บทที่ 150 ปู้ฟางผู้แสนฟูฟ่าอลังการกับเกี๊ยวจันทร์เสี้ยวสีรุ้ง

ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก: GOURMET OF ANOTHER WORLD

มุมปากของพ่อครัวจินยกขึ้นเป็นรอยยิ้ม ขณะฟังเสียงอุทานด้วยความตื่นตาตื่นใจของฝูงชนเบื้องหน้า ใบหน้าของแต่ละคนดูตื่นเต้นเป็นอย่างมาก ชายหัวล้านรู้สึกได้ถึงสายตาของผู้ชมทุกคนที่จ้องมาที่เขาเป็นตาเดียว

พ่อครัวจินมั่นใจในทักษะการใช้มีดของตนเองว่าดีที่สุดในหมู่พ่อครัวทั้งหมด แม้ทักษะการจัดการวัตถุดิบของเขาจะไม่ดีเท่าพ่อครัวที่อาวุโสกว่า ซึ่งมีประสบการณ์ในโรงครัวมาหลายสิบปี แต่ทักษะการใช้มีดย่อมเป็นอันดับหนึ่งในครัวหลวงอย่างแน่นอน

หลังจากที่ใช้ทักษะอันแพรวพราวในการหั่นเนื้อหนึ่งจาน เขาก็เงยหน้าขึ้นมามอง แล้วพบว่าเสียงอุทานด้วยความตื่นเต้นนั้นดังถี่ขึ้นอีก ทว่า… ไม่ได้เป็นเพราะเขา

ใบหน้าของพ่อครัวจินแข็งทื่อไปสักพักก่อนจะมุ่นคิ้ว ศีรษะเตียนโล่งดูเหมือนจะส่องแสงสว่างออกมาภายใต้ดวงอาทิตย์เจิดจ้า

เขาหันไปมองฝูงชนแล้วพบว่าทุกคนกำลังมองไปที่เตาหนึ่งซึ่งอยู่ไม่ไกลออกไป เจ้าของเตาที่กำลังทำอาหารอยู่เป็นคนที่เขาไม่ชอบขี้หน้าเอาเสียเลย ซึ่งคือปู้ฟางนั่นเอง

สีหน้าของพ่อครัวจินดูแย่ลงไปอีก เขาหมดอารมณ์ทันที ใครมันจะไปอารมณ์ดีอยู่ได้เวลาโดนคนที่เกลียดขี้หน้าแย่งการเป็นจุดสนใจไป

ด้วยเหตุนี้เขาจึงอยากหันไปมองให้เต็มตาว่าปู้ฟางทำอะไรถึงแย่งหน้าของเขาไปได้ เพราะถึงอย่างไร… เขาก็ยังถือไพ่เหนือกว่าในการเรียกความสนใจให้คนหันมามอง เนื่องจากมีศีรษะที่ส่องสว่างกระแทกตานั่นเอง!

ปู้ฟางใช้ฝ่ามือตบลงบนโต๊ะ มีเพียงเนื้อเท่านั้นที่ลอยขึ้นในอากาศ มีดทำครัวกระดูกมังกรทองหมุนอยู่ในมือ จากนั้นก็ควงสว่านเข้าใส่เนื้อ เนื้อนั้นเป็นเนื้อหมูธรรมดา ไม่ใช่เนื้อของอสูรเวทแต่อย่างใด ด้วยเหตุนี้การใช้มีดทำครัวกระดูกมังกรทองที่สามารถตัดเหล็กได้เหมือนก้อนดินเหนียวตัดเนื้อหมูนี้ จึงง่ายเสียยิ่งกว่าปอกกล้วยเข้าปาก

มีดทำครัวกระดูกมังกรทองยังคงหมุนต่อเนื่องแล้วหั่นเนื้อออกเป็นชิ้นๆ เนื้อหมูชิ้นใหญ่ที่ลอยอยู่ในอากาศค่อยๆ เล็กลงๆ เรื่อยๆ ในสายตาของผู้ชม

ปู้ฟางถือชามกระเบื้องสีขาวคอยท่าอยู่ด้านล่าง เนื้อหมูที่หั่นเสร็จแล้วตกเรียงลงมาบนจาน เป็นระเบียบเรียบร้อยจนเหมือนจับวาง

เมื่อดูจากสีหน้าสบายๆ เหมือนไม่ต้องออกแรงของปู้ฟางแล้ว ก็เห็นได้ชัดว่าทักษะการใช้มีดเช่นนี้เป็นแค่เรื่องพื้นฐานสำหรับเขา

