บทที่ 152.2 ความขัดแย้งเพิ่มระดับขึ้น

ท่านพี่อย่าเย็นชากับข้านักเลย

หนึ่งร้อยห้าสิบสอง (2)

ความขัดแย้งเพิ่มระดับขึ้น

หลังจากเสวี่ยเจียเยว่เข้ามาในห้องของตัวเองแล้ว ความเสียใจพลันพรั่งพรูออกมา

เธอสั่นเทาไปทั้งร่างด้วยความหวาดกลัว ก่อนจะรู้สึกถึงความเย็น เมื่อก้มหน้าลงมองก็พบว่าร่างกายแทบจะเปลือยเปล่า เพราะเมื่อครู่ชุดของเธอถูกเสวี่ยหยวนจิ้งกระชากออกอย่างไร้มารยาทในห้องของเขา

เสวี่ยเจียเยว่รีบเดินไปเปิดตู้ใส่เสื้อผ้าหยิบชุดใหม่ออกมาสวม ขณะที่เธอสวมอยู่นั้นมือทั้งสองข้างยังคงสั่นเทาพร้อมน้ำตาไหลพราก คิดไม่ออกว่าเหตุใดเสวี่ยหยวนจิ้งถึงได้กระทำเช่นนี้กับเธอ ทั้งที่ก่อนหน้านี้ยังปฏิบัติกับเธออย่างอ่อนโยน ไม่ว่าเรื่องอันใดก็แล้วแต่เธอ ไม่เคยใช้ความรุนแรงบังคับขืนใจเช่นนี้

อันที่จริงแล้ว… อาจเป็นเพราะช่วงเวลาหลายปีที่ผ่านมานี้เสวี่ยหยวนจิ้งทำดีกับเธอมากเกินไป ดังนั้นเสวี่ยเจียเยว่จึงเริ่มไว้ใจเขาโดยไร้การป้องกันตัวเอง คิดเพียงว่าอีกฝ่ายเหมือนแมวเหมียวตัวน้อยที่ใจดีไร้พิษภัยมาโดยตลอด แต่ความจริงแล้วเนื้อแท้ของเขาเป็นเช่นนี้เองอย่างนั้นหรือ

คนย่อมมีพันหน้า เสวี่ยหยวนจิ้งที่เคยมอบความอบอุ่นให้เธอ จู่ๆ ก็เปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน แน่นอนว่าเสวี่ยเจียเยว่ไม่อาจทำใจยอมรับได้ชั่วขณะ ยิ่งคิดเท่าไรก็ยิ่งเสียใจมากเท่านั้น น้ำตายังคงไหลพรากออกมาไม่ขาดสาย

หลังจากสวมเสื้อผ้าและใช้ปิ่นปักผมเรียบร้อยแล้ว ความเสียใจของเธอก็ทวีขึ้นอีก ความรู้สึกที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นคือเธอไม่อาจทำใจอยู่ร่วมกับเสวี่ยหยวนจิ้งได้อีกต่อไป เสวี่ยเจียเยว่หยิบเงินจำนวนหนึ่งติดตัวเอาไว้ จากนั้นก็แง้มประตูออกอย่างเงียบๆ และมองดูด้านนอกอย่างระมัดระวัง

ประตูห้องของเสวี่ยหยวนจิ้งยังคงเปิดอ้าอยู่เช่นนั้น เขายังอยู่ในท่าเดิมเหมือนตอนที่เธอออกมา นั่นคือนั่งนิ่งๆ อยู่บนเตียงไม่ยอมขยับ ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่

เมื่อเห็นเช่นนั้น เสวี่ยเจียเยว่ก็เปิดประตูให้กว้างขึ้นอีกนิดแล้วแทรกตัวออกมา ก่อนจะย่องออกไปด้านนอกเบาๆ

