ตอนที่ 600 เบื้องหลังกับสารภาพ

แผนรักสยบใจบอสสาวตัวร้าย

“นำเข้าจากประเทศ ญป?” เมื่อกี้เสี่ยวเชี่ยนมัวแต่มองหาผ้าให้เขาเช็ดเพราะกลัวเขาจะเป็นหวัด ผ้าขนหนูที่เธอเอามาเธอใช้ตอนอาบน้ำไปแล้ว เลยไปซื้อมาใหม่จากป้าเจ้าของ

 

 

“นั่นสินะ ตอนใช้ผมว่ามันซับน้ำดีมากก็เลยหยิบมาดู คุณดูที่แถบฉลากสิ มีภาษาญี่ปุ่นอยู่ไม่ใช่เหรอ?” อวี๋หมิงหลางหยิบฉลากยื่นให้เสี่ยวเชี่ยนดู

 

 

จริงด้วย นุ่มมากอีกทั้งยังซับน้ำดี

 

 

“ถึงผมจะค่อนข้างมีความคิดชาตินิยม ไม่ชอบใช้ของจากประเทศที่มีปัญหาเรื่องประวัติศาสตร์อันโหดร้าย แต่ของสิ่งนี้มันเจ๋งจริงๆ ผมจะไม่ตำหนิเรื่องที่คุณซื้อของนอกมาใช้ก็แล้วกัน แต่ห้ามมีอีก”

 

 

อวี๋หมิงหลางจงใจพูดแบบนั้น เขารู้ว่าด้วยนิสัยของเสี่ยวเชี่ยนพอเขาพูดจบเธอก็จะเล่นงานกลับ ต่อต้านผู้ชายที่เอาความคิดตัวเองเป็นใหญ่ จากนั้นก็จะลงไม้ลงมือกับเขาแล้วก็ลืมเรื่องโรคหวาดกลัวการแต่งงานซะ

 

 

แต่นึกไม่ถึงว่าเสี่ยวเชี่ยนกลับขมวดคิ้ว หยิบผ้าขนหนูมาพลิกดูไปมา

 

 

“มีอะไรเหรอ?”

 

 

“ฉันซื้อมาจากป้าเจ้าของนะ ราคาห้าหยวน”

 

 

“จากป้าเจ้าของเหรอ?” อวี๋หมิงหลางเองก็รู้สึกแปลกใจ สถานที่ห่างไกลที่ปีนึงแทบไม่มีคนมาพักแบบนี้ ทำไมถึงมีของแบบนี้ได้?

 

 

“นั่นสิ เมื่อกี้ฉันรีบก็เลยซื้อโดยไม่ได้ดู พอนายพูดฉันก็เลยคิดได้ เป็นยี่ห้อไป๋หยุนที่ดังๆจริงๆด้วย เป็นของแบรนด์ที่ดีมากของประเทศนี้ ผ้าขนหนูแบบนี้ผู้หญิงกับเด็กใช้ดีสุดๆ ไม่มีสารเรืองแสง ไม่ดูดซับสารฟอกขาว แต่ราคาแพง ซื้อตอนนี้ก็น่าจะราคา20-30ได้”

 

 

เมื่อก่อนที่เธอเลี้ยงเสี่ยวเหวย ต่อให้ฐานะทางการเงินไม่ดีก็ยังซื้อของแบบนี้ใช้

 

 

“คุณพูดแบบนี้ผมยิ่งไม่อยากฟังละ ของที่ประเทศหมู่เกาะผลิตต่อให้เป็นผ้าขนหนูคุณภาพเลิศเลอแค่ไหนจะให้มองว่าสวยเหมือนดอกไม้เหรอ? ทำไมใช้ของในบ้านเราไม่ได้เหรอ มีเงินหน่อยเลยไม่อยากใช้ของที่บ้านเราผลิตแล้ว? ความคิดเข้าข้างพวกนายทุนแบบคุณควรปรับเปลี่ยนซะนะ เด็กในครอบครัวผมใช้ผ้าขนหนูของทหารทั้งนั้น แล้วมีใครใช้แล้วหน้าตาแย่หรือเปล่า?”

 

 

เสี่ยวเชี่ยนถลึงตามองเขา คุณภาพของใช้ทหารเทียบกับของนอกได้เหรอ?

 

 

อวี๋หมิงหลางตีตัวเอง “ผมหมายถึง การดูดรับเอาความก้าวหน้าในการผลิตสินค้าของต่างประเทศใช่ว่าจะทำไม่ได้—ไม่ถูกสิ ประเด็นที่เราคุยกันมันไม่ใช่เรื่องนี้ ประเด็นสำคัญมันอยู่ที่—”

 

 

“ทำไมป้าถึงมีของสิ่งนี้?”