เนื้อหมูที่ปู้ฟางหั่นออกมานั้นบางเหมือนปีกจักจั่น จนเห็นแม้กระทั่งลวดลายของเส้นเลือดที่อยู่บนนั้นอย่างชัดเจน

จากนั้นปู้ฟางก็นำผักและผลไม้มาวาง ก่อนควงมีดและหันเต๋าทุกอย่างพร้อมกัน คราวนี้วิธีการหั่นเต๋าของเขานั้นแปลกยิ่งกว่าเดิมเสียอีก เขาไม่ได้หั่นของทีละอย่าง แต่กลับโยนทุกอย่างขึ้นไปในอากาศแล้วจัดการทั้งหมดพร้อมกัน

มีดทำครัวกระดูกมังกรทองพุ่งตัดผ่านทั้งผักและผลไม้ไม่ต่างจากลมพัดกรรโชก ลำแสงสว่างวาบจำนวนมากพุ่งผ่านเหมือนฝนดาวตก ผักและผลไม้เหล่านั้นถูกหั่นเป็นสี่เหลี่ยมเล็ก แล้วตกลงมาในกะละมังที่เตรียมไว้ด้านล่าง

ปู้ฟางช้อนกุ้งลายเสือขึ้นมาจากน้ำเย็น เขาควงมีดทำครัวอย่างรวดเร็ว ทันใดนั้นเนื้อกุ้งก็หลุดออกจากเปลือก การเคลื่อนไหวของเขารวดเร็วมากเสียจนทำให้ผู้ชมมองตามแทบไม่ทัน วิธีการเตรียมวัตถุดิบของชายหนุ่มทำให้ทุกคนที่ได้พบเห็นตกใจเป็นอันมาก

ชามใหญ่เต็มไปด้วยกุ้งสดๆ ไร้เปลือกภายในครึ่งเค่อ จากนั้นปู้ฟางก็สับกุ้งแล้วนำไปผสมคลุกเคล้ากันเนื้อบดชนิดอื่นและผักผลไม้หั่นเต๋า

วัตถุดิบทำอาหารของปู้ฟางมีสีสันสดใสเตะตาเป็นอันมาก ชายหนุ่มกวนส่วนผสมทั้งหมดเข้าด้วยกัน แล้วะใส่เครื่องปรุงเป็นระยะเพื่อเพิ่มรสชาติ ถึงเขาจะยังไม่ได้เริ่มการปรุงสุก แต่กลิ่นอ่อนๆ ก็ค่อยๆ โชยออกมาจากส่วนผสมที่เขากำลังปรุงแล้ว

หลายคนที่นั่งอยู่ไกลออกไปกำลังมองปู้ฟางทำอาหารด้วยใจจดจ่อ นี่เป็นครั้งแรกที่ทุกคนได้เห็นเถ้าแก่ปู้ขณะทำอาหารกับตาตนเอง พวกเขาไม่ได้คาดคิดมาก่อนเลยว่าการเคลื่อนไหวของพ่อครัวหนุ่มจะสง่างามรวดเร็วถึงเพียงนี้

“เถ้าแก่ปู้จะทำอะไรให้เราชิมกันนะ เอาส่วนผสมหลายอย่างมาสับรวมกัน… จะทำไส้ขนมจีบทองคำรึ ไม่ใช่สิ… นั่นไม่ใช่ของที่อยู่ในขนมจีบทองคำเสียหน่อย” เซียวเสี่ยวหลงและคนอื่นๆ พึมพำกับตนเองด้วยความสงสัย ไม่มีใครเดาออกว่าปู้ฟางกำลังทำอะไรอยู่

ไม่ได้มีแค่พวกเซียวเสี่ยวหลงเท่านั้นที่เดาไม่ออก พ่อครัวแม่ครัวคนอื่นๆ เองก็ไม่เข้าใจเช่นกัน หากเขากำลังทำไส้ติ่มซำ แล้วจะหั่นเนื้อหมูให้เป็นแผ่นบางเหมือนปีกจักจั่นไปเพื่ออะไรกัน

ทุกคนมีสีหน้างุนงงเป็นอันมาก แต่ฝูงชนก็ยังคงส่งเสียงให้กำลังใจต่อไป วิธีการจัดการวัตถุดิบของปู้ฟางนั้นสง่างามช่ำชอง น่าตื่นตาตื่นใจสำหรับพวกเขาเหลือเกิน

เวลาจริงจังกับการทำอาหาร พ่อครัวแม่ครัวนี่ดูหล่อสวยกันได้ถึงเพียงนี้เลยสินะ!

