บทที่ 176 สงครามแห่งอิสรภาพ

ไหปีศาจ

บทที่ 176
สงครามแห่งอิสรภาพ

คฤหาสน์ ตระกูลวู่

ผู้นั่งอยู่บนบัลลังก์ของห้องโถงนั่นคือวู่เฉิงอี้ หัวหน้าของตระกูลวู่ เขาเป็นทั้งหัวหน้าและผู้อาวุโสที่ถูกต้องตามกฎของตระกูลวู่

“ทำไมวู่หยู่ถึงฆ่าตัวตายล่ะ?” วู่เฉิงอี้ขมวดคิ้ว
หัวหน้าลำดับที่สามพูดจาดูหมิ่นออกมาจากปากเขา “ถึงเจ้านั่นจะตายไป ก็ไม่เห็นมีประโยชน์อะไรสักหน่อย”
“แต่ตระกูลลั่วส่งเจ้านั่นกลับมาที่นี่เลยนะ” วู่เฉิงอี้กล่าว

“ไม่ต้องกังวลไปขอรับท่าน” ผู้อาวุโสคนหนึ่งกล่าวออกมา “วู่หยู่นั้นถูกส่งกลับมายังตระกูลวู่หลังจากที่เขาได้รับการยืนยันจากตระกูลลั่วแล้วว่า เขาไม่มีค่ามากพอที่จะใช้งาน เขาตายไปน่ะดีแล้วจะได้ไม่สามารถก่อเรื่องได้อีก และดูเหมือนว่าเขาจะทำให้ตระกูลลั่วนั้นขุ่นเคืองอีกแล้ว มันจะดีกว่าถ้าเขาตายไป”

วู่เฉิงอี้พยักหน้า
นั่นคือความเป็นจริง

วู่เฉิงอี้มองไปยังผู้คนรอบข้างเขา “ข้าได้ยินมาว่าวู่บูยงหลานชายของวู่หยู่ ได้รับหินวิญญาณจำนวนหนึ่งล้านก้อนมาจากเขา ด้วยเหตุนี้ในฐานะผู้ถือทุน เขาจึงได้กลายเป็นผู้บริหารสำนักงานใหญ่ของศาลาไป่หยู่และมีความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้บริหารทุกคน”

เกิดความโกลาหลขึ้นภายในห้องโถง
หินวิญญาณนับล้าน
น่าอิจฉาชะมัด

หลายคนต่างรู้สึกเสียใจถ้าพวกเขาทำตัวดีกับวู่หยู่ พวกเขาจะได้รับอะไรตอบแทนบ้างไหม? ไม่ได้ต้องการอะไรมากมายเลย แค่เพียงหินวิญญาณสักหมื่นก็เป็นทรัพย์สมบัติที่มากมายแล้ว
ตระกูลวู่ไม่ใช่ตระกูลใหญ่ เป็นเพียงแค่ตระกูลระดับกลาง
“ห้องที่วู่หยู่อาศัยอยู่น่าอัปมงคลยิ่งนัก ข้าจะนำมันออกไป” วู่เฉิงอี้กล่าวเบา ๆ
ทุคคนคิดว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร
มันเป็นห้องที่ไม่ดีเอาเสียเลย
แต่มีบางอย่างผิดปกติ
วู่หยู่นั้นเก็บเงินเอาไว้จนร่ำรวยอย่างมาก และอาจไม่ได้มอบทั้งหมดให้กับวู่บูยง
“ไม่น่าจะใช่”
“ไม่แน่ใจชะมัด”
“ข้าไม่กลัวความโชคร้ายหรอก ยังไงซะมันก็เป็นคนของตระกูลวู่ ข้าจะจัดการเรื่องของวู่หยู่เอง!”
ทันใดนั้น เกิดการทะเลาะวิวาทกันภายในห้องโถงของตระกูลหวู่

ใบหน้าของทุกคนแดงก่ำและแสดงภาพลักษณ์อันน่าเกลียดของตนเองออกมา วู่หยู่ที่ไม่ได้เป็นที่ชื่นชอบของทุกคน กลับทำให้ภายในตระกูลเดือดปะทุหลังจากการตายของเขา

ขณะนั้น ได้มีจดหมายลับส่งเข้ามา
วู่เฉิงอี้ผู้นำตระกูลลืมตาขึ้นและกล่าวว่า “นายน้อยของตระกูลลั่ว ที่วู่หยู่นั่นเคยติดตามด้วย ได้รู้เรื่อง ของวู่หยู่แล้ว และกำลังตรงมายังตระกูลวู่งั้นหรือ?”

