ตอนที่ 779-780

ลำนำบุปผาพิษ

บทที่ 779 ท่านทำทุกอย่างได้ตามปรารถนาจริงๆ น่ะหรือ

 

สีหน้าตี้ฝูอีดำดิ่งลง กล่าวโดยท่าทียิ้มมิเชิงยิ้ม “ทารุณ? ที่แท้ในสายตาเจ้า เจ้านายคือผู้ที่จำเป็นต้องย่างของกินให้เจ้าหรือ? จำเป็นต้องปรนนิบัติเจ้าหรือ?”

 

ถึงแม้เขาจะใช้น้ำเสียงของกู้ซีจิ่ว แต่สำเนียงการพูดเป็นสำเนียงการพูดแบบตี้ฝูอี ทำให้เจ้าหอยยักษ์หวาดหวั่นขึ้นมาอย่างน่าประหลาด

 

ดังนั้นมันจึงหดตัว บ่นพึมพำประโยคหนึ่งว่า “เมื่อก่อนเจ้านายล้วนย่างของกินให้พวกเรามากมาย…”

 

ตี้ฝูอีกอดอกพลางเอ่ย “แล้วพวกเจ้าเล่า? เคยนำอะไรมาให้ผู้เป็นนายหรือไม่?”

 

เจ้าหอยเงียบงัน มันไม่กล้าพูดต่อแล้ว เนื่องจากทุกครั้งที่พวกมันสามตัวกลับมาล้วนมาแบบมือเปล่า บางครั้งก็ล่าสัตว์มาให้เจ้านายย่างให้…

 

ตี้ฝูอีเหลือบมองกู้ซีจิ่วแวบหนึ่ง อดไม่ได้ที่จะส่ายหน้า ดูเถิดว่านางเลี้ยงสัตว์เลี้ยงวิญญาณที่เดิมทีควรพิทักษ์คุ้มครองนางเป็นแขนเป็นขาของนางจนกลายเป็นตัวอันใดไปแล้ว?

 

ตัวตะกละสามตัว! ซ้ำยังไม่รู้จักบุญคุณอีกด้วย!

 

ตี้ฝูอีมองท่าทางของพวกมันสามตัวอีกครั้ง ระยะเวลาสามเดือนสำหรับสัตว์เลี้ยงวิญญาณแล้ว กล่าวได้ว่าชั่วพริบตาเดียวเท่านั้น ทั้งสามตัวแทบจะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงเลย ตัวเดียวที่มีการเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อยก็คือลู่อู๋ มันโตขึ้น หางยาวขึ้นนิดหน่อย…

 

ตี้ฝูอีคันไม้คันมืออยู่บ้าง อันที่จริงเขาก็เลี้ยงสัตว์วิญญาณเช่นกัน แน่นอนว่าสัตว์วิญญาณที่เขาเลี้ยงล้วนเป็นชั้นยอด ทุกตัวล้วนเป็นสัตว์ร้ายขั้นแปด…

 

สัตว์เหล่านี้เมื่ออยู่มือเขาก็เติบโตอย่างรวดเร็ว ทุกตัวรักสันโดษอย่างยิ่ง และพิทักษ์ในยามคับขันได้ยอดเยี่ยมยิ่ง

 

ไหนเลยจะเหือนเจ้าสามตัวตรงหน้านี้ ดูเหมือนแมวบ้านสามตัว…

 

เจ้าหอยยักษ์ถูกเขามองด้วยสายตารังเกียจก็เกิดแรงฮึดขึ้นมา ยืดอกกล่าวทันที “พวกเรามีประโยชน์นะ! พวกเราสามารถเก็บสมุนไพรมาให้เจ้านายได้!”

