เสี่ยวเชี่ยนรู้ว่าคนเราไม่มีใครเพียบพร้อม บนโลกนี้ไม่มีทางมีคนที่เพอร์เฟค
ก็เหมือนกับป้าคนเมื่อกี้ ถึงจะมีนิสัยคิดเล็กคิดน้อย แต่ก็เป็นคนซื่อ พยายามหาวิธีขายผักกาดดองให้เธอ อีกทั้งยังเป็นห่วงเตือนเธอด้วยความหวังดีให้คืนดีกับอวี๋หมิงหลาง
นี่สามารถเป็นตัวแทนนิสัยของคนส่วนหนึ่ง ถึงแม้ป้าคนนี้จะเห็นแก่ผลประโยชน์นิดๆหน่อยๆ แต่ในขณะเดียวกันก็จิตใจดี เสี่ยวเชี่ยนรู้ถึงจุดประสงค์ของอาจารย์ที่ให้อวี๋หมิงหลางพาเธอมาที่นี่
ก็คือเพื่อให้เธอมาเห็นชีวิตของครอบครัวนี้ อุปสรรคที่คนเกือบทุกคนแทบจะนึกออกหมดครอบครัวนี้ล้วนเคยเผชิญ แต่พวกเขาก็ยังใช้ชีวิตอยู่ได้
วิธีกำจัดความกลัวก็คือ ทำให้เห็นว่าเรื่องที่น่ากลัวนั้นแท้จริงไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด
แต่ครั้งนี้อาจารย์พลาดแล้ว
ถึงแม้ศาสตราจารย์หลิวจะเก่งในด้านนี้ก็ไม่มีทางรู้เรื่องความทรงจำทั้งสองชาติของเสี่ยวเชี่ยน ความหวาดกลัวที่เธอมีต่อการแต่งงานไม่ใช่เป็นเพราะการไม่รู้อนาคตหรือการตั้งความหวังสูงเกินไป
เธอทนได้กับนิสัยทำตัวติงต๊องบ่อยๆของอวี๋เสี่ยวเฉียง แต่สิ่งเดียวที่ทำให้คนระดับเสี่ยวเชี่ยนหวาดกลัวก็คือนางฟ้าตัวน้อยๆที่จะกลับมาเกิด
สิ่งที่เธอทั้งรอคอยทั้งหวาดกลัว
เสี่ยวเชี่ยนลุกขึ้นจะออกไปหาที่ล้างมือ พอเปิดประตูก็เห็นอวี๋หมิงหลางถืออ่างน้ำพร้อมผ้าขนหนูพาดอยู่ที่ไหล่กำลังจ้องเธออยู่ด้วยสายตาเหมือนหมาฮัสกี้
จู่โจม ห้ามทิ้งเธอไว้
เสี่ยวเชี่ยนจ้องตาเขาแล้วเงียบไปสักพัก
ตานี่รู้ได้ไงว่าโรคย้ำคิดย้ำทำของเธอจะกำเริบ?
“ผมบอกแล้วว่าถ้าคุณอารมณ์ไม่ดีก็ให้มาลงกับผม อย่าเก็บเอาไว้ ดูสิอาการกำเริบอีกแล้วใช่ไหม? โชคดีที่ผมมีการเตรียมพร้อม น้ำนี่ผมผสมน้ำร้อนลงไปหน่อย ไม่เย็นเท่าไร มาล้างเถอะ”
เสี่ยวเชี่ยนยื่นมือออกไป แต่มือไม่ได้จุ่มลงไปในอ่าง กลับยกอ่างนั้นครอบหัวอวี๋หมิงหลาง
ซู่~
ลูกหมาตกน้ำ
น้ำทั้งกะละมังเปียกรดอวี๋หมิงหลาง
“โง่หรือไง ทำไมไม่หลบ?”
“หลบสิโง่ เดิมผมก็ทำผิดให้คุณต้องโมโหแล้ว ตอนผมทำให้คุณโกรธน่ะผมโง่ ถ้าตอนคุณระบายอารมณ์อยู่ๆผมก็ฉลาด ไม่ยิ่งทำให้คุณโกรธเหรอ?”