ผู้คนหัวเราะ
อย่างที่พวกเขารู้กันดีว่า ลั่วอู๋กำลังตกที่นั่งลำบากมานานแล้ว
เขายังจะหาเวลามาสร้างปัญหาได้อีก
“ตอนนี้ลั่วอู๋น่าจะถูกจับไปแล้ว เขาคงถูกบีบบังคับให้เชื่อฟังตระกูลลั่วส่งมอบวิชาลับให้ แล้วก็คงโดนขับไล่ออกไปอีกรอบล่ะมั้ง” มีบางคนหัวเราะเยาะ

วู่เฉิงอี้เห็นครึ่งหลังของจดหมายลับ สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปทันที “สำนักโล่ศักดิ์สิทธิ์ได้ซุ่มโจมตี ผู้ใช้พลังวิญญาณระดับสูงทั้ง 15 คนของตระกูลลั่ว และพวกเขาถูกฆ่าทิ้งไปแล้วทั้งหมด”

ชายที่หัวเราะเยาะคนนั้น เหมือนกับกำลังถูกบีบที่คอ จนไม่ได้ส่งเสียงอะไรออกมาอีกเลย
ผู้คนต่างตกใจ
เป็นไปได้อย่างไร? ผู้ใช้พลังวิญญาณระดับสูงตั้ง15 คนถูกฆ่าจนหมดเนี่ยนะ?
ลั่วอู๋มีพลังมากขนาดนั้นเลยเหรอ?
ภายในห้องโถงมีแต่ความเงียบสงัด

บางคนยิ้มเจื่อน ๆ ออกมา “ไม่ต้องกังวลมากไป อย่าลืมว่าอะไรสำคัญกว่าการตายของวู่หยู่กัน? และเนื่องจากมีข่าวส่งจากตระกูลลั่ว แสดงว่าต้องมีมาตรการตอบโต้แล้ว บางทีลั่วอู๋อาจถูกจับกุมเอาไว้แล้วก็ได้”

ผู้คนรู้สึกโล่งใจ
แต่ก็มีอยู่ประเด็นหนึ่ง

ขณะนั้น ได้มีเสียงตะโกนดังอยู่ด้านนอกคฤหาสน์ตระกูลวู่ เหมือนกับการปะทุของภูเขาไฟ เสียงเหล่านั้นเต็มไปด้วยความก้าวร้าว

“ตายซะเถอะไอ้เจ้าพวกตระกูลวู่ !”
สีหน้าของทุกคนเปลี่ยนไป
ไม่จริงน่า
……
……
ด้านนอกคฤหาสน์หวู่
มีสุนัขขนสีเงินตัวใหญ่ยืนอยู่ และร่างกายที่ใหญ่โตของมันส่งแรงกดดันออกมา มีชายหนุ่มนั่งอยู่บนหลังของสุนัขยักษ์ตัวนั้น
ดวงตาของชายหนุ่มเต็มไปด้วยความเย็นชา และเขาถือโล่คริสตัลขนาดใหญ่ไว้ในมือ มีแสงสีเขียวและสีเหลืองส่องประกายอยู่บนโล่ บนหลังเขามีธนูเจียวหลง ที่เต็มไปด้วยพลังงานลึกลับ
ด้านหลังเขานั้น มีผีเสื้อขนาดใหญ่ที่ส่องสว่างราวกับเปลวไฟ และอีกด้านหนึ่งที่มีสีดำสนิท มีลายเส้นอันน่าพิศวงวนเวียนอยู๋บนปีกของมัน

