที

เขามองเธออย่างไม่พอใจ “บอกให้เธอไปดูเยอะ ๆ ไม่ใช่หรือไง! ไปคุยแลกเปลี่ยนกับวิเวียน ทำไมถึงได้ออกมาเร็วแบบนี้?”

ภายในหัวของเธอเต็มไปด้วยรอยยิ้มแสนหวานของอันโหรว ไหนเลยจะจดจำสิ่งที่เขาพูดได้

แต่ว่าตอนนี้….

เธอจะบอกเขาเรื่องที่อันโหรวกลับมาแล้วไม่ได้เด็ดขาด!

“จู่ ๆ ฉันก็รู้สึกไม่สบายขึ้นมา กลับกันเถอะ!” สีหน้าของเธอเต็มไปด้วยความเหนื่อยล้า มองดูแล้วไม่น่าดูเสียเลยจริง ๆ

โอวหยางลี่เห็นแบบนี้ก็ไม่พอใจเป็นอย่างมาก แต่หลังจากที่ออกมาก็คงยากจะกลับเข้าไปใหม่ พวกเขาได้รับคำเชิญแค่ครั้งเดียวเท่านั้นด้วย

“ออกรถ!” เขาตะโกนสั่ง รถจึงแล่นขับออกไปจากงานผลิตภัณฑ์หยกที่จินเซ่อโดยทันที

รถเพิ่งขับออกไป หากโอวหยางลี่หันกลับไปมองด้านหลังก็จะเห็นอันโหรวที่เดินออกมาจากด้านในอย่างรีบร้อน ก่อนจะขึ้นรถไป

ภายในงานผลิตภัณฑ์หยกที่จินเซ่อ ฉีเซิงเทียนกำลังคุยกับวิเวียนอย่างสนุกสนาน เขาช่างเป็นคนที่มีเสน่ห์กับทุกเพศทุกวัยจริงๆ

ถุย! ไม่กิน แค่อยากคุยเล่นก็เท่านั้นเอง

แต่ฉีเซิงเทียนพยายามพูดเหมือนกับอันโหรวที่คิดอยากจะไปเยี่ยมชมงานสักหน่อย วิเวียนจึงให้อวี๋กุยห่าวพาเขาไปพร้อมแนะนำตัวไปด้วย

อวี๋กุยห่าวแนะนำตัวกับเขาด้วยรอยยิ้ม สายตามองไปยังห้องโถงด้านข้างเป็นครั้งคราว ซึ่งแน่นอนว่าไม่สามารถพาเขาเข้าไปได้

ฉีเซิงเทียนหยุดอยู่ตรงด้านหน้าตู้โชว์ ดวงตาที่เป็นประกายจ้องไปที่สร้อยคอทองคำขาวที่มีจี้เป็นรูปวงรีล้อมรอบหัวใจอย่างเรียบง่าย สบายตา

“ผมเอาอันนี้!” เขาชี้ไปที่สร้อยเส้นนั้น ก่อนจะเหลือบไปมองชื่อนักออกแบบที่ไม่ใช่ชื่อวิเวียน

อวี๋กุยห่าวเลือกกุญแจในมือ และได้ยินเขาถามขึ้นมาว่า “เธอคือบีย์ต้า?”

“ไม่ใช่ค่ะ!” เธอที่กำลังหยิบกุญแจในมือเตรียมจะไขตู้กลับเพิ่งนึกคำพูดเขาอีกครั้ง นั่นเป็นผลงานของพี่โหรวโหรว!

“ใครคือคนออกแบบชิ้นนี้กัน? อยู่ไหนเหรอ?” เขาชอบการออกแบบของสินค้าชิ้นนี้เป็นอย่างมาก ดูไม่เลวเลยทีเดียว

ในเมื่อต้องพาวิเวียนไปบริษัทเขา เพิ่มไปอีกสักคนคงไม่เป็นอะไรหรอก

“ขอโทษด้วยนะคะ เธออยู่ต่างประเทศค่ะ” เธอไม่สามารถบอกว่าเป็นพี่โหรวโหรวได้ จึงได้แต่พูดโกหกไป

ฉีเซิงเทียนเผยสีหน้าที่ดูผิดหวังออกมาอย่างชัดเจน พร้อมมองเธอหยิบสร้อยเส้นนั้นออกมา ก่อนจะเดินดูชิ้นอื่นต่อ หลังจากนั้นเขาก็เดินมาหยุดอยู่ที่หน้าห้องโถง

อวี๋กุยห่าวที่เดินตามเขาอยู่ตลอด จู่ ๆ ก็ก้าวมาขวางหน้าเขาไว้ “ขอโทษนะคะคุณผู้ชาย ต้องขอบอกว่าห้องนิทรรศการนี้ยังไม่เปิดให้เข้าชมค่ะ”

“เธอหมายความว่ายังไง? ตอนที่ฉันเข้ามายังเห็นคนอื่นเดินเข้าออกอยู่เลย ตอนนี้ไม่เปิดแล้วอย่างนั้นเหรอ?” เขาไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด “ถอยไป!”

