เมื่อคิดถึงตรงนี้ ร่องรอยของความเสียใจพลันปรากฏขึ้นในหัวใจของพระสนมเต๋อเฟย
หากวันนั้นนางไม่หูเบาและยอมปล่อยให้ฮูหยินเยว่พาเยว่ถิงไป
เกรงว่าหย๋าเอ๋อร์คงไม่เจ็บป่วยรุนแรงถึงเพียงนี้
“พระชายาเห็นว่าท่านหลับไปแล้ว ดังนั้นจึงเข้าครัวเพื่อทำอาหารให้พระองค์ด้วยตนเองเพคะ”
ปรนนิบัติรับใช้มานานหลายปี จิ่นเยว่เข้าใจพระสนมเต๋อเฟยดี
อันที่จริง วันนั้นพระสนมเต๋อเฟยอยากปกป้องเยว่ถิง
ทว่า ฮูหยินเยว่มีฮองเฮาคอยหนุนหลัง วันนั้นจึงมีนางกำนัลของฮองเฮาตามมาด้วย
ดังนั้น แม้จะไม่ยินยอม แต่สุดท้ายแล้วพระสนมเต๋อเฟยก็จำต้องอนุญาต
ทุกคนคิดไม่ถึงเลยว่าฮูหยินเยว่จะใจคอโหดเหี้ยม นางไม่ยอมปล่อยลูกสาวตนเองไปง่ายๆ
ดังนั้น ลึกๆ ในหัวใจแล้ว พระสนมเต๋อเฟยจึงรู้สึกผิดต่อหลินเมิ้งหยาและเยว่ถิง
“ยกเข้ามาทั้งหมดนั่นแหละ ระวังหน่อย อย่าทำให้เหนียงเหนียงตื่น”
หลินเมิ้งหยาส่งเสียงอ่อนโยน จากนั้นเหล่านางกำนัลก็ยกอาหารเข้ามาภายใน
“พระชายา เหนียงเหนียงตื่นแล้วเพคะ”
จิ่นเยว่เข้าไปบอกด้วยความประสงค์ดี หลินเมิ้งหยารีบเดินเข้าไป พร้อมทั้งส่งเสียงอ่อนหวาน
“ถวายคำนับหมู่เฟย หลายวันมานี้ร่างกายของหย๋าเอ๋อร์ไม่แข็งแรง กลัวจะนำไข้หวัดมาแพร่ใส่หมู่เฟย ดังนั้นจึงมิได้มาถวายคำนับ หมู่เฟยได้โปรดลงโทษเมิ้งหยาด้วย”
พระสนมเต๋อเฟยสำรวจสีหน้าของหลินเมิ้งหยา แต่นางกลับแสดงท่าทางประหนึ่งไม่เคยมีเรื่องอันใดเกิดขึ้น อีกทั้งยังแสดงความอบอุ่นใจกว้างดังเดิม
ไร้ซึ่งความห่างเหิน ยังคงแสดงความสนิทสนมดังเดิม
เมิ้งหยาเป็นเด็กดี นางให้อภัยในสิ่งที่ตนเองได้ทำผิดพลาด
“เด็กคนนี้นี่ เหตุใดจึงผอมลงมากขนาดนี้ พวกเราเป็นครอบครัวเดียวกัน อย่าได้พูดเหมือนเป็นคนอื่นคนไกลกันเลย”
พระสนมดึงมือหลินเมิ้งหยาขึ้น ความเสียใจของพระสนมเต๋อเฟยแปรเปลี่ยนเป็นเอ็นดูหลินเมิ้งหยาแทน
นางเป็นเด็กที่รู้ความและว่านอนสอนง่าย ลูกชายของนางช่างโชคดียิ่งนัก
“ได้ยินน้าจิ่นเยว่เล่าว่าช่วงนี้หมู่เฟยไม่รู้สึกอยากอาหาร นอนหลับไม่สนิท ดังนั้นหม่อมฉันจึงทำอาหารบำรุงเหล่านี้มาให้ มิรู้ว่าหมู่เฟยจะสามารถเสวยได้หรือไม่”