 

พวกันวิ่งพล่านอยู่ในหุบเขาตลอด ย่อมพบเห็นสมุนไพรอยู่บ่อยๆ เพียงแต่รู้สึกว่าสมุนไพรเป็นอาหารไม่ได้อีกทั้งไม่น่าสนุก ส่วนใหญ่พวกมันจึงมองเมินไปเสีย…

 

“โอ้ เช่นนั้นสมุนไพรของพวกเจ้าอยู่ไหนล่ะ?” ตี้ฝูอีถามพวกมันอย่างผ่อนคลาย

 

พวกเจ้าหอยยักษ์สามตัวสบตากันแวบหนึ่ง เจ้าหอยยักพลันหนีบหางลู่อู๋น้อย “ไป พวกเราไปเก็บสมุนไพรกัน! อย่าให้ผู้อื่นดูแคลนได้!”

 

ลู่อู๋น้อยพาเจ้าหอยยักษ์กระโดดขึ้นหลังเพรียกวายุ ด้วยเหตุนี้สัตว์ทั้งสามตัวจึงจากไปดั่งควันสายหนึ่ง

 

ในไม่ช้าภายในเรือนก็เหลือเพียงกู้ซีจิ่วกับตี้ฝูอีสองคน เงียบสงัดขึ้นมาชั่วขณะ

 

กู้ซีจิ่วไม่คิดจะจดๆ จ้องๆ กับเขาอยู่ที่นี่ จึงถามซ้ำอีกรอบหนึ่ง “เมื่อไหร่พวกเราจะสลับร่างคืนได้? ข้าไม่อยากเป็นเช่นนี้ต่อไปแล้ว”

 

ตี้ฝูอีกอดเข่ามองเธอ “เจ้าไม่ยินดีจะเป็นข้าสินะ? ตำแหน่งของข้าไม่ทราบว่ามีผู้คนมากน้อยเพียงใดที่ต้องการแย่งชิง…”

 

กู้ซีจิ่วขมวดคิ้ว “ข้าแค่อยากเป็นตัวข้าเอง!”

 

ตี้ฝูอีถอนหายใจ “ซีจิ่ว เจ้าเคยคิดบ้างหรือไม่ ว่าวันหน้าจะได้แทนที่ของข้า?”

 

กู้ซีจิ่วเลิกคิ้วขึ้น “แทนที่ท่านทำอันใด?”

 

ตี้ฝูอียิ้ม “เจ้าดูสิ ตำแหน่งของข้าสูงส่งกว่าจักพรรดิเสียอีก ขนาดตำแหน่งจักรพรรดิผู้คนยังแย่งชิงกันหัวร้างข้างแตก แล้วตำแหน่งนี้ของข้าจะไม่ดึงดูดคนยิ่งกว่าหรือ?”

 

กู้ซีจิ่วเงียบงัน ตี้ฝูอีกล่าวต่อไป “ถ้าเจ้านั่งอยู่ในตำแหน่งนี้ของข้า เจ้าจะทำทุกอย่างได้ตามปรารถนา สามารถบัญชาคนทั้งโลกได้ จะไม่มีผู้ใดกล้าดูแคลนเจ้าอีก ไม่มีผู้ใดกล้าชักสีหน้าใส่เจ้าอีกต่อไป…”

 

กู้ซีจิ่วมองดูเขา “ท่านทำทุกอย่างได้ตามปรารถนาจริงๆ น่ะหรือ?”

 

ตี้ฝูอียิ้มน้อยๆ “เจ้าไม่เห็นข้าทำทุกอย่างได้ตามปรารถนาหรือ?”

 

กู้ซีจิ่วส่ายหน้า “เรื่องที่ท่านทำบางครั้งก็น่าชังมากจริงๆ แต่ก็กล่าวไม่ได้ว่าทำทุกอย่างได้ตามปรารถนากระมัง? มิใช่ว่าท่านยังต้องอบรบสานุศิษย์สวรรค์หรอกหรือ? มิใช่ว่าท่านยังต้องจัดการเรื่องราวอย่างยุติธรรมหรอกหรือ? ตำแหน่งนี้ของท่าน ไม่ทราบว่ามีผู้คนมากน้อยเพียงใดที่จับจ้องท่านอยู่ หากว่าท่านทำตามอำเภอใจได้จริง จะมีบารมีสูงส่งเช่นนี้ได้อย่างไร? จะทำให้คนทั้งแผ่นดินเคารพท่านได้อย่างไร?”