เขาพูดจาฉะฉาน
แอบกดไลค์ให้ตัวเองในใจหมื่นครั้ง ทำได้สวย
ในเมื่อแผนรักษาที่ได้จากจิตแพทย์ใช้ไม่ได้ผล งั้นก็ต้องหาทางเอาเอง จะรักษาหรือไม่รักษาไม่เท่าไรแล้ว ไม่ทำให้เธอโกรธไปมากกว่าเดิมหรอกถึงจะชนะ
ตามคาด เสี่ยวเชี่ยนทั้งโกรธทั้งขำกับเหตุผลของเขา เธอโบกมือใส่เขา
“ยังจะยืนเซ่ออีก เข้ามาเปลี่ยนชุดสิ”
“ผมเช็ดพื้นก่อนดีกว่า”
เสี่ยวเชี่ยนดึงตัวเขาแล้วถีบเข้าไปในห้อง ส่วนตัวเองไปหาไม้ถูพื้นที่ป้าเจ้าของ
อวี๋หมิงหลางลูบก้นที่ถูกถีบ แล้วยิ้มอย่างมีความสุข
ในที่สุดก็ทำเรื่องที่ถูกแล้ว เสียวเหม่ยยอมถีบเขาก็แสดงว่าเรื่องนี้ยังมีทางให้ไปต่อ โชคดีที่เธอไม่ได้เมินเฉยเขา ถูกเตะยังก็ดีกว่าทำสงครามเย็น
เขารีบถอดเสื้อผ้าออก เปียกไปทั้งตัว แม้แต่ขนตรงเสี่ยวเฉียงน้อยก็เปียก เสียวเหม่ยโหดร้ายเหลือเกิน
ในขณะที่เขากำลังจะใช้เสื้อเช็ด เสี่ยวเชี่ยนก็หยิบผ้าขนหนูผืนใหม่มาให้
“เอานี่เช็ดให้ตายเหอะ เช็ดเสร็จก็เอาผ้าเปียกไปซัก ไม่มีใครทำให้หรอกนะ”
“ครับผม”
อวี๋หมิงหลางยิ้มแฉ่งให้เธอ เสี่ยวเชี่ยนถลึงตาใส่แล้วหันตัวเดินออกไป
เขารีบจัดการตัวเองอย่างไวที่สุดแล้วออกไปช่วยเธอเช็ดพื้น อีกทั้งยังเอาเสื้อผ้าไปซัก ซักเสร็จก็บิดหมาดเดินกลับไปที่ห้อง แต่เสียวเหม่ยปิดประตูแล้ว เขาลองผลักดู ประตูแค่ปิดไว้เฉยๆ ไม่ได้ล็อค
เสี่ยวเชี่ยนนักขัดสมาธิเล่นโยคะ เธอหลับตาทำเหมือนไม่เห็นเขา อวี๋หมิงหลางเอาเสื้อแผ่ตากไว้ที่หัวเตียงแล้วพูดอย่างระมัดระวัง
“เสียวเหม่ยจ๋า ผมเอาเสื้อตากไว้ที่หัวเตียงนะ ตากข้างนอกคืนนี้คงไม่แห้ง ผมไม่ได้ตั้งใจจะมารบกวนคุณจริงๆนะ…”
พอเห็นเสี่ยวเชี่ยนไม่สนใจ เขาจึงกล้านั่งลงแล้วมองเธอเล่นโยคะเงียบๆ
เสี่ยวเชี่ยนรู้ว่าตัวเองไม่ได้โมโหเรื่องที่เขาอยากช่วยรักษาเธอเท่าไรแล้ว แต่ก็ไม่อยากให้อภัยคนปัญญาอ่อนนี่ง่ายๆ ครั้นแล้วจึงลืมตาเล็กน้อย อยากจะลองดูว่าตานี่ยังจะมีลูกไม้อะไรอีก
ตอนแรกอวี๋หมิงหลางก็ยังทำตัวดีนั่งเฉยๆ ต่อมาเขาก็ถอดรองเท้าแล้วเข้าไปนั่งข้างเธอ นั่งขัดสมาธิเลียนแบบเธอ เอานิ้วชี้กับนิ้วโป้งมาติดกันแล้ววางไว้บนเข่า
ด้วยความที่เขาตัวสูง พอมาทำท่าโยคะก็ดูตลก เสี่ยวเชี่ยนเห็นเขาทำท่าเลียนแบบก็แอบยกนิ้วกลางให้ในใจพร้อมทั้งเปลี่ยนเป็นท่าที่ต้องใช้ความอ่อนตัวสูง อวี๋หมิงหลางตัวแข็งจะให้เขางอตัวก็ทำไม่ได้ โดยเฉพาะในตอนท้ายที่เธอทำท่าสะพานโค้ง ตัวงอเป็นครึ่งวงกลม ตีให้ตายอวี๋หมิงหลางก็ทำไม่ได้