สั่งให้คนนำยามาวางลงตรงหน้าพระสนมเต๋อเฟย นางคิดเห็นต่างจากผู้อื่น
อาหารในจานล้วนมีสีสันสวยงาม ไร้ซึ่งกลิ่นเหม็น
จู่ๆ พระสนมเต๋อเฟยก็นึกอยากอาหาร ใช้ตะเกียบคีบอาหารเข้าปาก
รสชาติอาหารไม่อ่อนหรือจัดจ้านมากจนเกินไป
พระสนมเต๋อเฟยดีใจมาก จากนั้นเสวยไปเกินกว่าครึ่ง
“หมู่เฟย ที่สวนของหม่อมฉันมีดอกเก๊กฮวยบานเต็มสวน หม่อมฉันพาพระองค์ไปดูดีหรือไม่เพคะ? ”
หลังรับประทานอาหารเสร็จ พระสนมเต๋อเฟยรู้สึกง่วงเล็กน้อย
ทว่า ข้อเสนอของหลินเมิ้งหยาส่งผลต่อก้นบึ้งของหัวใจนาง
ชมดอกเก๊กฮวยในฤดูใบไม้ร่วง เหยียบย่ำหิมะในฤดูหนาว ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นเรื่องงดงาม
ก่อนที่จะออกเรือนแต่งงาน มีเพียงช่วงเวลาเหล่านี้เท่านั้นที่พระสนมเต๋อเฟยจะมีโอกาสละทิ้งสถานะคุณหนูใหญ่ประจำตระกูลออกไป และได้ผ่อนคลายกับเพื่อนพี่น้องหญิงทั้งหลาย
คำพูดของหลินเมิ้งหยาทำให้นางหวนนึกถึงความทรงจำแต่เก่าก่อน
นางพยักหน้าตกลง จิ่นเยว่รีบสั่งให้ทุกคนเข้ามาแต่งตัวให้กับพระสนมเต๋อเฟยให้เรียบร้อย ก่อนที่ทุกคนจะเตรียมตัวมุ่งหน้าไปยังตำหนักหลิวซิน
ทุกคนพากันออกเดินจากตำหนักหยาเสวียน เพื่อเดินไปยังตำหนักหลิวซินของหลินเมิ้งหยา
พวกนางจงใจเดินอยู่ทางด้านหลัง หลินเมิ้งหยากับจิ่นเยว่เดินตามทางด้านหลังสุด
หลังจากมองซ้ายมองขวาไม่เห็นใคร หลินเมิ้งหยาจึงเอ่ย
“ช่วงนี้พระสนมเต๋อเฟยมีอาการปวดศีรษะ ไม่รู้สึกอยากอาหาร นอนหลับไม่สนิท อีกทั้งยังไม่ค่อยอยากออกกำลังกาย?”
จิ่นเยว่พยักหน้าลง ร่องรอยของความกังวลเผยอยู่ในดวงตา
“พระชายา ท่านรู้หรือไม่ว่าเหนียงเหนียงป่วยด้วยโรคอันใด?”
พระชายาอวี้ถอนหายใจ ก่อนจะส่ายหน้า
นางเรียนวิชาการแพทย์แผนตะวันตก ส่วนการแพทย์แผนจีนได้เรียนเพียงผิวเผินเท่านั้น
หลังจากสูดกลิ่นในห้องของพระสนมเต๋อเฟย เรดาร์ในสมองของนางปรากฏชื่อยาพิษปริมาณน้อยนิดสองสามประเภท
แม้จะครุ่นคิดหลายรอบแล้ว แต่ก็ยังไม่รู้ว่ายาพิษเหล่านั้นมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร
“เหนียงเหนียงชอบทำอะไรเป็นประจำตลอดสิบปีมานี้บ้างหรือไม่?”