 

 

ทั้งสองคนพูดพร้อมกัน

 

 

อวี๋หมิงหลางกับเสี่ยวเชี่ยนมองหน้ากัน จากนั้นเสี่ยวเชี่ยนก็ลุกขึ้นยืน

 

 

“นายรอฉันอยู่นี่ ฉันจะไปถาม”

 

 

รีสอร์ทสไตล์เรือนสี่ประสานนี้ สร้างโดยรัฐบาลเป็นผู้กำหนดแบบให้เหมือนๆกันทั้งหมด พวกเสี่ยวเชี่ยนพักอยู่ในเรือนของแขกแยกออกมาต่างหาก ครอบครัวเจ้าของพักอยู่ฝั่งตรงข้าม ส่วนเรือนหลักกลางคืนจะเว้นว่างไว้ ตอนกลางวันใช้สำหรับให้คนรับประทานอาหาร

 

 

ตอนเสี่ยวเชี่ยนเดินไปเห็นป้าเจ้าของนั่งล้างเท้าบนเก้าอี้ตัวเล็กอยู่ตรงด้านนอกพอดี

 

 

“ยัยหนู ทำไมยังไม่นอนอีกล่ะ?”

 

 

“คืออย่างนี้นะคะ หนูเพิ่งเห็นว่าผ้าขนหนูของป้ามันดีมาก หนูเลยอยากซื้อไปฝากแม่สักผืนน่ะค่ะ ขายให้ได้ไหมคะ?”

 

 

“เอ้อ รอเดี๋ยวนะ ตาแก่ เอาผ้าขนหนูออกมาอีก” พอได้ยินว่าจะมาซื้อของ ป้าเจ้าของที่กำลังล้างเท้าอยู่ก็ยิ้มหน้าบานทันที

 

 

ไม่นานลุงเจ้าของก็หยิบผ้าขนหนูที่ยังไม่ได้แกะห่อออกมา

 

 

“ป้าคะ ผ้าขนหนูนี่ใช้ดีมากเลยค่ะ ขายห้าหยวนไม่ขาดทุนเหรอคะ?” เสี่ยวเชี่ยนหยิบผ้าขนหนูพลางแกล้งถาม

 

 

“ไม่ขาดทุนๆ ของพวกนี้จือหมิงเอากลับมาตอนที่ไปซื้อของเข้าร้าน ลุงเห็นในใบรายการไม่ได้เขียนไว้เลยคิดว่าคงซื้อของแล้วได้แถมมา—” ลุงเจ้าของพูดยังไม่ทันจบก็ถูกป้าขัดจังหวะ

 

 

“เข้าไปดูแมวในบ้านเลยว่ากลับมาหรือยัง มัวแต่พูดมากอยู่นั่น ผ้าขนหนูของแถมมีเหรอจะคุณภาพดีแบบนี้? ยัยหนูอย่าไปเชื่อนะ นี่เป็นของที่พวกเราสั่งมา มีต้นทุน ของไม่มีต้นทุนพวกเราก็ให้หนูฟรีๆแล้ว จะกล้าเก็บเงินได้ยังไง”

 

 

“เข้าใจแล้วค่ะ ขอบคุณนะคะ”

 

 

เสี่ยวเชี่ยนหันตัวเดินกลับห้อง

 

 

ป้าเจ้าของรีบล้างเท้าแล้วเดินเข้าห้องด้วยความโมโห จากนั้นก็พูดกระซิบ “สมองไปตกหลังลากระแทกพื้นมาหรือไง มีที่ไหนขายของแบบนี้ ให้คนอื่นรู้ว่าเป็นของแถมแล้วเขาจะอยากซื้อเหรอ”

 

 

“เดิมก็บังเอิญได้มาฟรีอยู่แล้ว…แกไปหมีคนได้ยังไง?”

 

 

หมี=หลอก ภาษาถิ่นของคนบ้านนอก

 

 

“ไม่หมีแล้วจะเอาอะไรกิน?”