ด้วยกลัวว่าจะถูกเสวี่ยหยวนจิ้งจับได้ เธอจึงนึกอยากจะกลายเป็นแมวจริงๆ เพราะเวลาที่แมวมันเดินมักไม่มีเสียง โชคดีที่ยามนี้ในใจของเสวี่ยหยวนจิ้งกำลังสับสน อีกทั้งเสวี่ยเจียเยว่ยังตั้งใจเดินให้เบาที่สุด ตอนที่เธอเดินออกไปถึงลานเรือนนั้น ชายหนุ่มจึงไม่สังเกตเห็นแม้แต่น้อย

เสวี่ยเจียเยว่ถอนหายใจอย่างโล่งอกขณะที่คิดว่า ขอเพียงเดินผ่านประตูกลาง เสวี่ยหยวนจิ้งก็ไม่อาจจับตัวเธอได้แล้ว แต่โชคร้ายที่ไม่ระวังจึงเตะหินก้อนเล็กๆ จนมันกลิ้งหลุนๆ ไปบนลานเรือน ทำให้ชายหนุ่มตื่นจากภวังค์ทันที

เธอรีบหันหน้าไปมองเขา และเห็นว่าเสวี่ยหยวนจิ้งกำลังเงยหน้ามองมาทางนี้พอดี

เสวี่ยเจียเยว่ตกใจเป็นอย่างมาก ขณะเดียวกันเธอก็เลิกสนใจการเดินย่องให้เบาที่สุด เปลี่ยนเป็นรีบวิ่งออกไปข้างนอกโดยไม่คำนึงถึงสิ่งใด

แต่เธอรู้ดีว่าตนไม่อาจวิ่งหนีพ้น หากชายหนุ่มเห็นว่าเธอกล้าหนีออกจากเรือนแล้วจับตัวไว้ได้ เสวี่ยเจียเยว่ก็กลัวว่าเขาจะทำเรื่องที่ทำค้างไว้เมื่อครู่ต่อ

เสวี่ยเจียเยว่ตกใจกลัวจนเหงื่อแตกพลั่กเต็มแผ่นหลัง ยามนี้ในหัวของเธอคิดเพียงว่าต้องหาที่หลบก่อน

ทันใดนั้นเธอก็เห็นรถม้าคันหนึ่งจอดอยู่ในตรอกแคบๆ คงเป็นของครอบครัวที่อาศัยอยู่ในเรือนตรงข้าม ทว่ารถม้าที่เคยเห็นก่อนหน้านี้ เป็นรถลากม้าที่เต็มไปด้วยกล่องไม้ แต่รถม้าคันนี้มีตัวรถที่มีหลังคาคลุม ตอนนี้ม่านสีฟ้าอ่อนยังปิดไว้ จึงมองไม่เห็นสิ่งที่อยู่ด้านใน

เพราะรู้ว่าเสวี่ยหยวนจิ้งจะตามมาทันที เสวี่ยเจียเยว่จึงไม่ได้ไตร่ตรอง เธอดึงปิ่นปักผมผีเสื้อตอมดอกไม้ออกมา แล้วโยนไปที่พื้นตรอกแคบๆ จากนั้นก็ยื่นมือไปเลิกม่านบนรถม้าขึ้น ก่อนจะปีนขึ้นไป และปล่อยม่านลงทันที

คิดไม่ถึงว่าจะมีคนนั่งอยู่ในรถม้าคันนี้ด้วย

คนผู้นั้นอาจกำลังหลับตาพักผ่อน หรือไม่ก็หลับจริงๆ แต่ตอนนี้เมื่อมีคนปีนขึ้นมาบนรถม้าของตน ตาที่หลับสนิทพลันเบิกกว้าง มองผู้บุกรุกอย่างไม่สบอารมณ์

แต่เมื่อเห็นว่าคนที่ขึ้นมาคือเสวี่ยเจียเยว่ คนผู้นั้นก็นิ่งอึ้งไปชั่วขณะ

เสวี่ยเจียเยว่เองก็ตะลึงงันเช่นเดียวกัน เพราะอีกฝ่ายคือตันหงอี้!