ตอนที่ 134 เย้าแหย่หนานกงจวิ้นซี (รีไรท์)

สตรีอย่างข้าน่ะหรือ คือขันที?!

เพราะรูปร่างเธอเดิมทีดีอย่างยิ่งอยู่แล้ว จากที่มองหน้าอกน่าจะประมาณคัพสามสิบหก

รอบอกนี้ ทำให้เธอที่กำลังเจริญเติบโต กระทั่งคัพสามสิบสองยังไม่ถึง ปวดใจอย่างมาก

เมื่อเห็นหน้าอก­ขนาดใหญ่ของเหนียนซูหลานตรงข้าม จึงก้มลงมองไม้กระดานที่เห็นว่ายังไม่เจริญเติบโตของตน เล่อเหยาเหยาอดเบ้ปากไม่ได้

และอิจฉาในใจอย่างยิ่ง

ไม้กระดานเช่นตน เมื่อใดถึงจะเติบโตขึ้นเหมือนกับเหนียนซูหลานกัน!

ดูแล้วหลังกลับไป เธอต้องกินมะลอกอบำรุงร่างกายหน่อยแล้ว!

ขณะที่เล่อเหยาเหยาคิดอย่างผิดหวังในใจ กลับไม่รู้ตัวว่าใบหน้าที่ประเดี๋ยวขมวดคิ้ว ประเดี๋ยวทำปากยื่น เปิดเผยความคิดในใจของตนทั้งหมดออกมาบนใบหน้า

ประจวบเหมาะกับตงฟางไป๋ที่นั่งอยู่ด้านข้างของเธอ เพราะจับตามองเธออยู่ตลอดเวลา เมื่อเห็นเล่อเหยาเหยามองไปที่หน้าอกของเหนียนซูหลาน ก่อนก้มมองหน้าอกของตน ก็เห็นชัดว่ากำลังคิดสิ่งใด

เห็นเช่นนั้น ตงฟางไป๋อดหัวเราะออกมาไม่ได้ จนน้ำชาที่เพิ่งดื่มเข้าไปถูกพ่นออกมาทั้งหมด

ตรงกันข้ามกับเขาคือ เหนียนซูหลานพอดี

เวลานั้น ร่างกายส่วนหนึ่งของเหนียนซูหลานแทบเกยอยู่บนแขนของเหลิ่งจวิ้นอวี๋

บางครั้งยังใช้หน้าอกขนาดใหญ่คัพสามสิบหกของตนเบียดแขนของเหลิ่งจวิ้นอวี๋อย่างตั้งใจและไม่ตั้งใจ

เพราะการกินและการชื่นชอบของสวยงาม คือสิ่งที่อยู่ในสันดานของมนุษย์!

ผู้ชายนั้น มีผู้ใดที่ไม่ชื่นชอบหน้าอกขนาดใหญ่!

เหนียนซูหลานจึงใช้ข้อได้เปรียบที่ตนถนัด และคิดว่าแม้เหลิ่งจวิ้นอวี๋จะนิ่งเงียบมาตลอด แต่ความจริงเขากำลังมีความสุขเมื่อเธอโอบกอด

ทว่ากลับไม่รู้ตัวเลยว่า ความจริงทุกครั้งที่เธอใช้หน้าอกขนาดใหญ่บดเบียดแขนของเหลิ่งจวิ้นอวี๋นั้น แววตาเย็นชาของเหลิ่งจวิ้นอวี๋ต่างปรากฏความรังเกียจขึ้นมา ทันใดนั้น เขาก็เอนตัวไปด้านหลัง พยายามรักษาระยะห่างจากเหนียนซูหลาน

สำหรับการกระทำของเหลิ่งจวิ้นอวี๋ เหนียนซูหลานคิดเพียงว่าเขากำลังขวยเขิน จึงดีใจมากยิ่งขึ้น

คิดไม่ถึง ทันใดนั้นตงฟางไป๋พลันหัวเราะขึ้นมา ก่อนที่น้ำชาร้อนนั้นจะถูกพ่นมาที่ใบหน้าของเธอ

