ตอนที่ 158 : จับโจรให้จับหัวหน้าก่อน

ระบบพี่เลี้ยงอสูรขั้นเทพ (神宠进c化系统)

ตอนที่ 158 : จับโจรให้จับหัวหน้าก่อน

อสูรหินนั้นคือภูติที่โด่งดัง

ฮวงจินเทียนเรียกอสูรอีกตัวออกมา รูปร่างของมันใหญ่มากและสูงถึง 5 ฟุต ผิวหนังเปล่งประกายราวกับทองคำ รูปร่างของมันเหมือนกับคนยักษ์ แต่ส่วนหัวกลับเป็นวัว เขาทั้งสองข้างของมันสีแดงราวกับเลือด เช่นเดียวกับดวงตาสีทองแดงซึ่งแฝงไปด้วยความกระหายเลือด ในมือของมันได้ถือขวานสีแดงก่ำไว้

“ในที่สุดฉันก็ได้เห็นอสูรนี่อีกครั้ง”

หลายคนพากันแปลกใจ การประชุมพยับเมฆก่อนหน้านี้ อสูรหินตนนี้ได้แสดงฝีมือที่น่าทึ่งออกมา จนทำให้ผู้คนรู้สึกประหลาดใจไปกับมัน

“ไม่สิ คลื่นพลังของอสูรนี่เพิ่มขึ้นไปอีก มันเลเวล 50 แล้วหรือ ? รึว่ามันขึ้นไปถึงระดับสวรรค์ ? ”

ไม่นานก็มีคนมองวิวัฒนาการของอสูรหินออก ไม่เพียงแต่จะเลื่อนระดับสวรรค์จากขั้นกลางมาเป็นขั้นสูง แต่เลเวลยังเพิ่มขึ้นจาก 46 เป็น 50 อีกด้วย

ถ้าเป็นแบบนั้นความแข็งแกร่งของฮวงจินเทียนก็ต้องแข็งแกร่งขึ้น การที่มีอสูรระดับสวรรค์เพิ่มขึ้นมานี้เขาจะต้องพัฒนาขึ้นมาอย่างมากเช่นกัน

หลายคนพากันกังวลแทนหวังเย่า หลายคนแสดงท่าทีสนใจยิ่งกว่าเก่า การต่อสู้อันดุเดือดนี้ทำให้พวกเขาตื่นเต้นขึ้นไปอีก

หวังเย่าเลิกคิ้วและมองไปยังสัตว์ประหลาดที่หัวคล้ายกับวัว ก่อนจะอ่านสถานะของมัน

****

สายพันธุ์ : อสูรหิน

ระดับ : สวรรค์ขั้นสูง

เลเวล : 50

สกิล : 1. พุ่งชน อสูรหินมีพละกำลังมหาศาล หลังจากที่พุ่งชนแล้วจะทำให้อีกฝ่ายกระเด็นไปไกลกว่า 100 เมตรและสร้างความเสียหายที่ร้ายแรงได้

ร่างหิน แก่นของอสูรหินคือหิน ร่างกายของมันแข็งและทนต่อการโจมตีอันหนักหน่วงได้

แยกภูเขา ใช้ขวานสร้างคลื่นใบมีดออกมา

คำราม คำรามออกมาด้วยเสียงที่น่ากลัวและเพิ่มความเร็วในการโจมตี

จุดอ่อน : 1. การพุ่งชนนั้นจำเป็นจะต้องใช้เวลาในการสะสมพลัง ใช้โอกาสนั้นโจมตีไปที่จุดสำคัญเพื่อขัดขวางการสะสมพลังได้

มันมีการเคลื่อนไหวที่ช้า สามารถหลบการโจมตีของมันได้ด้วยการอาศัยแรงโน้มถ่วง

จับโจรให้จับหัวหน้าก่อน อสูรหินนี่น่ากลัว แต่หลังจากที่แชร์สกิลกับผู้ใช้อสูรแล้ว การเคลื่อนไหวของผู้ใช้อสูรจะช้าลงและยากจะหลบการโจมตีได้