 

————————————————————————————-

 

 

บทที่ 780 ท่านคือท่านเทพศักดิ์สิทธิ์

 

ตี้ฝูอีตะลึงงัน เงยหน้ามองนาง หัวเราะอยู่พักหนึ่ง “ซีจิ่ว นึกไม่ถึงว่าเจ้าจะมีสติปัญญาเช่นนี้ เช่นนั้นข้าขอถามเจ้า สมมุติว่าวันหนึ่งเจ้าได้นั่งในตำแหน่งนี้ของข้า หากว่าญาติของเจ้าสหายของเจ้าแม้กระทั่งสัตว์เลี้ยงวิญญาณของเจ้ากระทำเรื่องที่สวรรค์พิโรธปวงชนเดือดดาล เจ้าจะทำอย่างไร?”

 

กู้ซีจิ่วนิ่งค้างไปครู่หนึ่ง

 

พิฆาตญาติมิตรเพื่อผดุงคุณธรรมเป็นถ้อยคำที่ดี แต่จะมีสักกี่คนที่สามารถกระทำข้อนี้ได้จริงๆ?

 

ตี้ฝูอีมองดูนาง และไม่ได้เร่งนาง

 

กู้ซีจิ่วจำลองสถานการณ์อยู่ในสมองตนครู่หนึ่ง จากนั้นก็เอ่ยว่า “ข้าอาจจะไม่ยุติธรรมเช่นเปาบุ้นจิ้น แต่ข้าจะพยายามควบคุมกวดขันคนสนิทของข้า ไม่ให้พวกเขาทำผิดมหันต์”

 

“หากว่าควบคุมไม่อยู่เล่า? เจ้าก็รู้ว่าอำนาจเป็นสิ่งที่สามรถแผ่ขยายไปอย่างไร้ขอบเขต มักจะมีบางคนที่อดทนต่อสิ่งล่อใจไม่ไหวจนกระทำเรื่องที่ผิดพลาดไป หากเป็นคนธรรมดาทำผิดพลาดก็แล้วไปเถิด แต่หากว่าเจ้าเป็นผู้ที่สวรรค์บงการควบคุม ถ้าเจ้าลำเอียงมาก้กินไป ก็มีความเป็นไปใดที่จะก่อให้สวรรค์ลงทัณฑ์ ทำให้โลกนี้ล่มสลายโดยสิ้นเชิง…หากว่าถึงยามนั้น เจ้าจะช่วยคนในครอบครัวของเจ้าแล้วพังพินาศไปพร้อมกับโลกใบนี้ หรือว่าจะพิฆาตญาติผดุงคุณธรรมให้โลกนี้ดำเนินต่อไปตามปกติเล่า?”

 

กู้ซีจิ่วเงียบไปพักหนึ่ง จากนั้นก็เงยหน้ามองเขา “ตำแหน่งของท่าน…สูงส่งถึงขั้นนี้เชียวหรือ? สิ่งที่ท่านพูดมาเหล่านี้ เป็นเรื่องที่อาจจะเกิดขึ้นได้ในตำแหน่งของท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ ท่านคือท่านเทพศักดิ์สิทธิ์หรือไง?”

 

ตี้ฝูอีนึกไม่ถึงว่านางจะคิดไปถึงขั้นนี้ได้ ชะงักไปแวบหนึ่ง ส่ายหน้าพลางตอบ “ข้าไม่ใช่เขา…”

 

จากนั้นก็ยิ้มแวบหนึ่ง “ภาระหน้าที่ของเขามากมายเกินไป หนักเกินไป เหนื่อยเกินไป…”

 

