ตอนที่ 597 สับสนกับคิดได้

แผนรักสยบใจบอสสาวตัวร้าย

นี่เป็นค่ำคืนที่แสนเจ็บปวด

 

 

อวี๋หมิงหลางตากลมอยู่ข้างนอก เสี่ยวเชี่ยนนอนอยู่บนเตียงอุ่นๆ ร่างกายอบอุ่นแต่จิตใจเย็นเฉียบ

 

 

อุณหภูมิบนภูเขาตอนเช้ากับตอนเย็นแตกต่างกันมาก ถึงแม้จะเป็นหน้าร้อน พอตกกลางคืนอากาศก็ยังเย็นอยู่ดี

 

 

ภรรยาเจ้าของเป็นหญิงสูงวัยใจดี รู้ว่าพวกเขาจะมาก็เตรียมทำเตียงให้อุ่นไว้รอ พอตกค่ำเตียงก็จะอุ่นพอดีไม่ร้อนเกินไป นั่งบนนั้นก็สบาย

 

 

ถ้าอวี๋หมิงหลางไม่ก่อเรื่องจนเป็นแบบนี้ บางทีตอนนี้ทั้งสองคนอาจเปลี่ยนไปใส่เสื้อแขนยาวแล้วนั่งดูดาวด้วยกัน ดูดาวไปพลาง กลิ้งบนเตียงอุ่นๆไปพลาง ภรรยาเจ้าของใส่ใจลูกค้าเป็นอย่างดี หั่นแตงโมใส่จานเตรียมไว้ให้ก่อนแล้ว นั่งกินแตงโมที่ใช้น้ำจากเย็นๆจากบ่อราด อร่อยอย่าบอกใคร

 

 

แต่ตอนนี้พอเห็นแตงโมในใจของเสี่ยวเชี่ยนก็สับสน ถึงขนาดรู้สึกเสียดแทงใจด้วยซ้ำ

 

 

เสี่ยวเชี่ยนหยิบสมุดบันทึกที่พกติดตัวออกมา แล้ววาดรูปเรื่อยเปื่อยตรงหน้าว่าง สมองมีแต่ความว่างเปล่า

 

 

“ฉันเป็นเมียเจ้าของ หนูหลับหรือยังจ๊ะ?”

 

 

“ยังค่ะ เข้ามาได้ค่ะ” เสี่ยวเชี่ยนปิดสมุด

 

 

หญิงสูงวัยเดินเข้ามาพร้อมจานแตงกวากับมะเขือเทศ

 

 

“ไม่ได้รบกวนเวลาพักผ่อนใช่ไหมจ๊ะ?” หญิงสูงวัยมีนิสัยซื่อๆแบบสาวชาวเขา พูดจาค่อนข้างเสียงดัง

 

 

“เปล่าค่ะ เชิญนั่งค่ะ”

 

 

ภรรยาเจ้าของไม่เกรงใจ นั่งขัดสมาธิบนเตียงอุ่น

 

 

“แม่หนู ทะเลาะกับคนนอกหรือเปล่าจ๊ะ?”

 

 

คนที่นี่เรียกสามีว่าคนนอก แต่ไม่ได้เรียกภรรยาว่าคนใน เรียกแค่ว่าเป็นคนบ้านไหนๆ คนที่อยู่บนภูเขาไม่ได้คิดอะไรซับซ้อน คิดแบบไหนก็ถามแบบนั้น ถึงจะดูไม่เคารพความเป็นส่วนตัวของคนอื่น แต่ก็ไม่ได้มีเจตนาร้าย ดูเป็นห่วงมากกว่าด้วยซ้ำ

 

 

“ค่ะ เขาโกหกหนู”

 

 

“เห้อ คนหนุ่มสาวมันก็มีกระทบกระทั่งกันบ้าง ทะเลาะกันเป็นเรื่องปกติ แต่สามีภรรยาทะเลาะกันบนเตียงเดี๋ยวก็นอนกอดกันละ กินข้าวหม้อเดียวกันจะโกรธแค้นกันสักแค่ไหนเชียว ดูอย่างฉันกับตาแก่สิ อยู่กันมาครึ่งค่อนชีวิต วันๆเอาแต่โมโหใส่ฉัน แต่ฉันก็ทนมาได้เห็นไหมล่ะ?”