 ****

หลังจากที่อ่านสถานะแล้ว หวังเย่าก็รู้สึกว่ามันยุ่งยากนิด ๆ เขาต้องออกแรงเพิ่มเพื่อจัดการกับอีกฝ่าย แต่เมื่อเห็นจุดอ่อนของมันแล้ว ความกังวลที่เคยมีก็พลันหายไป

“นี่คืออสูรหินที่โด่งดังงั้นหรือ ต่อหน้าฉันแล้วมันไม่ได้แข็งแกร่งอะไรเลย”  หวังเย่ายังยิ้มออกมาดังเดิม  เขาพลิกมือก่อนจะเรียกอสูรของตัวเองออกมา มันคือการ์ฟิลด์ระดับสวรรค์เลเวล 53

ในฐานะอสูรของหวังเย่าแล้ว บอกได้ว่ามันเป็นสัตว์อสูรที่มีความสุขที่สุดในโลก มันได้รับการดูแลที่ถือว่าดีอย่างมาก มันสามารถพัฒนาได้โดยไม่พบอุปสรรคใด ๆ การพัฒนาถือว่าเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับมัน ดังนั้นความภักดีที่มันมีจึงเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ

ด้วยความภักดีที่เพิ่มขึ้นมา ก็ทำให้ความเข้าใจและการสื่อสารระหว่างหวังเย่าและการ์ฟิลด์นั้นง่ายขึ้นกว่าเดิม บอกได้ว่าแค่หวังเย่าคิด การ์ฟิลด์ก็ไม่ลังเลที่จะลงมือโดยไม่มีข้อผิดพลาดเลยก็ว่าได้

หวังเย่าสะบัดมือตั้งใจจะเรียกอสูรอีกตัวออกมา แต่สุดท้ายเขาก็ลดมือลง ดูเหมือนว่าคงไม่จำเป็น แค่การ์ฟิลด์กับเขาก็เพียงพอจะเอาชนะการต่อสู้ครั้งนี้ได้แล้ว

อันที่จริงแล้ว เขาคิดจะเรียกตือโป๊ยก่ายออกมา แต่เมื่อคิดดูแล้วว่าตือโป๊ยก่ายนั้นพิเศษ การเรียกมันออกมาอาจจะสร้างปัญหา และตัวเขาเองก็จะเจอปัญหาที่ตามมาด้วย เพื่อจะชนะการต่อสู้ที่เหมือนกับการทดสอบนี้ มันไม่คุ้มค่าที่จะทำแบบนั้น

“การ์ฟิลด์”  หวังเย่าพูดออกมา ในเวลาเดียวกันก็มีมีดทมิฬโผล่ขึ้นมาในมือของเขา จากนั้นเขาก็ได้พุ่งออกไปพร้อมกับการ์ฟิลด์ เพื่อพุ่งเข้าใส่ฮวงจินเทียนทันที

“เริ่มโจมตีก่อนหรือ ? ไม่ใช่ว่ารนหาที่ตายรึไง ? ”  ฮวงจินเทียนฮึดฮัดออกมา เพราะเขายังไม่รู้ว่าจะโจมตีอย่างไร ตั๊กแตนนั้นโดดเด่นเรื่องการโจมตี แต่ระดับของมันยังต่ำ แถมตัวก็ยังเปราะบาง  มันต้องอาศัยโอกาส สำหรับอสูรหินแล้ว มันเคลื่อนที่ได้ช้า ถึงจะมีพุ่งชน แต่ความแม่นยำนั้นไม่มากนัก ดังนั้นจึงได้แต่ต้องรอโอกาสเช่นกัน

เขาไม่คิดเลยว่าหวังเย่าจะให้การร่วมมือเป็นอย่างดี หวังเย่าเลือกที่จะโจมตีก่อน นี่คือวิธีการต่อสู้ที่โง่ที่สุด มันโง่จริง ๆ