เขาถอนหายใจเบาๆ “เทพ ถูกลิขิตให้โดดเดี่ยว เขาไม่อาจใส่ใจสิ่งใดหรือคนใดจนเกินไปได้ เนื่องจากสิ่งเหล่านั้นจะกลายเป็นจุดอ่อนของเขา…กลายเป็นเครื่องมือนำมาต่อกรกับเขาหรือเอาชนะเขา…บางทีนี่อาจเป็นชะตากรรมของเขาที่มาพร้อมกับโลกใบนี้ จุดที่สูงที่สุดก็โดดเดี่ยวที่สุดเช่นกัน…”

 

เงาร่างท่านเทพศักดิ์สิทธิ์แวบเข้ามาในสมองกู้ซีจิ่ว คนผู้นี้ต้องคอยพิทักษ์ปกป้องปวงประชาใต้หล้า หากเขาเอนเอียงแม้นเพียงเล็กน้อยก็ทำให้สวรรค์ลงทัณฑ์ ทำให้โลกใบนี้ก็จะตกสู่หายนะ เขาจึงไม่เหมาะจะมีคนที่ใกล้ชิดหรือห่วงหาจนเกินไปจริงๆ…

 

หากว่าเธอต้องอยู่ในตำแหน่งนั้นของเขา…

 

กู้ซีจิ่วใคร่ครวญอยู่พักใหญ่

 

เอ๊ะ แล้วเธอจะไปแย่งตำแหน่งนั้นมาทำไมกันล่ะ? อีกอย่างเธอก็ไม่ใช่เทพด้วย!

 

แถมตำแหน่งเทพก็ไม่เหมือนตำแหน่งจักรพรรดินะ อยากจะแย่งก็แย่งได้เลยเสียที่ไหน?

 

กู้ซีจิ่วพบว่าตนถูกตี้ฝูอีชักจุงความคิดเสียแล้ว อดไม่ได้ที่จะถลึงตามองเขาแวบหนึ่ง กลับพบว่าเขากำลังย่างปลาอยู่…

 

“นี่ ไหนท่านบอกว่าไม่มีปลาแล้วไง?” กู้ซีจิ่วมองข้องใส่ปลาของเขา ในนั้นยังมีปลาดีดดิ้นอยู่ด้านในอีกหลายตัว

 

“ที่ข้าบอกคือไม่มีปลาให้พวกมันกินอีกแล้ว” ตี้ฝูอีตอบอย่างไม่อินังขังขอบ แถมเขายังโมโหเล็กน้อยด้วย “เจ้าหอยสมควรตายตัวนั้น ปลาที่ข้าย่างให้มันยังกล้ารังเกียจอีก!”

 

กู้ซีจิ่วมองเขา จู่ๆ ก็รู้สึกขบขันอยู่บ้าง จู่ๆ เธอก็พบว่าพอสลัดคราบท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายออกไปแล้ว ความจริงแล้วบางครั้งเขากโกรธเหมือนเด็กๆ อยู่บ้าง

 

คนผู้นี้คงจะเคยชินกับการสูงส่งอยู่เหนือปวงชน ไม่ได้พบความพ่ายแพ้เช่นนี้สักเท่าไหร่ ดังนั้นเขาจึงเย่อหยิ่งเป็นที่สุด

 

“อ๋อ ใช่แล้ว ตี้ฝูอี สรุปแล้วพวกเราจะสลับร่างคืนได้เมื่อไหร่?” กู้ซีจิ่วลากหัวข้อนี้กลับมาอีกครั้ง

 

ตี้ฝูอีเลิกคิ้วมองเธอ “ไม่สนใจตำแหน่งนี้ของข้าจริงหรือ?”

 

กู้ซีจิ่วรู้สึกว่าตนสนทนากับเขาก็เหมือนบัณฑิตพบหน้าทหาร ถึงมีเหตุผลก็กล่าวได้ไม่กระจ่าง

 

ดังนั้นเธอจึงตอบเขาอย่างตรงไปตรงมานัก “ไม่สนใจ! ให้เปล่าข้าก็ไม่เอา!”

 

ตี้ฝูอีถอนหายใจเบาๆ “นี่เกรงว่าจะมิได้ขึ้นอยู่กับเจ้า…”

 

————————————————————————————-