แม้ยาพิษเล็กน้อยเหล่านี้จะไม่อันตรายถึงชีวิต แต่ถ้าหากอยู่ใกล้ตัวนานเข้า จะส่งผลให้เจ็บป่วยในระยะยาว
จิ่นเยว่ครุ่นคิด ก่อนจะตอบ
“เหนียงเหนียงปฏิบัติตัวตามระเบียบอย่างเคร่งครัด บางทีอาจเพราะเป็นสิ่งที่ปฏิบัติมาอย่างเนิ่นนานแล้ว ดังนั้นตอนนี้หม่อมฉันจึงยังนึกไม่ออก มีอะไรหรือเพคะ? หรือว่าเกิดปัญหาอะไรขึ้น? ”
กิจวัตรประจำวันทำมาอย่างเนิ่นนานจนถึงตอนนี้ แต่อาการป่วยเพิ่งเกิดขึ้น
เกรงว่า คนที่วางยาจะต้องระมัดระวังตัวเป็นอย่างมาก
ยาพิษบางชนิด หากได้รับต่อเนื่องมาอย่างยาวนาน จะส่งผลทำให้ร่างกายอ่อนแอ
เห็นได้ชัดว่าพระสนมเต๋อเฟยกำลังมีอาการเช่นนี้
เมื่อช่วงอายุย่างเข้าสู่วัยกลางคน ภูมิคุ้มกันจะเริ่มลดลง ดังนั้นจึงเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น
“ตอนนี้ข้าเองก็ยังตอบไม่ได้ว่ามีสิ่งใดที่ผิดปกติ เช่นนั้น นับจากวันพรุ่งนี้เป็นต้นไป เจ้าลองแอบหยิบของที่เหนียงเหนียงใช้เป็นประจำออกมา ข้ามีวิธีทดสอบมัน อีกทั้งช่วงนี้จะต้องกินอาหารและยาให้มาก พยายามให้พระสนมเต๋อเฟยดื่มน้ำอุ่นมากหน่อย ส่วนเรื่องอื่นค่อยว่ากัน”
แม้เรดาร์จะร้องบอกวิธีแก้พิษ แต่ส่วนใหญ่ล้วนต้องใช้ยาในการถอนพิษ
หากนางคิดจะเข้าไปรักษาอาการของพระสนมเต๋อเฟย เช่นนั้น นางจะต้องหาวิธีการที่ละเอียดรอบคอบ
ทันใดนั้นสมองพลันเปล่งประกาย…ป๋ายหลี่รุ่ย
จริงสิ! ที่คุกใต้ดินยังมีป๋ายหลี่รุ่ยที่ใช้ยาพิษในการรักษาอยู่นี่นา
หากเป็นเขา เขาอาจมีวิธีดี ๆ ก็ได้
หลินเมิ้งหยาตัดสินใจ ก่อนจะเดินแยกจากจิ่นเยว่
หันหน้ากลับไปทางตำหนักอย่างมิได้ใส่ใจ ก่อนจะได้เห็นชายเสื้อสีเทาที่มุมหนึ่งของประตูตำหนัก
ขณะที่คิดจะตรงไปที่นั่น ป๋ายซ่าวบังเอิญเข้ามาเดินข้างกายนาง
“นายหญิง เหนียงเหนียงตามท่านให้ไปด้านหน้าเพื่อชมดอกเก๊กฮวยด้วยกันเจ้าค่ะ”
ป๋ายซ่าวดีอกดีใจเป็นอย่างมาก ดังนั้นนางจึงมองไม่เห็นเจ้าของชายเสื้อสีเทาคนนั้น
เพียบพริบตาเดียว คนผู้นั้นก็หายไป
นางหันหน้ากลับ หลินเมิ้งหยาพยักหน้าลง
หรือเมื่อครู่นางจะตาฝาด
“อืม ได้ ข้าจะไปเดี๋ยวนี้”
ดอกเก๊กฮวยในตำหนักหลิวซินงดงามกว่าดอกเก๊กฮวยทุกที่ในเมืองหลวง
ดอกเก๊กฮวยถูกปลูกเรียงรายทุกย่อมหญ้าในสวนแห่งนี้
ใช้หินสามสีโรยเป็นทางเดินเล็กๆ
บนพื้นที่ว่างเปล่าทั้งสองฝั่งถูกไล่ระดับทั้งสีสัน ต้นอ่อน ต้นโตเต็มวัย เรียงตามช่วงเวลาดอกไม้บานของดอกเก๊กฮวย
“ไอหยา พวกเจ้าดูสิ รีบมาดูเร็ว หย๋าเอ๋อร์เอาใจใส่ยิ่งนัก ทั้งสวนเต็มไปด้วยดอกเก๊กฮวย ไม่มีต้นไหนเลยที่ไม่ออกดอก หย๋าเอ๋อร์ ใครเป็นคนดูแลสวนของเจ้าอย่างนั้นหรือ? ”
เยื้องย่างเข้าไปหา หลินเมิ้งหยาเดินตามพระสนมเต๋อเฟยไปยังศาลาเล็กในสวน
แม้พระสนมเต๋อเฟยจะได้เห็นความงดงามในวังหลวงจนชินตาแล้ว แต่ถึงกระนั้นก็ยังอดที่จะตกตะลึงกับภาพบรรยากาศตรงหน้าไม่ได้
“อ๋อ คือว่า….”
