ตอนที่ 99 พรสวรรค์ในการปรุงยา

ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ

มู่เฉียนซี “ท่านอา ข้าจะเชื่อฟังท่าน แต่ท่านต้องอย่าปิดบังข้า  หลังจากที่ข้ารักษาขาของท่านหายแล้ว ท่านต้องบอกกับข้าทั้งหมด”

มู่อวู่ซวงพยักหน้า “ได้”

แม้แต่ท่านพ่อก็ยังหาทางรักษาขาของเขาไม่ได้ มู่อวู่ซวงลอบถอนหายใจ แม้เขาจะมั่นใจในตัวซีเอ๋อร์ แต่ก็ต้องใช้เวลาอีกมาก  และเพื่อเลี่ยงไม่ให้ซีเอ๋อร์สืบสาวราวเรื่อง เขาจึงยืดเวลาออกไปให้ได้มากที่สุด

มู่เฉียนซีถามขึ้น “ท่านอาคงไม่เป็นไรแล้วใช่ไหม ? ถ้าไม่เป็นไรแล้ว พวกเรากลับกันเถอะ ท่านอาจะได้พักผ่อน”

มู่อวู่ซวงพยักหน้า ยิ้มบาง ๆ ให้หลานสาว

ขณะที่พวกเขากําลังจะออกไป จิ่วเยี่ยก็เอื้อมมือออกไปหยุดพวกเขาไว้  พวกเขาอยู่ข้างในสามารถมองออกไปนอกค่ายกลได้อย่างชัดเจน แต่คนภายนอกกลับไม่สามารถรับรู้ถึงสถานการณ์ภายในได้  มู่เฉียนซีมองออกไปด้านนอก พบคนที่คุ้นเคยกําลังคิดหาวิธีทําลายค่ายกลของนางเพื่อที่จะเข้ามา คนผู้นั้นคือซวนหยวนจือ ฮ่องเต้แห่งแคว้นจื่อเยี่ย

— ตูม! —

เขาไม่สามารถหากุญแจสําคัญในการทําลายค่ายกลได้ ซวนหยวนจือใช้กําลังป่าเถื่อนโจมตีค่ายกลจนพื้นดินรอบ ๆ สั่นสะเทือน

มู่เฉียนซีคิ้วขมวดมุ่น ประหลาดใจเล็กน้อย

“ซวนหยวนจือมีความแข็งแกร่งระดับราชายอดยุทธ์อยู่ที่จุดสูงสุดระดับเก้า  เขาไม่ได้ประกาศให้คนอื่นรู้ว่าเขามีความสามารถถึงขั้นนี้ เขาพยายามที่จะทุ่มเทดูแลแคว้นจื่อเยี่ย ละทิ้งการฝึกยุทธ์  หากที่ผ่านมาตลอดชีวิตเขาไม่ละทิ้งการฝึกฝนเลย มีหรือที่เขาจะหยุดอยู่ที่ขั้นปรมาจารย์ยุทธ์ขั้นสูงสุดระดับเก้า ?”

มู่อวู่ซวงกล่าวเสียงเบาว่า “สิ่งที่ฮ่องเต้กล่าวมานั้นเป็นเรื่องจริงอยู่บางส่วน  คําพูดของพวกเขา ซีเอ๋อร์ฟังไว้ก็พออย่าเอาไปคิดจริงจัง”

มู่อวู่ซวงหรี่ตาลง ดวงตาที่อ่อนโยนคู่นั้นแฝงไว้ด้วยความเย็นยะเยือก มองไปที่จิ่วเยี่ย  คําพูดเหล่านี้ของเขา อาจไม่ได้หมายถึงซวนหยวนจือเพียงคนเดียว  เขาไม่อยากให้ซีเอ๋อร์และพี่ใหญ่กลับมารวมตัวกัน และถูกชายอีกคนหนึ่งลักพาตัวไป

