บทที่ 177 ข้าต้องการตัวเขา

ไหปีศาจ

บทที่ 177
ข้าต้องการตัวเขา

“นี่มันเกิดขึ้นได้อย่างไรกัน ?”
ลั่วฮั่นฮั๊วผู้นำตระกูลลั่วโกรธมาก

ผู้ใช้พลังวิญญาณระดับสูง 15 คนได้เดินทางออกไปจากตระกูลลั่วและได้เสียชีวิตทั้งหมดเนี่ยนะ?
ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขาทั้งหมดได้ตายลงในพื้นที่เขตหวงชา

สิ่งที่ทำให้เขาไม่พอใจมากที่สุดเกี่ยวกับเรื่องนี้ก็คือ มันไม่ใช่คำสั่งของเขาเลยด้วยซ้ำ ผู้ใช้พลังวิญญาณระดับสูง 15 คนนี้ก็ออกไปจากคฤหาสน์ตระกูลลั่วไปโดยไม่ได้รับการอนุญาตใด ๆ
เหล่าคนรับใช้หลายคนตัวสั่นอยู่ด้านล่างเขา ด้วยที่กลัวในโทสะของผู้นำตระกูลลั่ว

“พวกเจ้าบอกข้ามาทีสิว่าใครเป็นคนสั่ง” ลั่วฮั่นฮั๊วคำราม
คนรับใช้หลายคนพูดไม่ออกและถูกผู้นำตระกูลด่า
“มันไม่มีประโยชน์ที่จะใช้พลังและทรัพยากรไปมากมายขนาดนี้ เพียงเพื่อจัดการกับลูกชายที่ถูกเนรเทศออกจากตระกูลเพียงแค่คนเดียว แถมยังทำไม่สำเร็จเสียอีก”
ลั่วฮั่นฮั๊วโกรธมาก “เจ้าลูกบ้านั่นมันร้ายกาจจริงๆ มันกล้าดียังไงถึงได้เชือดสมาชิกในตระกูล จนผู้ใช้พลังวิญญาณระดับสูงทั้ง 15 คนต้องตายไปแบบนี้ ไปเรียกเหยี่ยวมาให้ข้า สั่งให้พวกเขานำตัวของมันกลับมาให้ได้ ข้าไม่สนว่าจะจับเป็นหรือจับตาย เอาตัวมันกลับมาให้ได้ก็พอ”

เหยี่ยว เป็นชื่อของทีม
ทีมเหยี่ยวเป็นกองกำลังต่อสู้มือสังหารที่ได้รับการฝึกฝนมาเป็นพิเศษโดยตระกูลลั่ว
สมาชิกเหยี่ยวทุกคนมีความแข็งแกร่งมากกว่าผู้ใช้พลังวิญญาณระดับทอง พวกเขาเชี่ยวชาญในการติดตามและไล่ล่าศัตรู
“นายท่านอย่าส่งคนไปเพิ่มอีกเลย ตอนนี้เจ้าแห่งอินทรีได้เดินทางไปที่นั่นเพื่อไปสังหารลั่วอู๋แล้ว” คนใช้คนหนึ่งกระซิบ

เจ้าแห่งอินทรี
เขาคือหัวหน้าของทีมเหยี่ยว
เขาเป็นผู้ใช้พลังวิญญาณระดับทอง
ลั่วฮั่นฮั๊วโกรธอีกครั้ง “ทำไมแม้แต่เจ้าแห่งอินทรี ถึงได้ออกไปโดยไม่ได้รับอนุญาตจากข้า ใครเป็นคนสั่งพวกเขากัน?”

