บทที่ 149 เถ้าแก่ปู้เดี๋ยวนี้จองหองนัก

ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก: GOURMET OF ANOTHER WORLD

“ตายๆ เถ้าแก่ปู้ ท่านเองก็มาร่วมแข่งในงานสมโภชร้อยครอบครัวด้วยรึ! ยอดไปเลย ข้ารอกินฝีมือท่านอยู่นะ!”

ขณะที่ปู้ฟางกำลังก้าวเข้าประตูจัตุรัสมายาสวรรค์ ชายร่างอ้วนกลมเหมือนลูกชิ้นยักษ์ก็ตะโกนทักเขาด้วยความตื่นเต้นดีใจ ปู้ฟางพลันมีสีหน้าประหลาดใจ เจ้าอ้วนจินมาทำอะไรที่นี่กันนะ แต่หลังจากคิดอยู่สักพักเขาก็เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น เนื่องจากการเลือกครอบครัวที่จะได้เข้าร่วมงานเป็นการสุ่ม ไม่ได้กำหนดว่าจะต้องเป็นคนยากดีมีจนอย่างไรแต่ให้โอกาสทุกคนเท่ากัน จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่เจ้าอ้วนจินจะมานั่งอยู่ตรงนี้ด้วย

“เถ้าแก่ปู้ นี่ลูกชายกับลูกสะใภ้ข้า” เจ้าอ้วนจินพูดพร้อมรอยยิ้มกว้าง ขณะดึงลูกสะใภ้และลูกชายที่ดูอ้วนกลมเหมือนตัวเองเข้ามาแนะนำ

ปู้ฟางพยักหน้าให้หญิงสาวหน้าตาอ่อนโยนข้างๆ เจ้าอ้วนจิน รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยที่เจ้าอ้วนจินสามารถหาสตรีที่ดูอ่อนโยนเช่นนี้ให้บุตรชายตนเองได้

ทั้งสามคุยกันเล็กน้อยก่อนปู้ฟางจะขอตัวไปประจำที่เตา ขันทีหนุ่มที่มาหาเมื่อวานบอกชายหนุ่มเรียบร้อยแล้วว่าเตาของเขาอยู่ตรงไหน ด้วยเหตุนี้ปู้ฟางจึงหาที่ของตนเจอ

เมื่อมาถึงเตาของตัวเองเรียบร้อย ปู้ฟางก็ขมวดคิ้วแล้วเริ่มสำรวจบริเวณโดยรอบทันที จากนั้นก็ถอนหายใจในอกคนเดียว ถึงอย่างไรที่นี่ก็ไม่ใช่ครัวที่ร้านของเขา… อุปกรณ์ตรงหน้านั้นน้อยเกินไป แต่ก็ไม่ใช่อุปสรรคสำหรับชายหนุ่มแต่อย่างใด

มีขันทีหนุ่มหนึ่งคนยืนอยู่ด้านหลังเตาของปู้ฟาง หน้าที่ของเขาคือช่วยจุดไฟในเตาให้ ที่ด้านหลังเตาตัวอื่นๆ ก็มีขันทีหนุ่มยืนอยู่เช่นกัน

“วัตถุดิบที่ข้าขอไปอยู่ไหนหรือ” ปู้ฟางถามขันทีหนุ่ม ผู้ที่สีหน้าเปลี่ยนเป็นเขินอายทันทีพลางส่ายหน้า ปู้ฟางพยักหน้าตอบ เขาไม่ได้กังวลอะไรเนื่องจากเห็นคนหลายคนกำลังขนวัตถุดิบไปวางที่เตาตัวอื่น แปลว่าสิ่งที่เขาสั่งไปจะมาถึงเร็วๆ นี้เช่นกัน

ไม่นานนักวัตถุดิบของปู้ฟางก็มาถึง

สายตาของบรรดาผู้ร่วมแข่งขันรอบตัวต่างจ้องมาที่ปู้ฟาง ทุกคนล้วนสงสัยใคร่รู้ว่าชายหนุ่มจะทำอะไรให้ผู้โชคดีกิน