“เจ้ามีด แกหลบไปก่อนรอโจมตีจากทางด้านข้าง “  ฮวงจินเทียนสั่งตั๊กแตนมีด และให้อสูรหินยกขวานขึ้นมาเตรียมพร้อม ตราบใดที่หวังเย่ากล้าพุ่งเข้ามา เขาก็จะให้อสูรหินนี่โจมตีทันที

ส่วนฮวงจินเทียนก็ไปหลบอยู่ด้านหลังของอสูรหิน เขาถือดาบสีแดงเอาไว้ในมือ

แม้หวังเย่าจะเห็นตำแหน่งของอสูรทั้งสองเปลี่ยนไป แต่เขาก็ไม่ได้ใส่ใจ เขายังคงยิ้มออกมาดังเดิม

 “ความสามารถและจุดอ่อนของพวกนาย ฉันรู้มันทั้งหมด แต่ความสามารถและจุดอ่อนของฉัน พวกนายกลับไม่รู้”  การต่อสู้ในครั้งนี้ หวังเย่ามั่นใจเป็นอย่างมาก ในสายตาของคนนอก การต่อสู้ของพวกเขาก็เหมือนเสือปะทะสิงห์  ยังไงฮวงจินเทียนก็ยังมีโอกาสที่จะคว้าชัยชนะได้อยู่

“การ์ฟิลด์ ไม่ต้องสนใจอสูรสองตัวนั่น ช่วยฉันจัดการฮวงจินเทียน แกรับผิดชอบเรื่องการป้องกัน ส่วนฉันจะโจมตีเต็มกำลัง”

หวังเย่าได้สั่งการการ์ฟิลด์ ถึงจะเป็นเหมือนคำพูดแต่นี่เป็นการสื่อสารทางจิต มันใช้เวลาสั้นกว่ามาก

บนลาน หวังเย่าและการ์ฟิลด์ได้ใช้สกิลเพิ่มความเร็วของตัวเองจนทิ้งภาพติดตาเอาไว้

“บิน”

เมื่ออยู่ห่างจากฮวงจินเทียน 5 เมตร หวังเย่าก็ได้ใช้สกิลบินออกมา  การ์ฟิลด์ก็ใช้สกิลบินทะยานขึ้นไปบนอากาศและพุ่งเข้าใส่ฮวงจินเทียนอย่างรวดเร็ว

ด้วยความสูง 5 เมตรและขนาดตัวของอสูรหิน ทำให้มันดูเหมือนเป็นกำแพงยักษ์ ถ้าพุ่งชนมันจากพื้นดิน คงยากที่จะทลายการป้องกันของมันได้

ดังนั้นหวังเย่าจึงเลือกที่จะบินสูงเพื่อสลัดตัวออกจากอสูรหิน

การ์ฟิลด์ว่องไวกว่าเดิมตอนที่มันตกลงมาที่พื้น มันสะบัดกรงเล็บใช้ใบมีดลมโจมตีใส่ฮวงจินเทียนทันที

ฮวงจินเทียนเห็นแบบนั้นก็ตกใจขึ้นมา สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปเล็กน้อย  เขารีบพลิกตัว ก่อนจะกระโดดหลบใบมีดได้ทัน

ในเวลาเดียวกันอสูรหินก็หันกลับมา มันพร้อมจะใช้ขวานในมือฟันออกไปเพื่อโจมตี แต่การ์ฟิลด์กลับเร่งความเร็วขึ้น พร้อมกับหดตัวลงจนอสูรหินไม่กล้าโจมตีเพราะกลัวพลาดไปโดนฮวงจินเทียนเข้า

เพื่อที่จะช่วยเจ้านายตัวเอง อสูรหินจึงได้แต่ค่อย ๆ เดินเข้ามา การเดินแต่ละก้าวของมันทำให้พื้นดินสั่นไหวไปด้วย