เขาโกรธอีกแล้ว
สิ่งที่แปลกก็คือแม้จะถูกถาม แต่เหล่าคนรับใช้ต่างก็ไม่ต้องการที่จะพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องนี้
จู่ ๆ ก็มีลมพัดกระโชกเข้ามาพร้อมกับร่างของชายชราเสื้อคลุมขาวที่ปรากฏตัวขึ้น ณ ลานกว้าง เขาปล่อยลมปราณอย่างสง่าผ่าเผยราวกับเป็นกระแสน้ำก้นทะเล
“ท่านปู่” ลั่วฮั่นฮั๊วควบคุมอารมณ์ของเขาอย่างเร่งรีบ แล้วเดินเข้าไปเคารพลั่วไป่เหา
เหล่าคนรับใช้เองก็พากันย่อตัวลงคุกเข่าเคารพ
บรรพบุรุษผู้นี้เป็นบุคคลที่ไม่อาจจะละเลยได้

ลั่วไป่เหาพยักหน้าเล็กน้อยจากนั้นร่องรอยความหดหู่ก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา “หลานฮั๊ว เจ้าแน่ใจหรือว่าเจ้าได้เรียกตัวลูกหลานของตระกูลลั่วทุกคนที่ออกกลับมาทั้งหมดแล้วน่ะ ? เจ้าพวกนั้นมันเป็นขยะประเภทไหนกัน? ข้าไม่เห็นพวกมันจะมีดีสักคนเลย ”
ไม่มีใครรู้ว่าลั่วฮั่นฮั๊วมีอายุต่างจากบรรพบุรุษคนนี้มากี่ชั่วอายุคนแล้ว
อย่างไรก็ตามเพื่อให้สะดวกต่อท่านบรรพบุรุษ เขาก็ยอมรับอย่างไม่เต็มใจที่จะให้เรียกเขาว่าหลานฮั๊ว
ลั่วฮั่นฮั๊วกล่าวอย่างระมัดระวัง “วิสัยทัศน์ของท่านปู่ต่างหากที่สูงเกินไป มีคนที่มีความสามารถและชาญฉลาดอยู่ในบรรดาลูกหลานเหล่านี้แน่นอนขอรับ”
“ข้ากังวลจริงๆ หวังว่าผู้เฒ่าเฉินจะฉวยโอกาสนี้เอาเปรียบข้าอีกนะ” ลั่วไป่เหาพูดกับตัวเอง
ดูเหมือนการที่จะตามหาอัจฉริยะคนนั้นในตระกูลลั่วเจอ นั้นเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้จริง ๆ

อย่างไรก็ตามลั่วไป่เหาก็เปลี่ยนเรื่องคุยมาถามหลานของตน ” ว่าแต่นี่ เกิดอะไรขึ้นกับเจ้าหรือ ทำไมถึงโกรธได้ขนาดนี้”
ลั่วฮั่นฮั๊วเล่าอย่างยากลำบากเพราะต้องปกปิดรายละเอียดไปมากมาย
“เขตป่าหวงชางั้นเหรอ!” เมื่อลั่วไป่เหาได้ยินชื่อสถานที่นี้ ทันใดนั้นตาของเขาก็เปล่งประกาย “เด็กคนนี้ ที่มีชื่อว่าลั่วอู๋ยังไม่ได้กลับมาที่ตระกูลลั่วเลยนี่นา”
“เขาเลือกที่จะทรยศต่อตระกูลลั่ว” “ ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อหนึ่งปีก่อน เขายังไม่ได้เป็นผู้ใช้พลังวิญญาณเสียด้วยซ้ำ เขาไม่เคยได้ฝึกฝนพลังวิญญาณเลย แล้วเขาจะไปเข้าตาท่านบรรพบุรุษได้อย่างไรกัน? ลั่วฮั่นฮั๊วกล่าว
“อย่างงั้นเหรอ” ลั่วไป่เหาดูผิดหวัง

