บทที่ 184 จุดจบ

คราวนี้จางซิ่วเอ๋อไปคนเดียว

ตอนที่นางนั่งอยู่บนรถ นางก็บังเอิญเจอกู๋อวี่พอดี

เนื่องจากก่อนหน้านี้จางซิ่วเอ๋อไม่ได้ออกจากบ้านมาหลายวัน จึงไม่รู้ว่าในหมู่บ้านเกิดอะไรขึ้นบ้าง

จางซิ่วเอ๋อไม่สนิทกับกู๋อวี่ พวกนางเคยสมาคมกันแค่ครั้งเดียวคือครั้งก่อนที่นางกลับมาจากตัวเมืองแล้วใช้อาหารของอิ๋งเค่อจวีโน้มน้าวใจของกู๋อวี่

แต่การโน้มน้าวใจครั้งนั้นกลับมีประโยชน์ในระยะยาว

อย่างตอนนี้ ต่อให้ห่างกันตั้งไกล กู๋อวี่ก็ส่งเสียงทัก “ซิ่วเอ๋อ! มานั่งข้างข้าเร็ว”

จางซิ่วเอ๋อยิ้ม นั่งลงข้าง ๆ กู๋อวี่โดยดี

อีกข้างหนึ่งของกู๋อวี่มีคนนั่งอยู่ ซึ่งก็คือแม่เฒ่าหลิวผู้เป็นเพียงคนเดียวในหมู่บ้านที่พอจะสู้รบปรบมือกับแม่เฒ่าจางได้

ช่วงนี้เป็นฤดูเก็บเกี่ยว ผู้คนจึงไปที่ตัวเมืองกันน้อยลง

แม่เฒ่าหลิวช้อนตามองจางซิ่วเอ๋อแต่ไม่พูดอะไร

กู๋อวี่เป็นคนชวนคุยด้วยรอยยิ้ม “ไม่เห็นเจ้าตั้งนานเลยนะ”

จางซิ่วเอ๋อคลี่ยิ้ม “หลายวันมานี้ข้าขุดแปลงผักที่สวนหลังบ้านมา ถึงแม้ปีนี้จะยังใช้เพาะปลูกได้ไม่เท่าไหร่ แต่ปีหน้าน่าจะใช้การได้แล้ว”

แม่เฒ่าหลิวได้ยินก็เงยหน้าเหลือบมองจางซิ่วเอ๋อ “คิดไม่ถึงว่าเจ้าเองก็รู้จักใช้ชีวิตเสียด้วย”

ภาพลักษณ์ของแม่เฒ่าหลิวในสายตาจางซิ่วเอ๋อไม่แย่นัก ถึงแม้ตามจริงแล้วจางซิ่วเอ๋อจะไม่ชอบนิสัยของแม่เฒ่าหลิว แต่เอาแค่เรื่องที่แม่เฒ่าหลิวสู้รบกับแม่เฒ่าจางได้สามยกใหญ่นั้นก็ทำให้จางซิ่วเอ๋อมองนางไปในทางที่ดี

ดั่งคำที่ว่าศัตรูของศัตรูก็คือมิตร

แม่เฒ่าหลิวขึ้นชื่อเรื่องปากจัด นางมองจางซิ่วเอ๋ออย่างพิจารณาพลางกล่าว “ได้ข่าวว่าเจ้าเอาตัวสวี่อวิ๋นซานของแม่หลินไปซ่อนไว้รึ?”

รอยยิ้มบนใบหน้าจางซิ่วเอ๋อแข็งค้างไป แม่เฒ่าหลิวเถรตรงเกินไปหรือเปล่า?

จางซิ่วเอ๋อไม่พอใจแต่ก็อดทนไว้ นางเอ่ยขึ้น “ท่านอย่าไปฟังที่ใครเขาพูดกันเลย ข้ามีปัญญาขนาดนั้นที่ไหนกันเจ้าคะ! ใครจะไปรู้ว่าในตระกูลสวี่เกิดอะไรขึ้นสวี่อวิ๋นซานถึงออกจากบ้านไป แล้วทำให้แม่หลินโยนขี้มาที่ข้า”

กู๋อวี่ได้ฟังแล้วจึงพูดอย่างดูแคลน “ก็ใช่น่ะสิ นางเป็นแม่ยังจัดการลูกตัวเองไม่ได้ ตอนนี้มีหน้าอะไรจะมาโยนความผิดให้ซิ่วเอ๋อ?”