เหนียนซูหลานพลันกรีดร้องขึ้น ก่อนกระโดดลุกขึ้นจากเก้าอี้

เสียงกรีดร้องบาดหูนั้น กลางดึกเช่นนี้จึงดังกังวานเป็นพิเศษ

เห็นชัดว่าเสียงกรีดร้องของเหนียนซูหลานนั้น ทำให้ทุกคนบนดาดฟ้าเรือตกตะลึง

แต่เหนียนซูหลานเวลานี้เอาแต่กรีดร้อง แต่ว่านี้ไม่ใช่เพราะไร้เหตุผล

เพราะน้ำชาที่ตงฟางไป๋พ่นใส่ใบหน้าเธอ เครื่องประทินโฉมบนใบหน้าเธอ หลังโดนน้ำพลันละลายน้ำทันที

ผู้หญิงรักสวยรักงาม ทุกวันก่อนออกจากบ้านต้องแต่งตัวประทินโฉม ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงเมื่ออยู่กับชายหนุ่มที่ตนรัก

ดังนั้น วันนี้ก่อนออกจากบ้าน เหนียนซูหลานจึงทาแป้งบนใบหน้าค่อนข้างหนา คิ้วก็วาดออกมาอย่างประณีตกว่าหนึ่งชั่วยาม

เพื่อให้รูปโฉมด้านที่สวยงามของตน สามารถปรากฏต่อหน้าชายหนุ่มที่ตนชื่นชอบ ทำให้ชายหนุ่มที่ตนรักคลั่งไคล้ตน

วันนี้เหนียนซูหลานคิดว่าตนแสดงออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม คิดไม่ถึง สุดท้ายกลับเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น

เธอเวลานี้ตื่นตระหนกไม่หยุด จนอดเงยหน้าเบิกตามองตงฟางไป๋ที่อยู่ตรงข้ามไม่ได้

ตงฟางไป๋รู้ตัวว่าเมื่อครู่ตนเสียมารยาท บนใบหน้าหล่อเหลาปรากฎความเสียใจอย่างมากที่สุดจะบรรยายได้ขึ้นมา

“แม่นางเหนียน ข้าขออภัยด้วย ข้า…ข้ามิได้ตั้งใจ”

ตงฟางไป๋เอ่ยขอโทษเหนียนซูหลาน

สำหรับคำพูดของตงฟางไป๋ แม้จะรู้ว่าเขาไม่ได้ตั้งใจ แต่ในใจเหนียนซูหลานยังคงโมโหเช่นเดิม

หลังเสียงกรีดร้องหายไป เหนียนซูหลานจึงรู้สึกตัวว่าตนได้เสียมารยาทต่อหน้าชายหนุ่มที่ตนรัก

และรู้ว่าตงฟางไป๋คือสหายที่ดีของเหลิ่งจวิ้นอวี๋ หลังคิดถึงเรื่องนี้ เหนียนซูหลานจึงตั้งสติ จากนั้นก็ฉีกมุมปากปรากฏรอยยิ้มมั่นใจสง่างามออกมา ก่อนเอ่ยว่า

“ไม่…ไม่เป็นไร ข้าขอตัวไปจัดการตัวเองก่อน พวกท่านดื่มต่อกันเถิด”

เหนียนซูหลานเอ่ยจบ ก็ไม่กล้ามองเหลิ่งจวิ้นอวี๋แม้แต่แวบเดียว

เพราะเธอรู้สึกเพียงใบหน้าตนเปียกชื้น เครื่องประทินโฉมของตนต้องละลายน้ำเป็นแน่

เธอย่อมต้องไม่ให้ท่าทางตื่นตะหนกของตนถูกชายหนุ่มที่หมายปองเห็นเข้าแน่ ดังนั้นจึงรีบพุ่งตัวเข้าไปภายในเรือ