ดูเหมือนคนที่เฒ่าเฉินพูดถึงจะไม่ใช่เขาคนนี้
ทั้งที่อายุ 18 แล้วแต่เขาคนนี้กลับยังไม่ได้เป็นผู้ใช้พลังวิญญาณเลยด้วยซ้ำ ซ้ำร้ายเขายังถูกเนรเทศไปยังพื้นที่ห่างไกล เพื่อดูแลธุรกิจเขาไม่น่าจะเป็นผู้ปรับแต่งพลังวิญญาณที่เฒ่าเฉินกล่าวถึงไปได้หรอก

ลั่วไป่เหาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แต่เขาก็ยังไม่คิดที่จะยอมแพ้ “ข้าขอดูข้อมูลเกี่ยวกับเขาหน่อยจะได้รึเปล่า”
“ได้ขอรับท่านปู๋” ลั่วฮั่นฮั๊วรีบยื่นข้อมูลให้กับท่านบรรพบุรุษ
เมื่อมองไปที่ข้อมูลในรายงาน ลั่วไป่เหาก็พยักหน้าอย่างสนใจ “ดูเหมือนว่าเขาจะมีพรสวรรค์ในการทำธุรกิจสินะ แถมยังเคยเอาชนะผู้ใช้พลังพิเศษระดับกลางได้อีกด้วยงั้นเหรอ ?”
“ระดับของผู้ใช้พลังวิญญาณในพื้นที่ห่างไกล นี้อยู่ในระดับที่ต่ำกว่ามาตรฐานมาก” ลั่วฮั่นฮั๊วกล่าวอย่างรีบร้อน
ลั่วไป่เหา ไม่ได้ให้ความสนใจกับคำพูดของเขา แต่ยังคงอ่านข้อมูลในรายงานต่อไปและประหลาดใจมากขึ้น

“สัตว์เลี้ยงสัตว์วิญญาณ?”
“แมงป่องทรายที่มีทักษะก้าวพริบตา”
“กระต่ายแห่งแดนสาบสูญขนาดใหญ่ที่สามารถบินบนท้องฟ้าได้”
“ระดับการปรับแต่งพลังวิญญาณของเด็กชายคนนี้ไม่เลวเลย ดูเหมือนว่าเขาจะเชี่ยวชาญวิชาลับของตระกูลลั่วได้ไม่ยาก”

จากนั้นเขาก็เห็นข้อมูลที่ทำให้เขาสนใจเป็นพิเศษขึ้นมา
มีเด็กผู้หญิงคนหนึ่งสงสัยในระดับการปรับแต่งพลังวิญญาณของลั่วอู๋ ยื่นบททดสอบให้สามครั้งติดต่อกัน แต่เพราะเขาเชื่อมั่นในความเข้มแข็งของเขาตัวเขาเอง
ในที่สุดลั่วอุ๋ก็ผ่านบททดสอบทั้งสามอย่างและเด็กสาวคนนั้นก็ต้องบูชาลั่วอู๋ในฐานะอาจารย์

แรก ๆ มันก็ดูปกติดีไม่ได้แปลกเท่าไหร่
แต่เมื่อเขาได้เห็นถึงประโยคเล็ก ๆ ในข้อมูลส่วนนี้ หัวใจของลั่วไป่เหาก็สั่นไหว เด็กสาวคนนี้มีสัตว์วิญญาณหายาก – วิหคกระจกเงาอมตะ อยู่ในความครอบครอง

วิหคกระจกเงาอมตะ!
สัตว์วิญญาณตัวนี้นั้นหาได้ยากยิ่ง ที่สำคัญที่สุดลั่วไป่เหาจำได้อย่างชัดเจนว่าเฉินหมิงหยู่ในตระกูลเฉินเองก็มีวิหคกระจกเงาอมตะด้วยเช่นกัน
ผู้เฒ่าเฉินพูดอยู่หลายครั้งเกี่ยวกับโชคร้ายที่หลานสาวของเขาต้องมาพบเจอกับบุคคลดังกล่าวจากตระกูลลั่ว