พ่อครัวจินหัวล้านหรี่ตากอดอก เขาเองก็จ้องมายังจุดที่ปู้ฟางอยู่เช่นเดียวกัน มุมปากยกขึ้นเป็นรอยยิ้มเหยียด

ในฐานะพ่อครัวหลวง เขาย่อมมีความภาคภูมิใจของตนเองเช่นกัน

“หือ” ทันใดนั้นดวงตาของพ่อครัวหัวโล้นก็เบิกกว้างขึ้น สีหน้าดูประหลาดใจกับสิ่งที่ได้เห็น วัตถุดิบที่ปู้ฟางเลือกใช้นั้นมีหลายชนิดเกินไป ทั้งยังมีหลากสีสันจนสะดุดตาอีกด้วย… ที่สำคัญที่สุดคือไม่มีวัตถุดิบชนิดใดเลยที่มีคุณภาพสูง พวกมันเป็นเพียงวัตถุดิบธรรมดา บางอย่างหาง่ายบางอย่างหายากปะปนกันไป หลายอย่างไม่มีพลังปราณอยู่ภายในด้วยซ้ำ

“เถ้าแก่ปู้ตั้งใจจะใช้แค่วัตถุดิบธรรมดาในการทำอาหารรึ เขาจะเข้าแข่งงานสมโภชร้อยครอบครัวด้วยกลยุทธ์นี้จริงหรือนี่” บรรดาพ่อครัวแม่ครัวต่างไม่มีใครจับต้นชนปลายถูก

ในความคิดของพวกเขา ไม่ว่าอาหารที่ทำจากวัตถุดิบธรรมดาจะอร่อยเพียงใด แต่มันย่อมสู้อาหารจากวัตถุดิบหายากคุณภาพสูงไม่ได้ แค่กลิ่นที่ก่อตัวจากพลังปราณก็มากพอสยบทุกอย่างได้แล้ว

ไอ้เถ้าแก่ปู้นี่มันหยิ่งผยองพองขนเสียจริง! หมอนี่มันดูถูกพวกเขาหรือ ตั้งใจจะเอาชนะพวกเขาโดยใช้แค่วัตถุดิบธรรมดาทั้งหมดเนี่ยนะ

เหล่าพ่อครัวแม่ครัวต่างแสดงสีหน้าเย้ยหยันไปตามๆ กัน

ทุกคนต่างตั้งตารอดูปู้ฟางหน้าแตกหมอไม่รับเย็บทันทีที่เริ่มการแข่งขัน ในตอนนั้นชายหนุ่มคงจะรู้ซึ้งถึงความสำคัญของการใช้วัตถุดิบที่มีพลังปราณอยู่ภายใน แต่มันก็สายไปเสียแล้ว

บรรดานักดนตรีหลวงเริ่มบรรเลงบทเพลงเป็นฉากหลัง บรรยากาศภายในประตูมายาสวรรค์เริ่มครื้นเครงขึ้นตามลำดับ องครักษ์กลุ่มหนึ่งเดินสวนสนามออกมาจากท้องพระโรง แล้วหยุดยืนเรียงแถวอยู่สองข้างทาง บรรดาเจ้าขุนมูลนาย แม่ทัพ และขุนนางคนอื่นๆ เดินตามออกมา ต่างพากันหัวเราะยิ้มแย้มอย่างสนุกสนาน นอกจากคนธรรมดาในนครหลวงที่ได้รับเลือกให้เข้าร่วมงาน บรรดาผู้สูงศักดิ์พร้อมด้วยครอบครัวก็ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของงานนี้เช่นกัน

ถึงอย่างไรโอกาสที่จะได้ลิ้มรสอาหารจากพ่อครัวแม่ครัวชื่อดังทั่วอาณาจักรก็ไม่ได้มีมาง่ายๆ

โอวหยางซงเหิงนั่งอยู่ที่โต๊ะพร้อมรอยยิ้มบนใบหน้า ข้างกายมีโอวหยางเสี่ยวอี้และหนึ่งในบรรดาภรรยา นอกจากนี้ยังมีเจ้าขุนมูลนายหลายคนนั่งอยู่ที่โต๊ะเช่นกัน ยกตัวอย่างเช่น สมาชิกตระกูลเซียวและตระกูลหยาง… ทุกคนล้วนมาจากตระกูลที่มีชื่อเสียงในนครหลวง

