ภาคที่ 1 การรุกกลับของศิษย์พี่ บทที่ 83 เปลี่ยนแผนไม่ทัน

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

คำวิพากษ์วิจารณ์ของบรรดาผู้คนนั้น เยี่ยนจ้าวเกอฟังหูไว้หู ตอนนี้เขาไม่มีกะจิตกะใจจะมาดีใจในความสำเร็จ

ในขณะเดียวกันกับที่ช่วยอาหู่ปรับลมหายใจนั้น จิตของเยี่ยนจ้าวเกอส่วนหนึ่ง ก็ยังคงแบ่งไปที่ค่ายกลย้อนกลับ

บัดนี้สีหน้าของจ้าวซื่อเฉิงฟื้นคืนมาเป็นปกติแล้ว เขาได้รับการหนุนจากพลังของค่ายกลขนาดใหญ่ คิดจะรักษาอาการบาดเจ็บก็ง่ายขึ้นมาก

เยี่ยนจ้าวเห็นสถานการณ์ดังนั้นก็เบาใจลง

เมื่ออาหู่เรียกลมปราณ เข็มทองสุริยันรอบกายพลันร่วงกระจายลงพื้น

เขาลืมตาทั้งสองขึ้น กล่าวพลางแยกเขี้ยวยิงฟันว่า “เคราะห์ดีที่ครั้งนี้สวมอาวุธวิญญาณที่นายท่านมอบให้ มิเช่นนั้นก็คงต้องจบเห่แล้วจริงๆ ขอรับ”

ชายหนุ่มเห็นเขาไม่เป็นอะไรแล้ว จึงยิ้มพลางกล่าวว่า “รสชาติของฝนสุริยันเป็นเช่นไรบ้าง”

อาหู่ยกมุมปากขึ้น “โหดดีขอรับ”

เยี่ยนจ้าวเกอหยิบกล่องทรงกระบอกออกมา ซึ่งนั่นก็คือฝนสุริยะ “เจ้านี่มันโหดร้าย แม้ว่าหลังจากที่ใช้ไปแล้วครั้งหนึ่ง และต้องการจะเติมเต็มค่อนข้างยุ่งยาก แต่อานุภาพของมันไม่เลวจริงๆ”

“ต่อแต่นี้ไปเจ้าก็เอาไปเล่นเถอะ จะลอบทำร้ายผู้ใดก็ยังสามารถให้สำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์เป็นแพะรับบาปแทนเจ้าได้ด้วย”

คนที่อยู่รอบข้างได้ยินดังนั้นก็ล้วนกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ไม่รู้จะทำอย่างไรดี

อาหู่รับไปด้วยท่าทีนึกสนุก “คุณชาย ความคิดนี้ดีนักขอรับ”

“ในภายภาคหน้าหากคุณชายไม่ชอบขี้หน้าผู้ใด ข้าก็จะลองใช้กับมันสักที”

แน่นอนว่าคำพูดเหล่านี้ล้วนเป็นการหยอกล้ออยู่แล้ว

เยี่ยนจ้าวเกอมาถึงเบื้องหน้าจ้าวซื่อเฉิง

ดูจากภายนอกแล้ว จ้าวซื่อเฉิงดูไม่ได้มีความผิดปกติใดๆ ราวกับอาการบาดเจ็บทั้งหลายหายเป็นปลิดทิ้ง

ก่อนหน้านี้ที่เยี่ยนจ้าวเกอช่วยเขารักษาอาการบาดเจ็บ ก็ได้บอกเคล็ดวิชาเหวเวหาสวนกระแสส่วนหนึ่งกับเขาแล้ว

ซึ่งขณะนี้จ้าวซื่อเฉิงสามารถขับเคลื่อนพลังของค่ายกลขนาดใหญ่ได้แล้ว อีกทั้งการรักษาอาการบาดเจ็บก็รวดเร็วยิ่งขึ้น แม้ว่าจะยังไม่หายสนิท ทว่าไม่ได้เป็นอะไรมากนักเช่นกัน