เพราะการจากไปของเธอ บนดาดฟ้าจึงพลันเงียบงัน

ทุกคนต่างไม่พูดจา ส่วนตงฟางไป๋ยังคงรู้สึกไม่สบายใจ

เหลิ่งจวิ้นอวี๋ที่อยู่ด้านข้างเห็นเช่นนั้น ในที่สุดก็ทำลายความเงียบลง เอ่ยกับตงฟางไป๋ว่า

“เรื่องนี้ไม่ได้ใหญ่โต เจ้าไม่ต้องโทษตนเองหรอก”

“เฮ้อ เมื่อครู่ข้าเสียมารยาทแล้ว”

แม้เหลิ่งจวิ้นอวี๋จะเอ่ยเช่นนี้ ทว่าตงฟางไป๋ยังรู้สึกผิดและอึดอัดใจ

หนานกงจวิ้นซีที่อยู่ด้านข้างเห็นเช่นนั้น ก็อดเอ่ยปากถามขึ้นไม่ได้

“ไป๋ ปกติท่านไม่ลืมตัวเช่นนี้ เมื่อครู่เกิดอันใดขึ้น เล่ามาสิ”

“เอ่อ เรื่องนี้”

เมื่อได้ยินคำพูดของหนานกงจวิ้นซี ตงฟางไป๋นึกถึงเรื่องเมื่อครู่อีกครั้ง ก่อนพลันรู้สึกน่าขัน แต่เรื่องนี้เขาจะเอ่ยปากออกไปเช่นไรดี

สำหรับความตะกุกตะกักของตงฟางไป๋ เล่อเหยาเหยาที่อยู่ข้างกายเขาก็แปลกใจเช่นกัน

ดังนั้น จึงกระพริบดวงตาคู่งามที่เต็มไปด้วยความแปลกใจ มองไปยังตงฟางไป๋

ทว่าตงฟางไป๋เพียงยิ้ม กลับไม่เอ่ยสิ่งใดออกมา แต่ว่าใบหน้าหล่อเหลานั้นกลับแดงก่ำ ท่ามกลางการมองอย่างสงสัยของเล่อเหยาเหยา

สำหรับท่าทางผิดปกติของตงฟางไป๋ เล่อเหยาเหยาไม่รู้ตัวว่าเหลิ่งจวิ้นอวี๋ที่นั่งตรงข้ามกับพวกเขาเห็นเช่นนั้น อดเลิกคิ้วงามน่ามอง ดวงตาอดเป็นประกายไม่ได้

ไม่นาน หลังจัดการตัวเองเสร็จเหนียนซูหลานก็กลับมา

เห็นชัดว่าเหนียนซูหลานผ่านการประทินโฉมมาอีกรอบ

บนใบหน้าที่ประทินโฉมก็จัดการอย่างสมบูรณ์แบบ มองไม่ออกถึงท่าทางตื่นตะหนกเมื่อครู่

แต่เพราะเรื่องเมื่อครู่ หลังจากเหนียนซูหลานกลับมา บนดาดฟ้าเรือจึงเงียบสงัด ทำให้บรรยากาศดูอึดอัด

เล่อเหยาเหยาที่อยู่ด้านข้างเห็นเช่นนั้น เพื่อทำลายความเงียบงันนี้ ดังนั้นจึงขบคิด และพลันคล้ายฉุกคิดบางอย่างขึ้นได้ ดวงตาจึงเป็นประกาย ริมฝีปากแดงฉีกขึ้น เอ่ยพลางยิ้มแย้มขึ้นว่า

“เช่นนั้นพวกเรามาเล่นเกมทายปริศนาคำกันดีหรือไม่”

“ปริศนาคำหรือ ได้สิ”

รู้ว่าเล่อเหยาเหยาต้องการทำลายความเงียบ ดังนั้น ทุกคนจึงย่อมเห็นด้วย

หนานกงจวิ้นซีจึงเอ่ยด้วยสีหน้าตื่นเต้นว่า

“เช่นนั้นผู้ใดเป็นคนเริ่ม”