ดูเหมือนจิ่วเยี่ยจะไม่ได้ยินคําพูดของเขา เขานิ่งราวกับรูปปั้นหินเนื้อดี แม้แต่ขนคิ้วของเขายังนิ่งไม่ขยับ

มุมปากมู่เฉียนซีกระตุกเล็กน้อย ราวกับว่าจิ่วเยี่ยก็เป็นฮ่องเต้ แต่เขาแตกต่างจากซวนหยวนจืออย่างสิ้นเชิง

— ตูม!  ตูม!  ตูม! —

ซวนหยวนจือลงมืออีกครั้ง มู่เฉียนซียิ้มเย็นชา “ฮ่องเต้แห่งแคว้นจื่อเยี่ยไม่เพียงแต่เป็นราชาจอมยุทธ์ระดับเก้าเท่านั้น แต่ยังจะทะลุขั้นของราชายอดยุทธ์ได้ในเร็ววันอีกด้วย เมื่อเขาผ่านระดับนั้นไปได้แล้ว เกรงว่าเขาจะไม่เกรงกลัวตระกูลมู่ของพวกเรา  เขาจะจัดการตระกูลมู่ของพวกเราในที่สุด

“หากเขาเป็นตามที่ว่า กล้าแตะต้องตระกูลมู่ของข้าก็ลองดู”

ขณะนั้นเอง ร่างกายของมู่อวู่ซวงปกคลุมไปด้วยคลื่นพลังอันน่าสะพรึงกลัว

มู่เฉียนซีเต็มไปด้วยความประหลาดใจ “ท่านอา ความแข็งแกร่งของท่านบรรลุถึงระดับสามของผู้ฝึกยุทธ์แล้ว”

มู่อวู่ซวงยิ้มอย่างอ่อนโยน “ต้องขอบคุณซีเอ๋อร์ที่รักษาดวงตาของข้าไว้ ดังนั้นพลังความแข็งแกร่งของข้าจึงกลับคืนสู่ระดับสามในทันที”

นี่มิไม่ใช่การยกระดับ แต่เป็นการฟื้นฟู มู่เฉียนซีรู้ว่าความแข็งแกร่งของท่านอาของนางก่อนหน้านี้อาจจะลดลง เกรงว่าพลังที่แท้จริงต้องไม่ธรรมดาเป็นแน่

ตอนนี้ซวนหยวนจือล้อมพวกเขาไว้อยู่ข้างนอก พวกเขาจะถูกจับเมื่อออกไป เว้นแต่พวกเขาจะถูกสังหารทันที แต่นี่ไม่ใช่เวลาที่ดีที่จะจัดการเขา!

จิ่วเยี่ยมองมู่เฉียนซี กล่าวเสียงนุ่มนวลเป็นครั้งแรก “พักผ่อนให้สบายเถอะ”

ร่างสีดำพุ่งจากค่ายกลออกไป ทันใดนั้น เสียงสั่น ๆ ดังขึ้นมา “เยี่ยอ๋อง!”

ต่อมามีไฟแห่งห้วงเพลิง ไฟสีม่วงปรากฏขึ้นรอบ ๆ  มันค่อย ๆ ลุกโชนขึ้น  พวกเขาหันหน้าไปมองก็เห็นมนุษย์โครงกระดูกสีแดงเลือดปรากฏอยู่ทั่ว หัวใจของพวกเขาเย็นยะเยือก เกิดความปรารถนาต้องการฆ่าสังหาร!

หากรู้แต่แรกว่านิมิตนี้เกิดจากเยี่ยอ๋อง ขู่จะฆ่าให้ตายพวกเขาก็ไม่มา

“ไสหัวไป!” จิ่วเยี่ยกล่าวออกมาเพียงเท่านั้น เสียงกังวานก้องราวตะโกนแม้จะไม่ได้ตะโกนก็ตามที

ซวนหยวนจือใบหน้าเครียดคล้ำ แม้ว่าเขาจะต้องการสั่งสอนเยี่ยอ๋องให้รู้จักมารยาทสักหน่อย  แต่เมื่อเขาสัมผัสได้ถึงจิตสังหารกระหายเลือด เขาก็ไม่กล้าพูดอะไรออกมา

“ไปซะ!”