ในปีนี้ทุกคนล้วนเฝ้ารออาหารฝีมือปู้ฟางมากที่สุด โอกาสที่พวกเขาจะได้ชิมอาหารของปู้ฟางนอกร้านนั้นยากเสียยิ่งกว่าการได้เข้าร่วมงานสมโภชร้อยครอบครัวเสียอีก ด้วยเหตุนี้ทุกคนจึงตั้งหน้าตั้งตารอด้วยความตื่นเต้น และเริ่มพูดคุยกันอย่างออกรสออกชาติว่าปู้ฟางจะทำอะไรให้พวกเขากินทันทีที่หย่อนก้นลงนั่ง

จักรพรรดิเดินเข้างานมาในชุดคลุมลายมังกร พร้อมด้วยผ้าคลุมไหล่ที่ทำจากขนอสูรเวทบนบ่า เขานั่งลงบนเก้าอี้ด้วยท่าทางสง่างาม ใบหน้าเปื้อนยิ้มขณะมองไปยังบรรยากาศแสนรื่นเริงตรงหน้าท่ามกลางสายตาของทุกคนที่จับจ้องมา

จีเฉิงเสวี่ยพ่นควันขาวออกมา จากนั้นก็เริ่มกล่าวสุนทรพจน์เพื่อให้กำลังใจประชาชน ซึ่งทำให้บรรยากาศทวีความรื่นเริงขึ้นอีก

ทันทีที่กล่าวสุนทรพจน์จบ จีเฉิงเสวี่ยก็ประกาศเริ่มงานสมโภชร้อยครอบครัว

พ่อครัวจินหยิบมีดทำครัวปลายคมกริบออกมา มีดทำครัวเล่มนี้เขาสั่งให้ช่างตีเหล็กชื่อดังในนครหลวงทำขึ้นมาโดยเฉพาะ มีดเล่มนี้ทั้งหนักและคมจนสามารถผ่าเหล็กออกเป็นสองท่อนได้อย่างง่ายดายราวกับเป็นก้อนดินเหนียว เขาสามารถใช้มันได้อย่างช่ำชองหลังจากฝึกมือมานานหลายปี

สำหรับงานสมโภชร้อยครอบครัวในปีนี้ อาหารจานที่เขาจะทำเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจากลูกชิ้นสุขสราญสี่สหาย เขาได้เตรียมวัตถุดิบเป็นเนื้อชั้นดีจากอสูรเวทไว้มากมายหลายชนิด มีทั้งเนื้อจากอสูรเวทจำพวกวัวและหมู ตั้งแต่ระดับหนึ่งไปจนถึงระดับสาม รสสัมผัสของเนื้ออสูรเวทจำพวกวัวนั้นนุ่มไปด้วยไขมันลายหินอ่อน ส่วนเนื้อจากอสูรเวทจำพวกหมูก็มีไขมันเช่นกัน แต่ไม่ได้มันจนเกินไป และเต็มไปด้วยพลังปราณมากมาย เขาจะนำเนื้อทั้งสองชนิดนี้มาผสมกันเพื่อทำลูกชิ้นสุขสราญสี่สหาย พ่อครัวจินมั่นใจเป็นอย่างมากว่าจะทำให้ทุกคนสยบได้ด้วยอาหารจานนี้ของเขา

วัตถุดิบที่เขาใช้นั้นยอดเยี่ยมเป็นที่สุด แล้วอาหารที่จัดได้ว่าเป็นเศษขยะอย่างของปู้ฟางจะมาเทียบชั้นกับอาหารของเขาได้อย่างไรกัน แน่นอนว่ารสชาติอร่อยที่แท้จริงถึงอย่างไรก็ต้องมาจากวัตถุดิบที่คัดเลือกมาเป็นอย่างดี อาหารที่ทำจากวัตถุดิบเหลือเดนเช่นนั้นจะไปอร่อยที่ตรงไหนกัน!