สายตาของจ้าวซื่อเฉิงมองไปยังเยี่ยนจ้าวเกอ ก่อนจะค่อยๆ เงยหน้าขึ้น “จ้าวเกอ โชคดีที่ครั้งนี้มีเจ้า ถึงสามารถชิงอำนาจการควบคุมค่ายกลชมตะวันกลับมาได้อย่างรวดเร็วเช่นนี้”

คนอื่นๆ ต่างก็หลุดออกจากภวังค์ สายตาที่มองไปยังเยี่ยนจ้าวเกอยิ่งเปี่ยมไปด้วยความชื่นชมและอัศจรรย์ใจ

นั่นเป็นเพราะอุบายของเยี่ยนจ้าวเกอ ถึงทำให้สถานการณ์นั้นพลิกผันเปลี่ยนไป จนแทบจะเรียกได้ว่าฟื้นชีพคนตายกลับมา

ความสามารถพรสวรรค์ส่วนตัวโดดเด่นเหนือนำคนอื่นไม่พูดถึง ยิ่งไปกว่านั้นยังมีความสามารถในการช่วยเหลือผู้คนในยามคับขัน ไม่สามารถมองเขาเป็นแค่ยอดฝีมือรุ่นหลังแล้ว สายตาของอัจฉริยะรุ่นหลังก็มองมายังเด็กหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าคนนี้

วิธีการเช่นนี้ ความสามารถเช่นนี้ ปรมาจารย์ขั้นจิตราชั้นนอกคนหนึ่งสามารถเปรียบเทียบได้ที่ไหน

เยี่ยนจ้าวเกอคำนับจ้าวซื่อเฉิงครั้งหนึ่ง “ท่านลุงกล่าวชมเกินไปแล้วพะยะค่ะ ข้ายังต้องพึ่งพลังจากท่านลุงเป็นเสาหลักในยามคับขันอยู่เลย”

“วิชาค่ายกลย้อนกลับนี้ ข้าเองก็ได้มาโดยบังเอิญ เป็นประโยชน์ก็แค่ชั่วเวลาหนึ่งเท่านั้น ใช่ว่าจะใช้ได้ตลอดไป”

จ้าวซื่อเฉิงกล่าว “หากจะกล่าวถึงเสาหลักในยามคับขันแล้วล่ะก็ ยังต้องเป็นท่านผู้อาวุโสฉินกับท่านผู้อาวุโสข่งของสำนักเจ้าสิ”

“พวกเขาประมือกับทะยานบูรพา ถ้าหากแบ่งแพ้ชนะได้ในเวลาสั้นๆ สถานการณ์คงเปลี่ยนไปมาก”

เยี่ยนจ้าวเกอพูดพึมพำ แล้วผูกปราณจิตราเป็นเสียง ส่งกระแสจิตไปหาจ้าวซื่อเฉิง ‘ท่านลุงพะยะค่ะ ข้ารู้สึกได้ถึงความผิดปกติบางอย่าง พวกเราจำเป็นต้องรีบออกจากหุบเขาวายุวิญญาณโดยเร็วพะยะค่ะ’

แววตาของจ้าวซื่อเฉิงวูบไหวเล็กน้อย

ชายหนุ่มกล่าวเสียงทุ้มต่ำว่า ‘ก่อนเซียวเซิงตาย เขาไม่เหมือนกับจะอวดดีเบ่งอำนาจ หรือถอดใจแล้วสาปแช่งข้า แต่เป็นการยืนยันมั่นใจว่าข้าจะต้องตามเขาไปในไม่ช้า’

‘นี่ทำให้ข้าสนใจยิ่งนัก ข้ารู้ดีว่าท่านชิงอำนาจควบคุมค่ายกลกลับมาได้ ก็ยังต้องใช้เวลาในการทำให้มั่นคง แต่เกรงว่าพวกเราจะต้องออกไปจากที่นี่ก่อนเป็นอันดับแรก’

อาหู่ก็เพิ่งจะรู้สึกดีขึ้น เวลาสั้นๆ เท่านั้นอาการบาดเจ็บยังคงไม่หายดี ทว่าก็ไม่มีเวลาเหลือให้เขาแล้ว จึงทำได้เพียงแค่ปลีกออกไปก่อนแล้วค่อยว่ากันอีกครั้ง

จ้าวซื่อเฉิงมองเยี่ยนจ้าวเกอแวบหนึ่ง ไม่ได้ถามให้มากความ แล้วก็พูดออกไปว่า “ได้ ออกจากที่นี่ก่อน!”