ซวนหยวนจือหน้าซีด ไม่ยืดยาดอีกต่อไป พาองครักษ์ของเขาถอยออกไปอย่างรวดเร็ว  แม้แต่ฮ่องเต้ผู้เป็นบิดาขององค์ชายเยี่ยยังตกใจจนหนีเตลิดเปิดเปิงไป แล้วพวกเขาจะกล้าอยู่ต่อได้อย่างไร ? สุดท้าย… คนอื่น ๆ ก็ได้ถอยออกไป

ในที่สุดป่านี้กลับมาเงียบสงบอีกครั้ง จิ่วเยี่ยเองก็อันตรธานหายไป

มู่เฉียนซี “ไปกันหมดแล้ว ท่านอา พวกเราก็ไปกันเถอะเจ้าค่ะ”

“อืม”

เมื่อกลับมาถึงจวนสกุลมู่ ทุกอย่างกลับคืนสู่ความสงบเงียบ  มู่เฉียนซีสกัดยาหยอดตาออกมาอีกขวดเพื่อมอบให้มู่อวู่ซวง จะได้ทําให้ดวงตาของเขาเปลี่ยนสีกลับมาเหมือนเดิม  แม้ว่าลูกตาประหลาดจะสวยงามมาก แต่มู่อวู่ซวงก็ไม่อยากให้ใครเห็นดวงตาสีม่วงเงินนี้

มู่เฉียนซีกล่าวกำชับกับเงามืดที่อยู่รอบ ๆ “อย่าแพร่งพรายเรื่องฟื้นฟูดวงตาของท่านอาออกไปเด็ดขาด”

“ขอรับ”

เวลานี้ตระกูลมู่ของนางไม่ใช่คู่ต่อสู้คนแรกของนิกายอวิ๋นหยานแคว้นเซี่ยโจว หากคุณหนูใหญ่ของนิกายอวิ๋นหยานผู้ลงมือวางยาพิษผู้นั้น รู้ว่าดวงตาของมู่อวู่ซวงฟื้นฟูกลับคืนมาได้  แล้วลงมือกับเขาอีกครั้ง เกรงว่าคงจะรับมือได้ยาก

จวินโม่ซีไม่อยากอาศัยอยู่ในจวนสกุลมู่ ดังนั้นมู่เฉียนซีจึงพยายามอย่างหนักที่จะให้เขาไปอยู่ที่หอหมอปีศาจ มู่เฉียนซีถามขึ้นว่า… “จวินโม่ซี ที่นั่น ท่านมียาที่สามารถยกระดับจากจุดสูงสุดของราชายอดยุทธ์ระดับเก้า ไปถึงระดับจักรพรรดิได้หรือไม่ ?”

จวินโม่ซี “มี มันมี  แต่นั่นเป็นยาระดับเจ็ด เจ้าต้องปรับแต่งและกลั่นเอาเอง”

มู่เฉียนซี “ข้าไม่สามารถกลั่นยาได้ แต่ยังมีท่านอยู่ ท่านช่วยได้ไม่ใช่หรือ ?”

จวินโม่ซี “ยาระดับสูงเช่นนี้ ราคาสูงมาก”

“ข้าให้ท่านกินอาหารมื้อใหญ่ในงานเลี้ยงใหญ่เป็นเวลาหนึ่งเดือนดีหรือไม่ ?” มู่เฉียนซีกล่าวพร้อมรอยยิ้ม

ใบหน้าของจวินโม่ซีประหนึ่งเปล่งประกายความสดในทันที เขาเผยรอยยิ้มตื่นเต้นออกมา “ดี! ตกลง ตกลงเลย!”