ประตูของคฤหาสน์วู่ได้เปิดออก
คนกลุ่มหนึ่งรีบวิ่งออกไปด้านนอก
วู่เฉิงอี้ผู้นำตระกูล รีบวิ่งออกไปในถานะผู้นำตระกูลวู่
“เห ในที่สุดเจ้าก็ออกมา?” ลั่วอู๋มองผู้ออกมาอย่างเย็นชา
ทุกคนในตระกูลหวู่มองไปรอบ ๆ อย่างหวาดกลัว แต่เมื่อพวกเขาเห็นว่าลั่วอู๋มาเพียงคนเดียว พวกเขาก็รู้สึกโล่งใจ
แค่เพียงคน ๆ เดียว

“เจ้านั่นหรือลั่วอู๋” วู่เฉิงอี้มองไปที่ลั่วอู๋อย่างเยาะเย้ย “เจ้าไม่กลัวตายรึไง กล้าดียังไงถึงบุกเข้ามาที่ตระกูลวู่ของข้า ด้วยตัวคนเดียวแบบนี้?”

ผู้ใช้พลังวิญญาณระดับเงินไม่สามารถทำอะไรผู้คนของตระกูลวู่ได้
แม้ว่าตระกูลวู่จะเป็นตระกูลระดับกลาง แต่พวกเขาก็ยังมีผู้ใช้พลังวิญญาณระดับสูงหลายคน
ลั่วอู๋ยอมรับและกล่าวออกมา “แม้พวกเจ้ามีผู้ใช้พลังวิญญาณระดับสูงเพียง 7 คน และเป็นแค่ระดับทอง มิติที่ 5 คิดว่าจะทำอะไรข้าได้งั้นเหรอ?”
“หนอย!”
“ช่างกล้ายิ่งนัก!”
มีเสียงตะโกนดังมาจากผู้คนในตระกูลวู่

ทันใดนั้น พลังวิญญาณของผู้ใช้พลังวิญญาณระดับทองทั้ง 7 คนก็ได้เพิ่มขึ้น และแสงไฟหลายดวงเริ่มกระพริบส่องสว่าง เรียกสัตว์วิญญาณของพวกเขาออกมา
“เจ้าของร้านคนเก่าตายไปแล้ว และข้าก็ได้คิดบัญชีกับฟางฉุนฮี ต่อมาก็ตาพวกเจ้าตระกูลวู่แล้ว พวกเจ้าเองก็ต้องจ่ายมาให้สาสม ”
“เข้ามาเลย!”
ลั่วอู๋ยกโล่คริสตัลขึ้นหายใจเข้าลึก ๆ และตะโกนออกมา “ต้าหวง! ใช้ลมหายใจมังกร ผีเสื้อปีกมายาเพลิงอมตะ! ใช้มิติเวทมนตร์”
ลั่วอู๋ไม่ให้เวลาอีกฝั่งได้ตอบโต้

ถ้าหากผู้ใช้พลังวิญญาณระดับ 7 คนใช้พลังร่วมกับสัตว์วิญญาณได้สำเร็จละก็ มันจะเป็นเรื่องง่ายมากที่จะต่อกรกับเขา ดังนั้นเขาจึงต้องโจมตีก่อน

เริ่มใช้งานทักษะ [ลมหายใจมังกร]
พลังงานอันล้นหลามรวมเข้ามายังปากของต้าหวง ส่องสว่างเป็นประกาย และลมหายใจนั้นดูเหมือนจะเต็มไปด้วยพลังมังกรที่ไม่มีที่สิ้นสุด
“คำราม!”
คลื่นพลังที่น่าเกรงขามได้ถูกปล่อยออกไป

ตอนนี้ต้าหวงอยู่ในระดับเงิน มิติที่ 6 แต่ทักษะนี้เป็นทักษะระดับ SS ซึ่งเป็นหนึ่งในทักษะลมหายใจที่ทรงพลังที่สุด ผู้ใช้พลังวิญญาณธรรมดายังต้องหลีกเลี่ยงจากมัน

ผู้คนตระกูลวู่ตกตะลึง
มันช่างทรงพลังมาก
เป็นไปได้อย่างไร? ข้าไม่เคยได้ยินว่าสุนัขวิญญาณตัวไหนที่สามารถเรียนรู้ลมหายใจของมังกรได้มาก่อนเลย