จอมยุทธ์ของถังตะวันออกแม้จะกังวลในสภาพของจ้าวซื่อเฉิงอยู่ ทว่าก็หวังว่าราชาของพวกเขาจะสามารถกลับไปคุมการณ์ที่เมืองชมตะวันได้โดยเร็วเช่นกัน เพี่อจะได้สะดวกในการกำจัดกลุ่มกบฏของจ้าวซื่อเลี่ย จิ่นอ๋อง

อีกด้านหนึ่ง ในเมืองชมตะวัน จ้าวซื่อเฉิงจะขับเคลื่อนพลังของค่ายกล มันถึงจะมีพลังสูงสุด

และยิ่งไปกว่านั้น ทิศทางการเคลื่อนไหวของเขาไร้พรมแดนก็ยังไม่แน่นอนเช่นกัน

ถึงกระนั้นเกินกว่าครึ่งก็คงมียอดฝีมือระดับมหาปรมาจารย์ที่แข็งแกร่งกว่าผู้อาวุโสเฮ่อผู้นั้น กำลังซ่อนตัวอยู่ตามชายแดนของอาณาจักรถังตะวันออกเป็นแน่

ทุกคนไม่มีเวลาที่จะพักผ่อน ได้แต่รีบเคลื่อนตัวจากไปทันที

เยี่ยนจ้าวเกอเดินไป พลางมองไปที่สวีชวน ส่งกระแสจิตไปว่า ‘ท่านผู้อาวุโสสวี คนที่รู้ความลับของศิลาลายเมฆในหุบเขานี้…’

สวีชวนยิ้มเล็กน้อย ‘นายน้อยเยี่ยนวางใจ ก่อนที่พวกเจ้าจะมาถึงที่นี่ ข้าได้รวบรวมคนส่งไปแล้วจัดการเสร็จสรรพแล้ว’

ขอเพียงแค่ความลับไม่รั่วไหล ต่อให้อีกฝ่ายจะใช้หุบเขาวายุวิญญาณเป็นที่ระบายความโกรธ ทำลายทุกอย่างที่นี่จนสิ้นซาก ถึงกระนั้นแร่ธาตุที่ฝังลึกอยู่ใต้ดินลึกก็ยังสามารถขุดขึ้นมาใหม่อีกครั้งได้ในภายหลัง

เยี่ยนจ้าวเกอผงกศีรษะ สวีชวนระมัดระวังตัวมาก อีกทั้งยังตัดสินใจเด็ดขาด การช่วยเขาในตอนนั้นเป็นตัวเลือกที่ถูกต้อง

หากวรยุทธ์ของสวีชวนสามารถไปถึงระดับที่สูงยิ่งกว่า เช่นนั้นบิดาของตนก็คงจะสามารถบ่มเพาะให้ได้บ้าง เพื่อช่วยให้เขาก้าวไปสู่ตำแหน่งที่สูงยิ่งกว่าและสำคัญยิ่งกว่า

ชายหนุ่มกำชับว่า “แม้ว่าพวกเราจะถอยไป แต่ยังต้องคอยจับตามองการเคลื่อนไหวของหุบเขาวายุวิญญาณอย่างใกล้ชิด”

ถึงแม้ว่าสวีชวนจะประหลาดใจอยู่บ้าง กระนั้นก็ยังคงลงไปสั่งการ

จ้าวซื่อเฉิงได้ยินคำพูดของเยี่ยนจ้าวเกอ ก็ส่งกระแสจิตไปถามว่า ‘เจ้ากังวลว่าแถวนี้จะมียอดฝีมือสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ที่แกร่งยิ่งกว่าอย่างนั้นหรือ? แต่หากมีคนเช่นนั้นอยู่จริง เหตุใดเมื่อครู่จึงไม่ลงมือเสียเล่า’