หลังจากที่ปรุงรสไส้เสร็จเรียบร้อย ปู้ฟางก็ล้างมือให้สะอาดด้วยน้ำเปล่า แล้วเช็ดหยดน้ำที่เกาะพราวออกจากมือและนิ้วขาวเรียวสวยด้วยผ้าสะอาด เขาหยิบแป้งถุงใหญ่ซึ่งคุณภาพดีที่สุดเท่าที่หาได้ในนครหลวงออกมา สิ่งนี้เป็นสิ่งที่เขาเขียนลงไปเพื่อขอให้ขันทีหนุ่มจัดหามาให้โดยเฉพาะ

แม้คุณภาพของแป้งนี้จะไม่ดีเท่าแป้งที่ระบบจัดหามาให้ แต่ปู้ฟางก็พอใจกับสิ่งที่ได้พอตัวเมื่อลองหยิบขึ้นมาดมดู

พลังปราณเริ่มหมุนวนอยู่ในเส้นปราณของเขา ชายหนุ่มรวบรวมพลังปราณไว้ที่ฝ่ามือ สีหน้าเปลี่ยนเป็นจริงจังทันที เขาเทแป้งลงในอ่างใหญ่ จากนั้นก็ใส่น้ำอุ่นลงไป แล้วเริ่มคนแป้งกับน้ำให้เข้ากัน พลังปราณที่ใส่เข้าไปในส่วนผสมทำให้แป้งเริ่มจับตัวเป็นก้อนอย่างรวดเร็ว

ปัง!

เมื่อนวดแป้งจนได้ผิวสัมผัสเรียบลื่นพอตัวแล้ว ปู้ฟางก็โยนก้อนแป้งขึ้นไปในอากาศ ในขณะที่ก้อนแป้งยังลอยอยู่นั้น เขาก็ใช้ฝ่ามือกระแทกเข้าไป ทำให้เกิดเสียงดังกังวานไปทั่ว

ก้อนแป้งสั่นอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะลอยกลับขึ้นไปในอากาศตามแรงผลักอีกครั้ง แล้วค่อยๆ ตกลงมาตามแรงโน้มถ่วง ปู้ฟางใช้ฝ่ามือที่อัดแน่นด้วยพลังปราณกระแทกเข้าไปที่ก้อนแป้งกลางอากาศเพื่อนวด

ชายหนุ่มนวดแป้งในลักษณะนี้ไปเรื่อยๆ ก้อนแป้งของเขาลอยขึ้นและตกลงมาเป็นจังหวะสม่ำเสมอ…

เซียวเหมิงซึ่งนั่งอยู่ที่โต๊ะใกล้ๆ นั้นหรี่ตาทันทีเมื่อได้เห็น ด้วยขั้นปราณของเขา ชายวัยกลางคนจึงเห็นว่าปู้ฟางกำลังทำอะไรได้อย่างทะลุปรุโปร่ง ทุกครั้งที่ปู้ฟางกระแทกฝ่ามือเข้าไปที่ก้อนแป้งนั้นนับว่าไม่ธรรมดา ทันทีที่ฝ่ามือพลังปราณกระทบแป้ง ก็ส่งผ่านแรงสั่นสะเทือนเข้าไปพลิกสลับก้อนแป้งจากด้านในออกมาด้านนอก

ชายหนุ่มใช้วิธีนี้ในการนวดก้อนแป้งจากในไปนอกด้วยฝ่ามือของเขา…

นี่ถือเป็นทักษะพลังปราณขั้นสูงที่ผู้ใช้ต้องมีการควบคุมระดับพลังปราณได้อย่างดีเยี่ยมไม่ขาดไม่เกิน แม้แต่ตัวเซียวเหมิงเองยังต้องฝึกซ้อมอย่างแข็งขันกว่าจะทำอะไรเช่นนี้ได้

ทักษะของปู้ฟางทำให้ผู้ชมต่างพากันอุทานเสียงดังด้วยความตื่นตาตื่นใจ เนื่องจากเป็นกรรมวิธีที่ดูเล่นใหญ่อลังการงานสร้างเป็นอันมาก!

โอวหยางเสี่ยวอี้ระเบิดหัวเราะออกมา “ข้าไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่านายท่านตัวเหม็นที่เย็นชาเสียยิ่งกว่าอะไร เวลาทำอาหารจะกลายเป็นคนอลังการดาวล้านดวงถึงเพียงนี้! คิๆๆ!”