“หลบไป!”
มีเสียงตะโกนออกมา

ผู้คนตระกูลวู่กระจัดกระจายกันออกไป แต่ก็มีบางคนที่ไม่ได้หลบ และได้รับผลกระทบจากพลังอันทรงพลังเข้าเต็ม ๆ ด้านนอกคฤหาสน์ พวกเกือบถูกลมหายใจมังกรเผาจนกลายเป็นผุยผง

หลังจากใช้งานลมหายใจมังกร ลมหายใจของต้าหวงก็อ่อนแรงลง
สำหรับมัน มันไม่ได้เต็มใจที่จะใช้ลมหายใจมังกรสักเท่าไหร่ หลังจากใช้เพียงครั้งเดียว มันก็ไม่สามารถต่อสู้ได้อีกเลย และมันถอนตัวออกจากสถานะการต่อสู้ทันที

“พักผ่อนให้ดีนะ” ลั่วอู๋เก็บต้าหวงเข้าไปยังไหปีศาจ

ด้านหน้าเต็มไปด้วยความระเนระนาด แม้แต่ประตูคฤหาสน์วู่ก็แตกเป็นเสี่ยง ๆ และมีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวนหนึ่ง แม้ว่าผู้ใช้พลังวิญญาณทั้ง 7 คนจะไม่มีอะไรผิดปกติ แต่พวกเขากลับรู้สึกอับอายมาก

แต่แล้ว
ทักษะระดับ SS [พื้นที่เวทมนตร์] เริ่มการใช้งาน
เนื่องจากความต่างชั้นระหว่างผู้ใช้พลังวิญญาณระดับสูงและระดับต่ำนั้นมากเกินไป ทักษะพื้นที่เวทมนตร์จึงมีผลเฉพาะกับผู้ใช้พลังวิญญาณระดับต่ำ

ทันใดนั้น
ผู้คนในตระกูลวู่และผู้ใช้พลังวิญญาณระดับต่ำดูอ่อนแรงและยืนอยู่กับที่

ผีเสื้อปีกมายาได้รับการเลื่อนขั้นเป็นระดับเงิน มันสามารถควบคุมผู้ใช้พลังวิญญาณระดับสูงและสัตว์วิญญาณได้เป็นวงกว้าง ในแง่ของศักยภาพอันทรงพลัง มันสามารถทำได้
“เจ้าหนู เจ้ารนหาที่ตายเองนะ” ในที่สุด ผู้ใช้พลังวิญญาณทั้ง 7 คน ก็เข้าสู่สถานะการต่อสู้ และรวมเป็นหนึ่งเดียวกับสัตว์วิญญาณ

แต่แทนที่จะมองไปที่พวกเขา ลั่วอู๋กลับหยิบลูกศรมัดใหญ่ออกมา
เขาไม่เก่งในการยิงธนู
แต่สำหรับกลุ่มคนเที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขา มันเป็นเรื่องที่สบายมาก
เขาใช้ลูกศรรวมไปที่คันธนู ดึงสายธนูในครั้งเดียว
มีลูกศรเจ็ดดอกบนคันธนูของลั่วอู๋ เขาเล็งไปที่ทิศทางข้างหน้า
“ถ้าพวกเจ้ามีความสามารถละก็ ลองหยุดลูกศรของข้าดูสิ!” ลั่วอู๋ตะคอกอย่างเย็นชา และปล่อยสายธนูออก
ลูกศรเจ็ดดอกพุ่งออกไป
“เวรเอ๊ย เจ้าหนูจอมเจ้าเล่ห์เอ๊ย!” ผู้ใช้พลังวิญญาณระดับสูงทั้ง 7 คนเลือกที่จะหยุดลูกศรก่อน
เมื่อพวกเขาหยุดลูกศรสำเร็จ พวกเขาก็รีบกลับเข้ามา
แต่จู่ ๆ พวกเขาก็ได้พบว่า ลั่วอู๋ได้หายตัวไปเสียแล้ว
หายไปไหนกัน!