เยี่ยนจ้าวเกอหรี่ตาลง กล่าวเสียงเบาว่า “ถ้ามียอดฝีมือบุกโจมตีในช่วงเวลาสั้นๆ จริงล่ะก็ เช่นนั้นก็ยืนยันได้ถึงความผิดปกติของเซียวเซิงก่อนที่จะตายแล้ว”

“และหากเป็นเช่นนั้นแล้วล่ะก็ ข้าคิดว่าข้าพอจะเดาออกแล้ว ว่าพวกเขาต้องการจะกระทำอันใด”

เขาสูดหายใจลึกครั้งหนึ่ง “ที่ก่อนหน้านี้ไม่ลงมือก็เพราะไม่อยากแหวกหญ้าให้งูตื่น แต่ซุ่มอยู่ใกล้ๆ ก็เผื่อว่าพวกเซียวเซิงสังหารพวกเราไม่สำเร็จ ข้าเล่นงานเซียวเซิงจนสิ้นชีพ สำหรับพวกเขาแล้วก็เป็นเพียงเรื่องที่อยู่นอกเหนือความคาดหมาย”

“แต่เดิมเป็นกองหนุนที่เอาไว้สำหรับป้องกัน แต่เพราะค่ายกลย้อนกลับ พวกเราจึงพลิกสถานการณ์ในพริบตา แม้กระทั่งสถานการณ์ที่ยืดเยื้อก็ไล่ต้อนคนกลุ่มแรกจนถอยไป แล้วตอนนี้ยังถอยออกมาอีกทันที”

“อีกฝ่ายอยากให้การตายของข้าดูแล้วเป็นธรรมชาติหน่อย เหมือนว่าเกิดจากความแค้นส่วนตัวระหว่างข้ากับเซียวเซิงเท่านั้น”

“เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว ก็จะเป็นประโยชน์ต่อการกลบเกลื่อนเป้าหมายที่แท้จริงของพวกเขาได้”

จ้าวซื่อเฉิงมองไปที่เยี่ยนจ้าวเกอ “…เป้าหมายที่แท้จริง?”

แววตาของเยี่ยนจ้าวเกอหยั่งลึก “ดูท่าพวกเรา อาจจะประเมินความต้องการของพวกเขาต่ำไป”

“การสังหารข้าเป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้น กระทั่งถังตะวันออกก็เป็นเพียงแค่ทางผ่านเช่นกัน สิ่งที่พวกเขาต้องการนั้นมากกว่าที่ข้าคาดการณ์เอาไว้มาก”

คนของสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ แค่ถูกไล่ถอยออกไปเพียงชั่วคราวเท่านั้น เมื่อพวกเขาเห็นกลุ่มของเยี่ยนจ้าวเกอออกจากหุบเขาวายุวิญญาณ ต้องเร่งไล่ตามมาโจมตีแน่

ไม่ต้องทำให้กลุ่มคนของเยี่ยนจ้าวเกอบาดเจ็บหรือตาย ขอเพียงแค่คว้าหางเอาไว้ได้โดยไม่เสียร่องรอยการติดตามก็เพียงพอแล้ว

เมื่อเห็นดังนี้ภายในใจของเยี่ยนจ้าวเกอก็ยิ่งรู้สึกว่า สำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์เกินกว่าครึ่งต้องมียอดฝีมือระดับสูงอยู่ใกล้ๆ แถวนี้ และกำลังรีบตามพวกเขาอยู่

ถ้าหากไม่สามารถสะบัดหางให้หลุดออกไปได้ล่ะก็ หรือแม้กระทั่งความเร็วของฝ่ายตรงข้ามเร็วกว่า เช่นนั้นคงใช้เวลาไม่นานนักก็จะไล่ตามมาทัน