“หนู่ปี้เป็นคนปลูกเองเจ้าค่ะ คิดไม่ถึงเลยว่าจะถูกใจเหนียงเหนียง หนู่ปี้รู้สึกมีความสุขยิ่งนัก”
หลินเมิ้งหยาคิดจะเอ่ยว่าคนสวนในตำหนักของตนเองต้องเงียบไป เมื่อได้ยินเสียงแหบแห้งมีเสน่ห์เล็กน้อยเสียงหนึ่ง
หันหน้าไปทางต้นเสียง หลินเมิ้งหยาตกใจอ้าปากค้าง
คนที่เดินเข้ามาสวมใส่ชุดกระโปรงสีแดง แม้รูปร่างจะสูงกว่าสตรีทั่วไป แต่ก็มิได้มีมัดกล้ามดั่งกายร่างกำยำ
ใบหน้างดงามน่ามอง เมื่อเทียบความงามกับป๋ายซ่าว ใบหน้าของผู้หญิงคนนี้มีเสน่ห์ดึงดูดกว่ามาก
“หนู่ปี้ฮวากูขอถวายคำนับพระสนมเต๋อเฟย ถวายคำนับพระชายา”
แม้จะแสดงท่าทางออกนอกหน้าไปเสียหน่อย ทว่ากลับรู้จักกฏระเบียบเป็นอย่างดี
พระสนมเต๋อเฟยหรี่สายตาเย็นชา ราวกับว่ามิพึงพอใจ
“เจ้าเป็นใคร? ”
หันหน้าไปมองทางหลินเมิ้งหยา
สมองของนางพลันครุ่นคิด หลินเมิ้งหยาทำได้เพียงพูดปดเท่านั้น
“คือว่า….นี่คือเสี่ยวเซี่ย1 คนหนึ่งของท่านอารองของหม่อมฉันเพคะ เหตุเพราะนางสามารถดูแลดอกไม้ได้เป็นอย่างดี หลังจากท่านอารองจากไปแล้ว ดังนั้นหม่อมฉันจึงรับนางเข้ามาอยู่ในจวนเพื่อคอยดูแลดอกไม้ในสวนแห่งนี้เพคะ”
หลินเมิ้งหยาเป็นคนโกหกหน้าตาย ไร้ซึ่งท่าทางกระสับกระส่าย หวังว่าพระสนมเต๋อเฟยจะเชื่อคำโกหกของนางในครั้งนี้
“เอ๋? ญาติอย่างนั้นหรือ เช่นนั้นก็ช่างเถิด ออกไปก่อน ต่อจากนี้ไปหากจะว่าจ้างใครจะต้องทำตามกฎระเบียบให้ดี เข้าใจหรือไม่? ”
แม้จะไม่ชอบท่าทางอ้อนแอ้นของฮวากู แต่ถึงกระนั้นนางก็ดูแลดอกไม้ในสวนได้เป็นอย่างดี
ถึงอย่างไรหย๋าเอ๋อร์ก็เป็นคนเก่ง หญิงสาวท่าทางเย้ายวนตรงหน้ามิมีทางก่อเรื่องอันใดได้อย่างแน่นอน
“คือว่า…หม่อมฉันกับฮวากูขอออกไปเก็บดอกเก๊กฮวยมาชงชาก่อนนะเพคะ หมู่เฟยโปรดรอสักครู่”
หลินเมิ้งหยารีบจับมือฮวากู แล้วพาออกไปที่ห้องด้านหลังสวน
ทันทีที่ปิดประตูลง หลินเมิ้งหยาส่งเสียงเข้ม