“ไม่ใช่อย่างนั้นค่ะ ยังไม่เปิดจริง ๆ ค่ะ เพราะว่าสินค้าด้านในทุกชิ้นขายออกไปหมดแล้วค่ะ!” เธอพยักหน้าและคิดว่าเหตุผลนี้เป็นไหวพริบที่ดี

“ไม่เป็นไร ฉันไปดูตู้อื่นก็ได้ แต่ก็รู้สึกอะไรบางอย่าง” เขารู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้กำลังโกหกเขา เขาไม่ได้มีความอดทนที่จะเถียงกับเธอ และแค่มองเขาก็รู้ทุกอย่างแล้ว

อวี๋กุยห่าวผายมือไปอย่างตื่นเต้น แต่การกระทำแบบนี้กระตุ้นคนอื่นให้อยากเข้าไปชมอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เป็นเวลาเดียวกับที่เสียงโทรศัพท์ของเธอดังขึ้น

เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา เป็นอันโหรวนั่นเอง เธอรีบเปิดอ่านข้อความอย่างตื่นเต้นทันที

ในนั้นเขียนว่าเธอได้ออกมาจากตรงนั้นแล้ว

เธอรู้สึกโล่งอกขึ้นมาทันที แต่ทันใดนั้นเธอก็แวบคิดถึงคำพูดโกหกที่เพิ่งพูดไป

ที่เธอพูดไปว่าขายหมดแล้ว ตอนนี้จะอธิบายยังไงดี?

“ฉันนึกออกแล้วค่ะ ของด้านในตอนนี้ได้เติมของแล้ว! ประธานฉีเชิญเข้าไปได้เลยค่ะ! ” อวี๋กุยห่าวรู้สึกขอบคุณพลังสมองของตัวเองอย่างรวดเร็ว

ฉีเซิงเทียนมองเธอด้วยความสงสัย แต่ก็ไม่ได้คิดอะไรมากมาย ก่อนจะเดินตามหลังเธอไป พร้อมกับเดินชมไปหนึ่งรอบ

อวี๋กุยห่าวที่เดินตามเขาอยู่ข้าง ๆ เผยสีหน้าที่ดูมีความสุขอยู่บนใบหน้า

ฉีเซิงเทียนเป็นคนฉลาด ดวงตาเล็ก ๆ ของเธอมีหรือจะรอดพ้นสายตาของเขาไปได้ เขาแค่กำลังคิดว่ามีอะไรที่เขาไม่ควรเข้ามาดูกันแน่

อีกอย่างไม่ว่าจะวิเวียนหรือผู้หญิงที่ไม่รู้จักชื่อที่อยู่ด้วยตรงนี้ เขาล้วนไม่ได้สนิทเลยสักคน จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะเล่นละครฉากขาดความรับผิดชอบแบบนี้เป็นอันขาด

หลังจากที่คิดทบทวนไปมาก็ไม่ได้คำตอบ เขาจึงรีบเดินออกไปจากที่นี่

วิเวียนจัดการได้ง่ายกว่าที่เขาคาดไว้มาก เขาแค่บอกว่าเป็นตัวแทนของตระกูลจิ่ง เธอก็ตอบรับอย่างมีความสุขแล้ว

ทำให้เขาที่คิดว่าจะกำจัดเธอจริง ๆ ตกใจไม่น้อย

หลังจากที่เอาเรื่องนี้ไปบอกจิ่งเป่ยเฉินก็ได้รับเพียงแค่คำตอบ ‘อืม’ จากบิ๊กบอส เขารู้สึกหมดสนุกและเบื่อหน่ายทันที ก่อนจะเดินออกมาจากห้องทำงานเขาอย่างโกรธเคือง

อันอีหานไม่มาทำงาน แม้แต่รอยยิ้มพี่เฉินก็ไม่ยิ้มให้เขา เห็นผู้หญิงดีกว่าเพื่อน เห็นแฟนดีกว่าชัด ๆ!

เพราะโหรวโหรวไม่ได้มา หลินจือเซี๋ยวจึงดูยุ่งมาก เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าเดินเข้ามา เธอก็คิดว่าคงเดินเข้ามาวางเอกสารไว้จึงพูดไปโดยไม่ได้เงยหน้าขึ้น “วางไว้ตรงนั้นแหละ!”

“เธอแน่ใจงั้นเหรอ?” เสียงโกรธ ๆ ของฉีเซิงเทียนดังขึ้น

มือของหลินจือเซี๋ยวที่กำลังพิมพ์อยู่บนแป้นพิมพ์หยุดลงทันที ครั้งก่อนที่เขาเคยพูดติดตลกกับเธอว่าจะใช้ของสิ่งนั้นร่วมกัน เธอเองก็ไม่กล้าที่จะมองหน้าเขาอยู่หลายวัน

เธอชอบที่พวกเขาเล่นหยอกล้อกัน แต่เมื่อเรื่องตลกนี้มาเกี่ยวกับเธอ เธอก็รู้สึกไม่มีความสุขเหมือนกัน

“ประธานฉีมีธุระอะไรคะ?” เธอไม่ได้สนใจของในมือของฉีเซิงเทียน ก่อนจะเงยหน้ามองเขา

คนคนนี้ต้องหัวเราะให้อย่างชั่วร้าย เพื่อใครกัน?

คงไม่ใช่เธอหรอกใช่ไหม?

ในห้องทำงานนี้ยังมีคนอื่นอยู่แน่ ๆ ไม่เช่นนั้นก็เป็นผีนั่นแหละ ไม่อย่างนั้นดวงตาของเธอจะต้องมีปัญหา

ฉีเซิงเทียนโยนกล่องในมือลงตรงหน้าเธอ “ออกไปคุยธุระมาเลยซื้อกลับมาฝาก”

เมื่อเขาพูดจบก็หมุนตัวเดินออกไปเหมือนที่เดินเข้ามาในตอนแรก