ด้วยเหตุนี้พ่อครัวจินจึงมองการกระทำของปู้ฟางด้วยความรังเกียจเดียดฉันท์ ก่อนหน้านี้เขาคิดว่าปู้ฟางอาจจะเป็นคนที่จัดการได้ยาก แต่ดูเหมือนว่า… หมอนี่คงจะมีดีแค่ชื่อเสียแล้ว

วัตถุดิบที่พ่อครัวแม่ครัวคนอื่นๆ เตรียมมานั้นก็มีคุณภาพสูงเช่นเดียวกัน มีแม้กระทั่งเนื้อของอสูรเวทระดับสี่ แกะเขากวาง ดูเหมือนว่าทุกคนตั้งใจจะใช้วัตถุดิบที่ดีที่สุดในการเพิ่มชื่อเสียงของตนให้กระฉ่อนมากขึ้นกว่าเดิม

เสียงอุทานด้วยความตกใจดังมาจากกลุ่มผู้ชม

ณ เวลานั้น พ่อครัวแม่ครัวหลายร้อยคนต่างเริ่มเตรียมวัตถุดิบกันแล้ว ทุกคนเริ่มแสดงความสามารถในการใช้มีดที่ร่ำเรียนมาอย่างช่ำชอง หลายคนที่สั่งสมประสบการณ์มามากก็มีลวดลายแพรวพราวน่าจับตามอง ภาพของพ่อครัวแม่ครัวมากมายที่กำลังโบกสะบัดมีดในมือจนสะท้อนแสงดวงอาทิตย์วาบนั้นดูน่าตื่นตาตื่นใจเป็นอย่างยิ่ง

ชาวบ้านทั่วไปที่ไม่เคยเห็นภาพนี้มาก่อนพลันอุทานออกมาด้วยความตกใจ

จากนั้นเสียงมีดกระทบเขียงก็ดังเป็นจังหวะ สะท้อนไปทั่วประตูมายาสวรรค์

ปู้ฟางหยิบวัตถุดิบที่วังหลวงเตรียมไว้ให้ออกมาชิ้นแล้วชิ้นเล่า ทุกอย่างเป็นวัตถุดิบธรรมดาทั่วไปที่หาได้ตามครัวเรือน

วัตถุดิบเหล่านี้ดูด้อยค่าไปเลยเมื่อเทียบกับวัตถุดิบคุณภาพสูงที่พ่อครัวแม่ครัวคนอื่นๆ กำลังเตรียมอยู่

แต่ปู้ฟางก็ยังคงลำเลียงสิ่งต่างๆ ออกมาเรื่อยๆ ด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก จากนั้นเขาก็ขยับคอดังแกร๊ก เป็นสัญญาณว่าพร้อมจะเตรียมวัตถุดิบแล้วนั่นเอง

ตราประทับบนข้อมือของชายหนุ่มสว่างวาบ ก่อนที่กลุ่มควันสีเขียวจะพุ่งออกมาโอบล้อมมือเขาไว้ จากนั้นมีดทำครัวสีดำก็ปรากฏขึ้นในมือ

ยิ่งปู้ฟางใช้มีดทำครัวกระดูกมังกรทองมากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งคุ้นเคยกับมันมากขึ้นเท่านั้น ทำให้รู้สึกราวกับว่ามีดเล่มนี้หลอมรวมเข้าเป็นหนึ่งเดียวกับแขนของเขา จนใช้ง่ายเป็นธรรมชาติไม่ต่างอะไรจากการกะพริบตา

ชายหนุ่มถือมีดทำครัวไว้ในมือขวา จากนั้นก็ใช้นิ้วสะบัดใบมีดเบาๆ เขาฉีกยิ้มกว้าง รู้สึกได้ถึงแรงสั่นน้อยๆ ที่สะท้อนออกมาจากมีด

ปู้ฟางรวบรวมพลังปราณเอาไว้ในฝ่ามือ จากนั้นก็ตบมือลงบนโต๊ะ ส่งให้เนื้อที่วางอยู่บนโต๊ะลอยลิ่วขึ้นไปในอากาศ

……………………….