“เจ้าจิ้งจอกเจ้าเล่ห์ อยากตายหรืออย่างไร แต่งตัวเป็นผู้หญิงทำไมกัน? ”
ฮวากู ไม่ นางคือชิงหูที่แต่งกายเป็นหญิงสาว ใบหน้าเรียวเล็กแดงระเรื่อตรงหน้าส่งเสียงหัวเราะชั่วร้ายออกมา
“ไอหยา เหรินเจีย2ก็แค่คิดว่าแต่งเป็นหญิงสาวแล้วสนุกดี ดูซิ ข้าสวยกว่าเจ้าอีกใช่หรือไม่? ”
แสดงท่าทางอ้อนแอ้นยั่วยวน ตั้งใจทำให้หลินเมิ้งหยารู้สึกคลื่นไส้
ขณะเดียวกัน หลินเมิ้งหยารู้สึกอึ้งเล็กน้อย
สวรรค์โปรด เหตุใดสวนของนางจึงมีคนผิดปกติเช่นนี้อยู่กันนะ
ยังไม่ทันที่จะได้ตำหนิชิงหู ด้านนอกก็เกิดเสียงแผดร้องขึ้น
เกิดอะไรขึ้น?
หลินเมิ้งหยาเลิกสนใจชิงหู ก่อนจะวิ่งไปทางสวน
แต่กลับไม่รู้ว่าเหล่าสาวใช้กำลังวิ่งไล่อะไรอยู่
“โฮก….”
“บรู๋ววว….”
เสียงร้องเล็ก ๆ น่ารักดังขึ้น
ใต้กระโปรงของหลินเมิ้งหยาพลันปรากฏร่างของอาเสว่และอาป๋าย
อาเสว่และอาป๋ายหันหน้าไปทางสาวใช้ที่กำลังล้อมเข้ามา ไร้ซึ่งความกลัว พร้อมทั้งแยกเขี้ยว
“หยุดเดี๋ยวนี้ เกิดอะไรขึ้น? ”
หลินเมิ้งหยาขมวดคิ้วแน่น
สาวใช้เหล่านั้นรีบชักมือกลับ ทว่าดอกเก๊กฮวยราคาแพงในสวนกลับเริ่มร่วงโรยมากขึ้นเพราะแรงกระทืบเท้าของพวกนาง
“ไอหยา นี่เป็นฝีมือของนักฆ่าคนใดกัน ข้าอุตส่าห์ทุ่มเทแรงกายแรงใจกว่าจะปลูกต้นเก๊กฮวยเขียวขึ้นมาได้ ฮือฮือ แล้วแบบนี้ข้าจะมีชีวิตอยู่ได้อย่างไร”
เสียงแหลมสูงดังขึ้น หลินเมิ้งหยาสะดุ้งโหยง
ชิงหูกระโดดออกมา ก่อนจะร้องไห้โวยวาย
แม้แต่หลินเมิ้งหยายังรู้สึกว่าชิงหูแสดงออกเกินจริงไปมาก
ขี้เกียจสนใจเข้า แต่หันหน้าไปทางสาวใช้เหล่านั้น
“เกิดอะไรขึ้น? เหตุใดจึงทำเช่นนี้? ”
สาวใช้เหล่านั้นรู้ได้ทันทีว่าพวกตนซวยแล้ว ดอกเก๊กฮวยเหล่านั้นมีราคาเป็นอย่างมาก เกรงว่า แม้แต่ชีวิตของพวกนางก็คงชดใช้ไม่หมด
ดังนั้น พวกนางจึงหมอบตัวลงเพราะความหวาดกลัว
*หมายเหตุ
เสี่ยวเซี่ย1 หมายถึง ภรรยาอนุ
เหรินเจีย2 คือคำเรียกแทนตัวเองในลักษณะออดอ้อน เช่น เค้า ตัวเอง