ถึงแม้แม่เฒ่าหลิวจะปากจัด แต่ยังดีที่ไม่เอาแต่พูดเรื่องนี้

หลังเงียบกันไปครู่หนึ่ง แม่เฒ่าหลิวก็พูดอีกเรื่องหนึ่งขึ้นมา ซึ่งเป็นเรื่องเกี่ยวกับหวังกลากเกลื้อน

“ใช่แล้ว ตอนเจอพวกหวังกลากเกลื้อน พวกเขาถูกแขวนไว้บนต้นไม้ข้างสุสาน ที่คอมีบาดแผลเล็ก ๆ หลายแผล ว่ากันว่าโดนผีดูดเลือดไป” กู๋อวี่เอ่ยสมทบ

แม่เฒ่าหลิวสบถ “สมน้ำหน้า! ตอนนั้นที่หวังกลากเกลื้อนกลับมา มันก็ตีหมาบ้านข้าแล้วเอาเนื้อไปกิน! ครั้งนี้แหละกรรมตามสนองมันแล้ว!”

ต่อให้พลังรบแม่เฒ่าหลิวรุนแรงขนาดไหน นางก็ไม่กล้าแหยมกับพวกหวังกลากเกลื้อน

เพราะคนพวกนี้ไม่มัวทะเลาะกับแม่เฒ่าหลิวหรอก มีแต่จะลอบทำร้ายกันเท่านั้น

ต่อให้สุนัขเฝ้าบ้านของตัวเองโดนจับไปเชือดกินเนื้อ แม่เฒ่าหลิวก็ไม่กล้าโวยวาย

กู๋อวี่มองจางซิ่วเอ๋อพลางเอ่ย “ซิ่วเอ๋อ เจ้าต้องระวังตัวด้วยนะ พวกหวังกลากเกลื้อนมัน…”

พูดมาถึงตรงนี้ กู๋อวี่ก็เอ่ยแบบแฝงนัยยะเอาไว้ นางเตือนจางซิ่วเอ๋อได้ก็จริง แต่ไม่อาจพูดทุกอย่างให้ชัดแจ้ง

จางซิ่วเอ๋อเข้าใจที่กู๋อวี่จะสื่อ นั่นก็คือให้นางระวังพวกหวังกลากเกลื้อนด้วย

เนื่องจากจางซิ่วเอ๋อไม่เหมาะจะไปสืบข่าวเรื่องหวังกลากเกลื้อน วันนี้จางซิ่วเอ๋อถึงเพิ่งรู้ว่าเถี่ยเสวียนจัดการพวกหวังกลากเกลื้อนด้วยวิธีการนี้

มิน่าล่ะเถี่ยเสวียนถึงบอกว่าหลังจากนี้พวกหวังกลากเกลื้อนคงไม่กล้ามาอีกแล้ว

จางซิ่วเอ๋อรู้สึกซาบซึ้งต่อชายชุดเทาและเถี่ยเสวียนมากขึ้นไปอีก

พอมาถึงตัวเมือง กู๋อวี่ก็ไปทำธุระของตัวเอง ส่วนจางซิ่วเอ๋อหลังจากลงรถแล้ว นางได้เดินตรงไปที่อิ๋งเค่อจวี

ครั้นเพิ่งมาถึงหน้าประตูอิ๋งเค่อจวี เสี่ยวเอ้อก็เห็นนาง

เสี่ยวเอ้อตะโกนเข้าไปข้างใน “เถ้าแก่ แม่นางเถาฮวามาแล้ว!”

เถ้าแก่เฉียนกำลังคิดบัญชีที่โต๊ะคิดเงิน เวลานี้ก็ไม่สนเรื่องพวกนี้แล้ว เขาโยนลูกคิดทิ้งและรีบออกมาต้อนรับที่ข้างนอก

“คุณนายเอ๊ย ในที่สุดก็มา!” เถ้าแก่เฉียนรีบกล่าวขึ้น

มีแต่สวรรค์ที่รู้ว่าผงเครื่องเทศจะหมดอยู่แล้ว เขาไม่รู้ว่าบ้านจางซิ่วเอ๋ออยู่ที่ไหน และไม่กล้าไปถามกับคุณชายฉิน

เขากังวลเป็นบ้าเป็นหลัง ถ้าจางซิ่วเอ๋อไม่มาแล้วเขาจะทำอย่างไร?

คนที่กินอาหารใส่เครื่องเทศจนชินแล้วถ้าต้องกลับไปกินอาหารรสชาติเดิมจะยังกินลงอยู่หรือ?

ตอนนี้เถ้าแก่เฉียนรู้แล้วว่าอะไรคือการยกหินขึ้นทุ่มใส่ขาตัวเอง

ถ้าเขาไม่คิดจะเอาเรื่องนี้ไปเอาใจคุณชายฉินก็คงไม่ล่วงเกินจางซิ่วเอ๋อ

จางซิ่วเอ๋อชำเลืองมองเถ้าแก่เฉียนแล้วเดินตามเขาเข้าไปข้างใน

เถ้าแก่เฉียนพาจางซิ่วเอ๋อเข้าไปในห้องรับรองส่วนตัว ถามด้วยสีหน้าระมัดระวัง “แม่นางเถาฮวา เจ้าโกรธข้าใช่ไหม?”