 

 

อันที่จริงเสี่ยวเชี่ยนไม่ค่อยชอบคุยกับคนแปลกหน้าเท่าไร แต่ป้าคนนี้ทำให้เธอนึกถึงแม่ตัวเอง ดูเหมือนผู้หญิงวัยนี้เวลาได้พูดทีก็จะห้ามปากไม่ค่อยอยู่ ไม่สนว่าคนอื่นจะฟังหรือไม่ ปากคล้ายกับก๊อกน้ำที่ปิดไม่สนิท พูดออกมาไม่ได้หยุด

 

 

ป้าคนนี้ไม่ได้คิดว่าตัวเองเป็นคนอื่นเลยแม้แต่น้อย นั่งบ่นให้เสี่ยวเชี่ยนฟังอยู่นานสองนาน ตอนแรกยังปลอบเสี่ยวเชี่ยนว่าอย่าทะเลาะกับอวี๋หมิงหลาง แต่โรคบ้างานของเสี่ยวเชี่ยนกำเริบขึ้นพอดี เธอพูดจาชี้นำเข้าหน่อย ป้าเจ้าของก็พล่ามเรื่องตัวเองให้เสี่ยวเชี่ยนฟัง

 

 

เริ่มจากเล่าเรื่องสมัยสาวๆตอนที่รู้จักกับสามี ที่แท้เจ้าของที่พักนี้เป็นโรคประสาท ตอนอาการกำเริบเคยทำคนตายมาแล้ว พอถึงวัยที่ต้องมีครอบครัวไม่มีสาวคนไหนกล้าแต่งด้วย ป้าคนนี้เองชีวิตก็ลำบากเหมือนกัน เป็นโรคหอบหืด ไม่มีใครกล้ามาขอ ต่อมาแม่สื่อได้แนะนำทั้งสองคนให้รู้จักกันและได้แต่งงานกัน อยู่กันมาจนถึงตอนนี้

 

 

เสี่ยวเชี่ยนพอจะเข้าใจเรื่องราวของครอบครัวนี้แล้ว นี่เป็นครอบครัวที่โชคชะตาได้ทรมานพวกเขา ลูกชายคนโตป่วยตายเมื่อไม่กี่ปีก่อน ลูกชายคนเล็กชื่อจือหมิงเด็กคนที่เลี้ยงงูคนนั้น หลังสอบไม่ติดมหาวิทยาลัยนิสัยก็เปลี่ยนไปกลายเป็นคนพิลึก วันๆไม่พูดกับใคร คนที่สามเป็นลูกสาวไปเรียนหนังสือไม่ได้อยู่บนเขา

 

 

สองสามีภรรยาไม่เคยยอมแพ้ พยายามดิ้นรนหาเงินหวังจะมีอนาคตที่ดีกว่า แต่ป้าคนนี้สุขภาพไม่ค่อยดี ไปหาหมอแต่ละทีก็ต้องใช้เงิน อีกทั้งกิจการเปิดบ้านพักให้นักท่องเที่ยวนี้ก็แย่มาก ทั้งครอบครัวช่วยกันก็ยังได้แค่พอประทังชีวิต

 

 

แต่ความขมขื่นของชีวิตไม่ได้บั่นทอนความสุขในการใช้ชีวิตของพวกเขา

 

 

“จริงสิแม่หนู ฉันมีพวกผักดองให้เอากลับไปกินด้วยนะ แบ่งไปฝากศาสหลิวหน่อย เขาชอบผักที่ฉันดองมากเลยล่ะ” ป้าเจ้าของพูดมาตั้งนานในที่สุดก็นึกเรื่องสำคัญออก

 

 

“สะ…ศาสหลิว?” ทำไมคำเรียกมันชวนสะดุ้งชอบกล?