“นี่มัน … ” มือของลั่วไป่เหาสั่นเล็กน้อย
ลั่วฮั่นฮั๊วมองอย่างระมัดระวังไปที่ข้อความตรงนิ้วของท่านบรรพบุรุษ “มีอะไรผิดปกติงั้นเหรอ ท่านบรรพบุรุษ เขาก็แค่เอาเด็กผู้หญิงคนหนึ่งมาเป็นศิษย์ของเขา มันไม่มีอะไรแปลกซะหน่อย”
ลั่วไป่เหาเปลี่ยนสีหน้าของเขาในทันที สีหน้าเศร้าหมองของเขาหายไปในชั่วพริบตา ตอนนี้เขานั้นตื่นเต้นมาก “เจ้ารีบนำตัวเขากลับมาหาข้า! ข้าต้องการเขา”
ใบหน้าของลั่วฮั่นฮั๊วเปลี่ยนไปและดูไม่พอใจเป็นอย่างมาก
คนรับใช้ทุกคนหน้าซีดและเหงื่อแตก

ทายาทที่บรรพบุรุษต้องการตัวคือลั่วอู๋
มันจบแล้ว
มันจบแล้ว
“มีอะไรเหรอ ? เจ้าทำอะไรไว้กับเขารึไง?” ลั่วไป่เหารู้สึกได้ถึงบรรยากาศแปลก ๆ
ลั่วฮั่นฮั๊วกล้ำกลืนที่จะต้องพูดออกมา “ท่านบรรพบุรุษ ลั่วอู๋คนนี้ได้หลบหนีไปแล้ว เจ้าแห่งอินทรีก็กำลังจะไปกำจัด”
ลั่วไป่เหาตกใจมาก “หมายความว่ายังไงกัน ?”
ทั้งที่มีลูกหลานที่เป็นถึงอัจฉริยะระดับนี้ ทำไมถึงไม่เรียกให้เขากลับมา ทำไมถึงเลือกสั่งตามล่ากำจัดเขาเสียอย่างนั้น?
“เจ้าโง่ ถ้าเขาตาย เจ้าจะต้องออกจากการเป็นหัวหน้าตระกูลลั่วซะ” ลั่วไป่เหาคำรามจากนั้นเขาก็หายตัวไปในทันที
เมื่อมองไปยังจุดที่ท่านบรรพบุรุษได้หายตัวไปหัวใจของ ลั่วฮั่นฮั๊วเย็นเฉียบ เขาคำรามออกมา “รีบติดต่อเจ้าแห่งอินทรีให้ข้าโดยเร็วที่สุด”
……
……

ด้วยความช่วยเหลือของเสี่ยวไป่และทักษะทะลวงมิติ ลั่วอู๋ก็ได้เข้าไปในคฤหาสน์ตระกูลวู่อย่างเงียบ ๆ ได้สำเร็จ
เนื่องจากการจลาจลภายนอกทำให้ผู้คนในตระกูลนั้นรู้สึกว่าตัวเองกำลังตกอยู่ในอันตราย ทุกคนในบ้านตระกูลวู่ ต่างก็เลือกที่จะหนีไปซ่อนตัว จึงไม่มีใครรู้ว่าเขาแอบเข้ามาในบ้านของตระกูลวู่
ลั่วอู๋เดินผ่านห้องโถงของตระกูลวู่ และเดินเข้าไปในห้องของเจ้าของร้านคนเก่า
ประตูถูกเปิดออก
ในที่สุดก็มีแสงริบหรี่ส่องเข้าไปในห้องอันมืดมิด
ศพของชายชรานอนอยู่บนพื้นเพียงลำพัง โดยมีคานที่หักอยู่ข้างบนและยังคงมีเชือกแขวนอยู่

มีกลิ่นศพจาง ๆ อยู่ในห้อง
ลั่วอู๋เดินไปข้างหน้าช้า ๆ และคุกเข่าลงข้างหนึ่ง
ร่างกายของเจ้าของร้านคนเก่าเย็นมาก