หนานกงจวิ้นซีเอ่ยจบ ทุกคนต่างมองหน้ากัน พลันได้ยินเล่อเหยาเหยาเอ่ยขึ้น

“เช่นนั้นข้าเริ่มก่อน”

เล่อเหยาเหยาเอ่ยจบ เห็นทุกคนไม่มีความเห็น ดังนั้นจึงขบคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนเอ่ยขึ้นว่า

“มีหมูหนึ่งตัวและลาหนึ่งตัว เจ้าของต้องการสังหารหนึ่งตัว พวกท่านคิดว่าตัวใดจะต้องตายก่อน”

เล่อเหยาเหยาเอ่ยออกไป ทุกคนต่างมึนงง

เพราะปริศนาคำเช่นนี้ พวกเขายังไม่เคยได้ยินมาก่อน

“เจ้าหมูน้อย เจ้าพูดปริศนาคำอันใด เหตุใดหัวข้อถึงแปลกประหลาดเช่นนี้”

หนานกงจวิ้นซีเอ่ยปากขึ้นเป็นคนแรก

เห็นเพียงเขาถลึงตาแพรวพราวน่ามองนั้น มองมายังเล่อเหยาเหยาอย่างไม่เข้าใจ ก่อนเอ่ยขึ้น

เล่อเหยาเหยาได้ยินคำพูดของเขา เพียงชำเลืองเขาแวบหนึ่ง ก่อนเอ่ยว่า

“แปลกอันใดหรือ ท่านเดาคำตอบไม่ได้จึงเอ่ยเช่นนี้ใช่หรือไม่”

“เอ่อ”

เมื่อถูกเล่อเหยาเหยาเอ่ยเปิดโปงเช่นนี้ หนานกงจวิ้นซีมีสีหน้าขวยเขิน ทว่าหากพูดตามความจริง เขายังคาดเดาไม่ออกจริงๆ

เล่อเหยาเหยาเห็นเช่นนั้น อดรู้สึกขบขันไม่ได้ จึงไม่สนใจเขาอีก ดวงตาคู่งามกวาดมองไปมาครู่หนึ่ง ก่อนมองพวกเหลิ่งจวิ้นอวี๋และตงฟางไป๋แล้วเอ่ยถามว่า

“พวกท่านล่ะ รู้คำตอบหรือไม่”

“ฮ่าๆๆ”

สำหรับคำถามของเล่อเหยาเหยา ตงฟางไป๋เอาแต่ยิ้ม ทว่าดวงตาดำขลับเปี่ยมด้วยความฉลาด กลับเป็นประกาย เห็นชัดว่าเขารู้คำตอบแล้ว แต่กลับไม่เอ่ยปากออกมา

เห็นเช่นนั้น เล่อเหยาเหยายิ้มมุมปาก พลันมองไปยังเหลิ่งจวิ้นอวี๋ที่อยู่ตรงข้าม

เห็นเพียงเวลานี้เหลิ่งจวิ้นอวี๋ยังคงนิ่งเงียบเช่นเดิม

ร่างกายสูงตระหง่านนั่งอยู่ตรงนั้น โดยไม่สะทกสะท้าน หากคนที่ไม่รู้ ยังคิดว่าเขาคือรูปแกะสลักหิน

หลังรับรู้ถึงสายตาของเล่อเหยาเหยา ดวงตาเย็นชาแคบยาวคู่นั้น อดเงยขึ้นไม่ได้ สบกับดวงตาคู่งามสดใสของขันที่น้อยนั้น

หลังสัมผัสถึงสายตาของเหลิ่งจวิ้นอวี๋ เล่อเหยาเหยาอดตกใจไม่ได้

หัวใจเต้น ‘ตึกตัก’ อย่างเร็วระรัว

เหตุใดพญายมจึงใช้สายตาเช่นนี้มองเธอ

เล่อเหยาเหยาระแวงในใจ พลันหลุบสายตาที่มองเหลิ่งจวิ้นอวี๋ลง จากนั้นก็หันไปมองที่ตงฟางไป๋