เสี่ยวเชี่ยนทำเสร็จก็มองเขาด้วยสายตาเหยียดหยาม เอาสิ ลองทำดูสิ
ท่ายากแบบนี้นี่แหละ
อวี๋หมิงหลางยอม
เขากวาดตามองไปรอบๆแล้วก็เห็นผ้าขนหนูที่เมื่อครู่ใช้เช็ดตัว เขาเอาผ้าขนหนูมาผูกไว้ที่หัวแล้วทำท่าเหมือนกำลังกู้ระเบิด ในที่สุดเสี่ยวเชี่ยนก็ขำออกมา
เห็นเธอหัวเราะได้อวี๋หมิงหลางก็วางใจ ในที่สุดก็ระงับโรคย้ำคิดย้ำทำของเธอได้ วิธีที่เขาคิดออกมาได้ก็คือ ถ้าเธอเสียใจก็คิดหาวิธีเบี่ยงเบนความสนใจของเธอ อย่าให้เธอจดจ่ออยู่กับสิ่งที่ทำให้เสียใจ
“ไม่อายหรือไง? เป็นถึงหัวหน้าทหารยังชอบทำตัวติงต๊อง” เธอเอื้อมมือไปแกะผ้าขนหนูออกจากหัวเขา แล้วแกล้งตี
“ยอมรับผิดกับเมียไม่ใช่เรื่องน่าอาย ผมติงต๊องในบ้านไม่ติงต๊องนอกบ้านแค่นั้นก็พอแล้ว ลูกเชี่ยนคุณยังโกรธอยู่ไหม?”
“ทำไมจะไม่โกรธล่ะ? วันนี้นายหลอกฉัน ไหนจะยังทำให้ฉันกลัวอีก รู้ไหมว่าเรื่องงูนั่นทำฉันตกใจแค่ไหน—เสี่ยวเฉียง ทำไมนายถึงทำแบบนั้น?” เธอลองถาม
“ก็ผมอับจนหนทาง คิดแต่อยากจะขอคุณแต่งงาน เลยทำผิดในเรื่องที่ไม่น่าให้อภัย ผมทำผิดต่อประเทศชาติที่เลี้ยงดูผม ผมทำผิดต่อจิตวิญญาณของทหาร ผมไม่ใช่คน ผมทำเรื่องที่ทำให้เมียผมเสียใจ สรุปก็คือทุกอย่างเป็นความผิดของผม เสียวเหม่ยคุณจะลงโทษผมยังไงก็ได้ ร่างกายทุกส่วนของผมยกเว้นเสี่ยวเฉียงน้อยกับด้านหลังเสี่ยวเฉียงน้อย คุณอยากจะทำรุนแรงยังไงก็ได้ ถ้ายังไม่หายโกรธเอาอิฐมาทุบหัวผมก็ได้”
อะไรก็ได้ที่จะทำให้เสี่ยวเชี่ยนหายโกรธในตอนนี้ เขาพร้อมยอมทำทุกอย่าง
เขาเอาแต่พูดว่าตัวเองผิด เป็นความเห็นแก่ตัวที่คิดแต่เรื่องแต่งงานจนไม่สนว่าจะใช้วิธีไหน แต่เขาไม่ได้พูดถึงเรื่องโรคหวาดกลัวการแต่งงาน
“งั้นถ้าฉันไม่ยอมแต่งกับนายเพราะเรื่องนี้นายจะทำไง?”
“ผมจะรอ ผมจะรับผิดชอบความผิดของตัวเอง ปีนึงคุณไม่แต่งผมก็จะรอ สิบปีไม่แต่งผมก็จะรอ ร้อยปีไม่แต่งรอพวกเราตายก็ฝังไว้ด้วยกัน ป้ายหน้าหลุมเขียนว่าคุณเป็นเมียผมแค่นั้นก็พอ”
เสี่ยวเชี่ยนขอบตาแดงๆ
ทั้งโมโหทั้งซึ้งใจ เธอยกมือจะตีเขาแต่เห็นเขาไม่หลบก็ทำไม่ลง จึงเปลี่ยนเป็นหยิกหน้าอกเขาเบาๆแบบมดกัด “นายโง่หรือเปล่าเนี่ย?”
เคยเห็นคนที่มีความรับผิดชอบแต่ไม่เคยเห็นคนที่เป็นถึงขั้นนี้ เขาทำเรื่องที่ทั้งโง่ทั้งอบอุ่นเพื่อไม่ให้เธอต้องรู้สึกหนักใจ ทำให้เธอรู้สึกจะร้องไห้ก็เสียดายน้ำตา จะตีก็สงสาร ไอ้คนบ้าทำให้เธอลำบากใจ