 

 

“ตอนที่พวกเราเพิ่งเปิดกิจการรัฐบาลให้การสนับสนุน ช่วยหาลูกค้าให้พวกเรากลุ่มหนึ่ง มหาวิทยาลัยของพวกหนูน่ะให้พวกอาจารย์มากัน ศาสหลิวเคยคุยกับฉัน เขาเป็นคนดีมากเลยนะ ก่อนไปซื้อผักดองของฉันไปตั้งเยอะ บอกว่าตัวเองชอบกิน ครั้งนี้เขาให้คนส่งจดหมายมาบอกว่าพวกหนูจะมาฉันก็เลยเตรียมของไว้ให้ ฉันใช้ผักป่าบนภูเขาทำทั้งหมดเลยนะ”

 

 

“อ้อค่ะ” เสี่ยวเชี่ยนพูดในใจ อาจารย์ของเธอที่แสนเรื่องมากนั่นปกติไม่กินผักดอง ที่ซื้อคงเพราะเห็นชาวบ้านลำบาก ไม่แน่ซื้อกลับไปแล้วก็เอาไปแจกคน

 

 

ไม่รู้ว่าอาจารย์จะไม่พอใจหรือเปล่าถ้ารู้ว่าป้าคนนี้ไม่ได้เรียกว่าศาสตราจารย์หลิว แต่เป็นศาสหลิว

 

 

ป้าเจ้าของถูมือ เห็นเสี่ยวเชี่ยนไม่พูดต่อ จึงพูดอย่างอายๆ

 

 

“เรื่องเงินค่าผักดอง ไม่ต้องให้ฉันหรอก…”

 

 

“ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวหนูจ่ายให้ ลงบัญชีไว้ได้เลยนะคะ”

 

 

เสี่ยวเชี่ยนพูดจบ ดวงตาของป้าก็เปล่งประกาย รู้สึกเหมือนโลกช่างสว่างสดใส ฉีกยิ้มกว้าง

 

 

“ไม่ๆๆ ไม่ต้องเกรงใจ ไม่ต้องจริงๆจ้ะ—ทั้งหมดสามไหก็ยี่สิบหยวนจ้ะ”

 

 

“ได้ค่ะ ทำเพิ่มอีกหน่อยให้แม่หนูนะคะ หนูให้ห้าสิบ”

 

 

ป้าเจ้าของพอใจเป็นอย่างมาก ยิ้มกว้างอย่างกับได้ครองโลกทั้งใบ

 

 

ก่อนไปยังได้พูดจาสอนเสี่ยวเชี่ยนอยู่นาน ให้เสี่ยวเชี่ยนรีบคืนดีกับอวี๋หมิงหลาง

 

 

พอส่งป้าเจ้าของออกไปแล้วเสี่ยวเชี่ยนก็กลับมานั่งนิ่งๆบนเตียง

 

 

ในที่สุดเธอก็เข้าใจแล้วว่าทำไมตัวเองถึงถูกอวี๋หมิงหลางพามาที่นี่

 

 

แค่ใบ้ให้เธอเล็กน้อยเธอก็ปะติดปะต่อเรื่องราวทั้งหมดได้

 

 

ถึงพฤติกรรมในวันนี้แต่ละอย่างของเขาจะดูปัญญาอ่อน แต่เสี่ยวเชี่ยนเข้าใจแล้วว่า ทุกอย่างที่เขาทำเป็นการรักษาโรคหวาดกลัวการแต่งงานโดยสร้างสถานการณ์จริง

 

 