ยาจักพรรดิ (หวงหลัวตาน) นั้น  สําหรับจวินโม่ซีแล้ว การกลั่นยาออกมาไม่ยากเลย ไม่นานนักยาเม็ดเดียวก็หลอมกลั่นออกมาได้

“เอ้านี่ รับไป ข้าให้เจ้า อย่าลืมสัญญาเรื่องที่เจ้าตกลงไว้ล่ะ”

มู่เฉียนซีถามขึ้น “ความสำเร็จมีความเป็นไปได้เท่าไหร่หรือ ?”

“ห้าสิบส่วนในร้อยส่วน”

“แค่ห้าสิบส่วนในร้อยส่วนเองรึ ?!” มู่เฉียนซีกล่าว ขมวดคิ้วพลางหยิบยาวิเศษในมือขึ้นมาดู

“ได้เท่านั้นก็ดีมากแล้ว หากไม่ใช่เพราะข้าหลอมกลั่นออกมา แต่เป็นคนอื่น จะมั่นใจได้เพียงยี่สิบถึงสามสิบส่วนเท่านั้น เจ้าคิดว่าการเป็นจักรพรรดิเป็นเรื่องง่ายนักรึ ?”

มู่เฉียนซียักไหล่ “ข้าไม่รู้ แต่ข้าจะไปศึกษาดูว่าจะสามารถเพิ่มอัตราความสําเร็จได้หรือไม่”

“ข้าไม่เชื่อว่าเจ้าจะศึกษามันแล้วหาทางได้ หลายปีมานี้ข้าทดลองมาหลายครั้งแล้ว ล้มเหลวหมด”

หอหมอปีศาจมีห้องทดลองพิเศษของมู่เฉียนซีอยู่ หลังจากผ่านการทดลองมาสามครั้ง ในที่สุดมู่เฉียนซีก็ทำยาออกมาได้ นางนำยามาให้จวินโม่ซีดู

“ฮ่า! ดูสิ ยาวิเศษของเจ้า เมื่อนํามาใช้รวมกับยาของข้าจะสามารถบรรลุอัตราความสําเร็จได้ถึงเจ็ดสิบส่วนในร้อยส่วน” มู่เฉียนซีกล่าวอย่างลำพองตน ยืดอกอวดราชาโอสถจวินโม่ซี

“เป็นไปไม่ได้”

จวินโม่ซีหยิบฉวยเอายาไปจากมือมู่เฉียนซี แต่แล้วต้องตกตะลึงเมื่อตรวจสอบมัน

“ถึงแม้จะไม่มีใครยืนยันได้อย่างแท้จริง แต่ความคิดนี้ของเจ้ากลับได้ผล เจ้า…” จวินโม่ซีเบิกตากว้าง มองมู่เฉียนซีสตรีตรงหน้าอย่างไม่อยากเชื่อ

“ข้ายอมรับก็ได้ว่าเจ้าเป็นนักปรุงยาที่มีพรสวรรค์อย่างแท้จริง เฮ้อ…”

จวินโม่ซีถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ ตัวเขาได้รับการขนานนามว่า ‘อัจฉริยะแห่งตระกูลจวิน’ มาโดยตลอด แต่ตอนนี้เขากลับถูกเด็กสาวที่มีพรสวรรค์ผู้นี้โจมตีเข้าแล้ว

มู่เฉียนซียิ้ม กล่าวว่า “น่าจะมีการทดลอง แต่ข้ายังต้องเพิ่มบางสิ่งเข้าไป”

ดวงตาจวินโม่ซีฉายแววยิ้มออกมา เขากล่าว “มู่เฉียนซี ข้าเกรงว่าเจ้าจะกําลังคิดอะไรไม่ดีอยู่ มีใครบางคนต้องโชคร้ายแล้วล่ะ ฮ่า ๆ ๆ”

จวินโม่ซีอยู่กับมู่เฉียนซีมาระยะหนึ่งแล้ว กอปรกับที่เขาถูกมู่เฉียนซีหลอกอย่างหนักมาหลายครั้ง เขารู้ดีแล้วว่าความโหดเหี้ยมของสตรีอายุน้อยผู้นี้เข้าขั้นบ้าคลั่งมากเพียงใด