“ท่านเจ้าของร้านคนเก่าพวกเรากลับกันเถอะ ข้าจะพาท่านกลับบ้านเอง” เสียงของลั่วอู๋แผ่วเบาราวกับกลัวว่าจะไปรบกวนการนอนของเขา
ลั่วอู๋ใช้มือเช็ดศพอย่างระมัดระวัง พร้อมใส่ร่างของเจ้าของร้านคนเก่าลงไปในไหปีศาจ
และเขาก็ทำสำเร็จ

ใช่แล้ว
เพราะเจ้าของร้านคนเก่านั้นตายไปแล้ว ร่างของเขาจึงสามารถเข้าไปในมิติไหได้
ลั่วอู๋แปลกใจเพราะนี่เป็นครั้งแรกที่มีคนอื่นสามารถเข้าไปในมิติไหได้ จากนั้นเขาก็ตรวจสอบสภาพร่างกายของเจ้าของร้านคนเก่าอย่างละเอียด ความประหลาดใจบนใบหน้าของเขาค่อย ๆ ลดลง
มันไม่ใช่ว่าเขายังไม่ตายแต่อย่างได้ เพียงแต่พลังวิญญาณในฐานะผู้ใช้พลังวิญญาณของเขายังคงแผ่รังสีแห่งความโกรธอันอ่อนแอออกมา และไอวิญญาณเหล่านี้ในร่างกายของเขาก็ยังไม่ได้หายไป

อย่างไรก็ตามเขาได้ตายไปแล้ว
แม้จะมียารักษา ระดับ 10 ในตำนานก็ไม่อาจสามารถรักษาเขาให้ฟื้นขึ้นมาได้
“ไอ้เด็กบ้า แกแอบเข้ามาที่นี่ได้ยังไงกัน” ผู้ใช้พลังพิเศษระดับสูงทั้ง 7 คนของตระกูลวู่พบตัวลั่วอู๋อย่างรวดเร็ว
ลั่วอู๋รู้สึกได้ถึงพลังวิญญาณของตัวเองและหายใจเข้าลึก ๆ พร้อมกับมองไปที่ผู้ใช้พลังวิญญาณระดับสูงทั้ง 7 คน
“ในเมื่อข้าได้พบศพของเจ้าของร้านคนเก่าแล้ว ข้าก็ไม่มีอะไรต้องกังวล” ลั่วอู๋กล่าวเบา ๆ
“ฮ่า ฮ่า เจ้ากำลังจะตาย แบบนี้ยังจะแสร้งทำทีเป็นมีแผนในใจได้อีกเหรอ ?”
“ข้าอยากเห็นเหลือเกินว่า ผู้ใช้พลังวิญญาณระดับเงินอย่างเจ้า จะสามารถหลบหนีไปได้อย่างไรภายใต้พลังอันเหนือกว่าของพวกเรา”
“เจ้ากล้าฆ่าคนของตระกูลวู่ของข้าบัญชีนี้จะต้องจ่ายคืนด้วยเลือด”
ผู้ใช้พลังวิญญาณระดับสูงทั้ง 7 คนต่างก็กล่าวคำพูดความในใจออกมาอย่างเย่อหยิ่ง

ใช่แล้วหนี้เลือดก็ควรชำระด้วยเลือด
ลั่วอู๋หลับตาและเข้าสู่มิติไห
จากนั้นสายตาของผู้ใช้พลังวิญญาณระดับสูงทั้ง 7 ก็เต็มไปด้วยความตกตะลึง ลมปราณของพวกเขาลดลงอย่างรวดเร็วราวกับว่าพลังวิญญาณในร่างกายของพวกเขาถูกดูดซับออกไป ร่างกายของพวกเขาดูจะเหี่ยวเฉาลง

“กรรร!”
วินาทีต่อมา
เสียงคำรามของมังกรก็ดังลั่นไปทั่วคฤหาสน์