จุดหมายปลายทางเลือกเป็นบ้านพักเก่าๆแต่สามีภรรยารักกันดี ทั้งหมดที่เขาทำเป็นการบอกเป็นนัยๆ ต้องการให้เธอเห็นว่าเขาเป็นผู้ชายที่พึ่งพาได้ผ่านความยากลำบากที่ได้เผชิญมา อีกทั้งยังอยากให้เธอเห็นถึงการใช้ชีวิตของสามีภรรยาจากการได้มาพักที่นี่ เพื่อเพิ่มความมั่นใจในการแต่งงาน

 

 

ศาสตราจารย์หลิวคิดว่าการที่เสี่ยวเชี่ยนเป็นโรคหวาดกลัวการแต่งงานนั้นเกี่ยวข้องกับชีวิตคู่ของพ่อแม่ที่ไม่ราบรื่น และหลังจากที่เสี่ยวเชี่ยนทำงานได้คลุกคลีกับผู้ป่วยที่มีเรื่องกลุ้มในครอบครัวสารพัด ปัญหาเหล่านั้นได้ถูกกักเก็บในจิตใต้สำนึกของเธอ พลอยทำให้คิดไปว่าชีวิตคู่ของทุกคนนั้นไม่ประสบความสำเร็จกันหมด

 

 

ดังนั้นการพาเธอมาที่นี่ก็เพื่อให้เห็นชีวิตของคนทั่วไป

 

 

ก็เหมือนกับคู่สามีภรรยาเจ้าของที่นี่ ถึงชีวิตจะมีเรื่องให้กลุ้มอยู่ตลอด แต่พวกเขาก็ประคับประคองชีวิตกันมาได้จนถึงตอนนี้และจะเป็นแบบนี้ตลอดไป

 

 

ชีวิตคู่ของคนส่วนใหญ่ก็เป็นแบบนี้ ไม่ได้ถึงกับหวานกันทุกวันหรือใช้ชีวิตสุขสบายไม่จบไม่สิ้น แต่กลับเคียงข้างทั้งยามสุขและทุกข์

 

 

การรักษาโรคหวาดกลัวการแต่งงานอันที่จริงไม่ได้มีอะไรซับซ้อน บางคนขอแค่ได้มาเห็นการใช้ชีวิตของคู่สามีภรรยาปกติ แค่ครั้งเดียวก็รักษาหายได้

 

 

ศาสตราจารย์หลิวเองก็วิเคราะห์ไว้แบบนั้น นึกย้อนไปตั้งแต่เสี่ยวเชี่ยนเติบโตมา การที่ชีวิตคู่ของพ่อแม่ล้มเหลวมีความเป็นไปได้ที่จะทำให้เธอเป็นโรคหวาดกลัวการแต่งงาน

 

 

อันที่จริงวิธีนี้จะใช้ได้ผลอย่างแน่นอนกับเสี่ยวเชี่ยนเมื่อชาติที่แล้ว

 

 

แต่เสี่ยวเชี่ยนในชาตินี้ ใช้วิธีนี้ไม่ได้ผล

 

 

ปัญหากวนใจเธอในตอนนี้ไม่ใช่แค่เรื่องโรคหวาดกลัวการแต่งงานแล้ว ถ้าไม่มีเรื่องนี้ เธอก็แค่อยากจะจัดการกับเขาขั้นโหดร้ายเพื่อเป็นการระบายอารมณ์ จากนั้นก็ให้อภัยเขา

 

 

แต่พอเธอรู้ว่าทั้งหมดนี้เป็นการรักษาที่อาจารย์วางแผนให้ ตอนเธอรู้ว่าการรักษาของอาจารย์ไม่ได้ผล หลังจากที่เธอได้รู้ว่าทั้งหมดที่ตาบ้าทำล้วนทำเพื่อเธอ ในใจของเสี่ยวเชี่ยนก็เหมือนถูกบิดเป็นเกลียว ทำไงดี?