ถึงกระนั้นอย่างไรเสียที่นี่ก็คือนภาพิภพ ดินแดนของถังตะวันออก แม้พลังความสามารถของเยี่ยนจ้าวเกอ จ้าวซื่อเฉิง และคนอื่นๆ นั้นแข็งแกร่งกว่า พวกเขาก็ยังมุ่งที่จะหลีกหนีการต่อสู้ ไม่นานนักก็อาศัยข้อได้เปรียบเรื่องสถานที่สลัดผู้ที่สะกดรอยตามไปได้

หลังจากนั้นก็มีสาส์นลับถูกส่งมาผ่านช่องทางลับ

แทบจะทันทีที่กลุ่มคนของเยี่ยนจ้าวเกอจากไป ด้านหลังก็มียอดฝีมือระดับสูงของสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ย่างกรายเข้าไปในหุบเขาวายุวิญญาณ!

เมื่อนับรวมเวลาที่ใช้ในการสลัดคนสะกดรอยพวกนั้นด้วยแล้ว แทบจะเป็นวิกฤตอันตรายที่น่าผวาใจ

เยี่ยนจ้าวเกอถอนลมหายใจหนักๆ ออกมาเสียงหนึ่ง แววตาเปลี่ยนเป็นประกายแน่วแน่ เขามองไปยังจ้าวซื่อเฉิง ยิ้มพลางกล่าวว่า “ท่านลุง จากนี้ไปพวกเราแยกกันเคลื่อนไหวนะพะยะค่ะ”

“เป้าหมายหลักๆ ของอีกฝ่ายก็คือข้า แต่ท่านก็ต้องระวังตัวด้วยเช่นกัน”

“กลับเมืองชมตะวัน ก็เท่ากับว่าเผยเป้าหมายที่ชัดเจนให้กับฝ่ายตรงข้าม”

สายตาของจ้าวซื่อเฉิงนิ่งงัน “ข้าก็อาจจะกลายเป็นเป้าหมายได้ แต่กลับไม่ใช่เพราะถังตะวันออกอย่างนั้นหรือ? ถ้าพูดเช่นนี้แล้ว…”

ชายหนุ่มพยักหน้า “ท่านเตรียมใจเอาไว้เป็นการดีที่สุด อย่าเปิดเผยเป็นพอ”

“สำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ต้องการจะเล่นหนัก เช่นนั้นก็มาเล่นกัน” เยี่ยนจ้าวเกอยิ้มเล็กน้อยแล้วพูดว่า “โบราณว่าเอาไว้ การเปลี่ยนแปลงเป็นสัจธรรม แม้แต่สิ่งที่วางแผนไว้แล้วก็เปลี่ยนแปลงได้ตลอด”

เมื่อได้ยินดังนั้น แววตาของจ้าวซื่อเฉิงก็วูบไหวเล็กน้อย จ้องมองเยี่ยนจ้าวเกอนิ่งงัน

เยี่ยนจ้าวเกอสบตากับเขาด้วยความสงบ จ้าวซื่อเฉิงผงกศีรษะช้าๆ “ได้ เจ้าก็จงระวังตัวด้วย ระมัดระวังความปลอดภัยของเจ้าให้ดี”

“พะยะค่ะ ท่านลุง” เยี่ยนจ้าวเกอกล่าวตอบ “ข้าจะระวังความสมดุลระหว่างการปกปิดร่องรอยกับการดึงความสนใจของอีกฝ่ายขอรับ”

เมื่อส่งจ้าวซื่อเฉิงไปแล้ว เยี่ยนจ้าวเกอก็ส่งกระแสจิตไปหาอาหู่ และออกคำสั่งไป

อาหู่ที่คุณชายสั่งไปซ้ายก็ไม่ไปขวาแน่นอน คุณชายสั่งตีสุนัขก็จะไม่จับนกแน่นอน น้อยนักที่จะตกอยู่ในสภาวะตกตะลึง

เสียงของเขาตะกุกตะกักราวกับกัดลิ้นของตนเองอย่างไรอย่างนั้น “คะ…คุณ…คุณชาย นี่มันจะไม่…”

…………