“เป็นอันใดหรือ ยังเดาไม่ได้ใช่หรือไม่ หากเดาไม่ได้ ข้าจะเฉลยคำตอบแล้วนะ”

“ฮึฮึ ผู้ใดว่าข้าเดาไม่ออกกัน คำถามง่ายดายเช่นนี้ ข้ามิใช่คนโง่”

สำหรับคำเหยียดหยามของเล่อเหยาเหยา หนานกงจวิ้นซีโมโหอย่างหนัก พลันเอ่ยปากโพล่งขึ้นมาโดยไม่คิด

“แน่นอนว่าต้องเป็นหมู”

เมื่อได้ยินหนานกงจวิ้นซีเอ่ยด้วยสีหน้ามั่นใจ เล่อเหยาเหยายิ้มมุมปาก พลันเอ่ยอย่างใจเย็นขึ้นว่า

“ลาก็คิดเช่นนี้เหมือนกัน”

“เอ่อ”

เมื่อได้ยินคำพูดของเล่อเหยาเหยา หนานกงจวิ้นซีมีสีหน้ามึนงง พลันรีบเอ่ยขึ้น

“มิใช่ ข้าพูดผิดไป เป็นลา”

“ลาก็คิดเช่นนี้เหมือนกัน”

สำหรับคำตอบของหนานกงจวิ้นซี เล่อเหยาเหยาเอ่ยปากขึ้นอีกครั้ง

หลังจากหนานกงจวิ้นซีค่อยๆ ขบคิดอยู่ในใจ ในที่สุดเวลานี้เขาพลันนึกถึงบางสิ่งขึ้นมา จึงถลึงดวงตาดอกท้อน่ามองคู่นั้นขึ้น ด้วยสีหน้าสับสน

“เจ้าหมูน้อยน่าตาย เจ้าด่าคนทางอ้อมอยู่ใช่หรือไม่”

“ฮ่าๆๆ ท่านเพิ่งทราบหรือ ข้ายังคิดว่าท่านจะฉลาดกว่านี้เสียอีก”

เมื่อเห็นท่าทางโมโหเพราะอับอายของหนานกงจวิ้นซี เล่อเหยาเหยากลับยิ้มอย่างชวนหลงใหล

ตงฟางไป๋ที่อยู่ด้านข้างเห็นเช่นนั้น อดส่ายหน้าไม่ได้ ก่อนเอ่ยกับเล่อเหยาเหยาว่า

“เจ้าช่างซุกซนเสียจริง”

น้ำเสียงของตงฟางไป๋แฝงด้วยความจนใจ แต่สายตาที่มองเล่อเหยาเหยากลับอ่อนโยนดุจกระแสน้ำ และรักใคร่เอ็นดู

กระทั่งเหลิ่งจวิ้นอวี๋ที่นั่งอยู่ตรงข้ามกับเล่อเหยาเหยา เมื่อเห็นเล่อเหยาเหยาตั้งใจเหย้าแย่หนานกงจวิ้นซี สีหน้าดูลำพองใจ แววตาแฝงความเจ้าเล่ห์ ดูแล้วคล้ายกับจิ้งจอกน้อยที่เพิ่งขโมยกินไก่ของชาวนาที่น่ารักอย่างยิ่ง!

เห็นเช่นนั้น ดวงตาเย็นชาที่เดิมทีไร้ความรู้สึก พลันปรากฎรอยยิ้มขึ้นภายใน

มุมปากก็ค่อยๆ ปรากฎรอยยิ้ม

แม้รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาจะไม่ชัดเจน แต่ยังถูกเหนียนซูหลานที่นั่งอยู่ด้านข้างเห็นภาพนั้นเข้า ดวงตาคู่งามที่แต่งแต้มอย่างประณีต เบิกกว้างขึ้นเล็กน้อย

…………………………………..