เซียวเยียนอวี่เองก็ปิดปากหัวเราะเช่นกัน เมื่อหญิงสาวนึกถึงสีหน้าเรียบเฉยไร้ความรู้สึกของปู้ฟางและกระบวนท่าสุดฟูฟ่ายิ่งใหญ่ของเขาตอนกระแทกฝ่ามือลงไปที่ก้อนแป้ง นางก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมาด้วยความขบขัน

หลังจากที่นวดแป้งเสร็จเรียบร้อย… ก็ถือเป็นอันเสร็จสิ้นกระบวนการเตรียมวัตถุดิบ เขาจะทำหมั่นโถ หรือว่าจะทำขนมจีบทองคำชนิดใหม่กันแน่นะ

หลายคนมองด้วยความงุนงงและยังคงตั้งหน้าตั้งตาเดาต่อไป มีอาหารหลายชนิดที่ต้องใช้ก้อนแป้งในการทำ แต่ก็ไม่มีใครชี้ชัดได้ เนื่องจากไม่รู้ว่าไส้ที่ปู้ฟางเตรียมนั้นเป็นไส้อะไรกันแน่

พอนวดแป้งเสร็จ ก้อนแป้งนั้นก็ปล่อยความร้อนจากพลังปราณของปู้ฟางที่อัดแน่นอยู่ภายในออกมา ทุกครั้งที่เขาพลิกก้อนแป้งจากด้านในมาด้านนอก จะเกิดแรงเสียดทานที่สร้างความร้อนจำนวนมากจนทำให้ก้อนแป้งร้อนจัด

มีดทำครัวกระดูกมังกรทองหมุนควงสว่าน จากนั้นก้อนแป้งก็ถูกหั่นออกเป็นก้อนเล็กเท่าๆ กัน เมื่อหั่นเสร็จปู้ฟางก็พักมันเอาไว้ข้างๆ

“มาจุดไฟให้ข้าหน่อย ต้มน้ำในกระทะให้เดือดด้วย” ปู้ฟางพูดพร้อมบุ้ยใบ้ไปที่ขันทีหนุ่มซึ่งยืนอยู่ใกล้ๆ ดูเหมือนว่าขันทีผู้นั้นจะกำลังนิ่งอึ้งกับความอลังการงานสร้างของปู้ฟางจนไม่รู้สึกตัว

เมื่อเตรียมการมาถึงตรงนี้ ปู้ฟางก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก จากนั้นก็มองไปรอบๆ ตัวเพื่อสังเกตการณ์

พ่อครัวแม่ครัวรอบตัวเขาทำอาหารเกือบเสร็จแล้ว และกำลังเริ่มขั้นตอนสุดท้ายกันทีละคนสองคน กลิ่นหอมของอาหารที่ลอยขึ้นไปในอากาศไม่ห่างหายไปจากบริเวณประตูมายาสวรรค์เลย อากาศเบื้องบนลานจัตุรัสดูพร่ามัวเนื่องจากกลิ่นอาหารก่อตัวเป็นเมฆต่ำ

ภาพนี้เป็นภาพที่เกิดได้ยากยิ่ง ด้วยความที่มีคนทำอาหารพร้อมกันหลายคน กลิ่นที่ลอยขึ้นไปจึงควบแน่นขนานหนักจนเกินจะควบคุมได้

ปู้ฟางเลิกสนใจสิ่งรอบตัว เขาไม่ใส่ใจอาหารที่พ่อครัวแม่ครัวรอบๆ ส่งเข้าแข่งขัน และกลับมาสนใจสิ่งที่ตนเองกำลังทำอยู่อีกครั้ง นิ้วมือเรียวยาวของเขาขยับเล็กน้อย เพื่อหยิบหมูแผ่นบางเหมือนปีกจักจั่นออกมา พลางใส่ไส้ที่เตรียมเอาไว้ลงไปแล้วบีบมันให้เป็นก้อนกลม เขาหยิบก้อนแป้งที่แบ่งเอาไว้ออกมารีดจนเป็นแผ่นบาง แล้วห่อก้อนหมูยัดไส้นั้นให้เป็นเกี๊ยว

เมื่อห่อเสร็จ รอยจีบก็ปรากฏขึ้นบนเกี๊ยวที่มีรูปร่างเหมือนจันทร์เสี้ยว ดูสวยงามไร้ที่ติมากเสียจนเหมือนงานศิลปะชั้นสูงเลอค่า

การห่อเกี๊ยวรูปจันทร์เสี้ยวนี้เป็นวิธีดั้งเดิมที่สุดในการทำติ่มซำ

แต่นี่ไม่ใช่เกี๊ยวธรรมดาทั่วไป หากแต่เป็นการนำสูตรเกี๊ยวสายรุ้งในน้ำซุปที่ระบบมอบให้ล่าสุดมาปรับปรุงให้เป็นสูตรที่ไม่ว่าใครก็สามารถกินได้นั่นเอง

………………………