จางซิ่วเอ๋อเลิกคิ้ว “ท่านหมายความว่าอย่างไรหรือ?”

เถ้าแก่เฉียนเช็ดเหงื่อและรีบบอก “แม่นางเถาฮวา เป็นความผิดของข้าทั้งหมด เจ้าอย่าเลิกขายเครื่องเทศให้โรงเตี๊ยมของข้าเลยนะ”

จางซิ่วเอ๋อเอ่ยเรียบ ๆ “ถ้าข้าคิดจะเลิกขายเครื่องเทศให้โรงเตี๊ยมท่านจริง วันนี้ข้าคงไม่มาอยู่ที่นี่หรอก”

เถ้าแก่เฉียนโล่งอกทันที

จางซิ่วเอ๋อแค่นเสียง “บอกข้ามาว่าท่านเอาเรื่องของข้าไปแลกผลประโยชน์อะไรกับคุณชายฉินมาบ้าง?”

เถ้าแก่เฉียนเป็นคนฉลาด เขารีบเอ่ยขึ้น “ไม่ได้มีผลประโยชน์อะไรหน้าฉากหรอก เขาตกรางวัลเป็นตำลึงเงินมานิดหน่อย ตำลึงเงินพวกนั้นข้ายกให้เจ้าหมดเลย”

เถ้าแก่เฉียนเอาใจคุณชายฉินก็เพราะหวังให้คุณชายฉินคอยดูแลกิจการของเขา อย่างแย่ที่สุดก็แค่ไม่ไปล่วงเกินคุณชายฉินเข้า

เกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้เถ้าแก่เฉียนไม่กล้าปิดบังคุณชายฉิน

จางซิ่วเอ๋อพยักหน้าอย่างไม่ปฏิเสธ

ตำลึงเงินพวกนั้นได้มาด้วยการเอาข้อมูลของนางไปแลก ทำไมนางจะไม่เอาล่ะ

การค้าขายระหว่างนางและเถ้าแก่เฉียนเป็นไปด้วยความยุติธรรมมาตลอด ถึงแม้นางจะขายผงเครื่องเทศแพงไปนิด แต่ก็นำผลตอบแทนมหาศาลมาให้เถ้าแก่เฉียนด้วยเช่นกัน!

ไม่อย่างนั้นเถ้าแก่เฉียนคงไม่เอาใจนาง ตามตื้อขอซื้อเครื่องเทศกับนางมากขนาดนี้

แต่ครั้งนี้จางซิ่วเอ๋อยังโกรธเคืองอยู่ จึงตั้งใจจะเอาเปรียบ

จะว่าไปแล้วในเรื่องที่เถ้าแก่เฉียนเอานางไปขาย การจ่ายค่าทำขวัญให้นางสักหน่อยก็เป็นเรื่องที่สมควรแล้ว

มีเพียงสวรรค์ที่รู้ว่านางปวดหัวขนาดไหนในวันที่คุณชายฉินมาหา

เถ้าแก่เฉียนหยิบตำลึงเงินให้จางซิ่วเอ๋อทันที เป็นน้ำหนัก 5 ตำลึง 2 ก้อน

จางซิ่วเอ๋อหยิบซองเครื่องเทศให้เถ้าแก่เฉียน แลกมาได้อีก 4 ตำลึงเงิน

เมื่อเป็นแบบนี้ตำลึงเงินอันร่อยหรอของจางซิ่วเอ๋อจึงเพิ่มพูนขึ้นมา พอเป็นค่าใช้จ่ายในช่วงนี้แล้ว

จางซิ่วเอ๋อปฏิเสธคำขอที่เถ้าแก่เฉียนขอให้นางอยู่กินข้าวด้วย ก่อนจะเดินไปทางร้านช่างไม้

“ซิ่วเอ๋อ! เจ้ามาแล้ว!” ตอนโจวเหวินเห็นจางซิ่วเอ๋อ ใบหน้าของเขาก็เต็มไปด้วยรอยยิ้ม

จางซิ่วเอ๋อกวาดตามองกระดานซักผ้าหลายอันที่ตั้งอยู่หน้าร้านช่างไม้แล้วหัวเราะ ดูท่าไม่ต้องให้นางสาธิต เถ้าแก่ก็รู้ถึงข้อดีของเจ้าสิ่งนี้แล้ว นี่อย่างไรล่ะ เขาเริ่มทำการผลิตแล้วเรียบร้อย!