 

 

ลุงพอถูกป้าด่าก็โกรธมากหาที่ระบายไม่ได้ เก็บความโกรธเดินเข้าห้องลูกชาย พอเห็นลูกชายยังไม่นอนกำลังกอดตะกร้าเล่นกับงูในนั้นจึงเข้าไปเตะด้วยความโมโห

 

 

“ทำอะไรก็ไม่ได้เรื่อง วันๆรู้จักแต่กิน สอบเข้ามหาลัยก็ไม่ได้ ทำการค้าก็ไม่เป็น ถ้าพี่เอ็งยังอยู่มีเหรอจะทำตัวไร้ค่าแบบนี้ พรุ่งนี้เอาไอ้หนอนยักษ์ที่เอ็งเลี้ยงไปทิ้งเลยนะ ดวงเศรษฐีของบ้านถูกไอ้หนอนยักษ์นี่ไล่ไปหมดแล้ว ถุย”

 

 

บ้านแบบนี้ไม่เก็บเสียงเท่าไร เสี่ยวเชี่ยนเข้าห้องไปแล้วยังได้ยินเสียงลุงด่าลูกชาย เธอทำหน้านิ่ว

 

 

“มีอะไรเหรอ?” อวี๋หมิงหลางถามเสี่ยวเชี่ยน

 

 

“ฉันถือที่สุดการเลี้ยงลูกแบบลุงคนนี้ เอาลูกคนหนึ่งเปรียบเทียบกับอีกคน แบบนั้นมันสร้างรอยแผลให้กับเด็กเป็นอย่างมาก อีกหน่อยพวกเราอย่าเลี้ยงลูกแบบนี้นะ เด็กทุกคนมีความพิเศษในตัวเอง เอามาเปรียบกันไม่ได้”

 

 

อวี๋หมิงหลางพูดในใจ ผมน่ะอยากมีลูกกับคุณ แต่ก่อนอื่นช่วยแต่งงานกันก่อนได้ไหม

 

 

หัวข้อสนทนาเรื่องต้องงานตอนนี้อยู่ในโซนระเบิด เขาแค่กกล้าคิดเท่านั้น รีบเปลี่ยนไปคุยเรื่องผ้าขนหนู

 

 

“ถามรู้เรื่องยัง?”

 

 

“ดูท่าจะได้แถมมาตอนไปซื้อสินค้าเข้าร้าน ป้าไม่ยอมพูดความจริง แต่ฉันดูออก” ใช่ว่าเสี่ยวเชี่ยนจะเป็นคนที่มองเรื่องราวไม่ออก สายตาหลุกหลิกของป้าปิดบังเธอไม่ได้อยู่แล้ว

 

 

“สินค้าแบบไหนกันแถมของแบบนี้…” เซ้นส์ที่แสนแม่นยำของอวี๋หมิงหลางทำงานอีกแล้ว เขามีความรู้สึกว่าเบื้องหลังของผ้าขนหนูนี้ไม่ธรรมดา

 

 

แต่เวลานี้เขาไม่ได้คิดอะไรมาก แค่ให้เสี่ยวเชี่ยนเก็บผ้าขนหนูไว้ เขากะว่ากลับไปจะเอาไปถามคนอื่นดู

 

 

อวี๋หมิงหลางจดจำรายละเอียดเหล่านี้เอาไว้ในใจ อันที่จริงหลายครั้งเขาไม่ได้ตั้งใจจะสงสัยเรื่องราวอะไรเป็นพิเศษ เพียงแต่ว่าบางสิ่งที่เขาเริ่มตั้งข้อสงสัย สมองก็จะจดจำข้อมูลเหล่านั้นเอาไว้ ซึ่งนี่ก็เป็นพฤติกรรมที่เกิดจากจิตใต้สำนึกของเขา ตอนที่จะใช้ข้อมูลเหล่านี้ สมองก็จะประมวลผลดึงข้อมูลสำคัญออกมาให้อย่างทันท่วงที ซึ่งบางครั้งก็ได้ผลที่น่าตกใจ

 

 

ผลงานต่างๆที่ผ่านมาของเขาบางครั้งใช้เซ้นส์เพียงน้อยนิดก็พบเจอปัญหา ครั้งนี้เองก็เช่นกัน ซึ่งนี่คือเรื่องในภายหลัง

 

 

ตอนทะเลาะกันเป็นเรื่องใหญ่โต พอคืนดีกันก็นอนกอดกันอีกหนึ่งคืน พอฟ้าสว่างเสี่ยวเชี่ยนกับอวี๋หมิงหลางก็คืนดีกันดังเดิม

 

 

ถึงเขาจะถอดใจเรื่องใช้สถานการณ์จริงรักษาโรคหวาดกลัวการแต่งงานของเธอไปแล้ว แต่ในเมื่อมาแล้วก็ต้องเที่ยวที่นี่สักหน่อยค่อยกลับ เสี่ยวเชี่ยนตั้งกฎกับเขา ห้ามพาเดินอ้อมอีก แล้วก็ห้ามทำให้เธอโมโหอีก

 

 

ทั้งสองคนเดินไปที่ลำธาร คำพูดที่อวี๋หมิงหลางเก็บมาตลอดคืนในที่สุดเขาก็ถามออกมา

 

 

“ลูกเชี่ยน คุณให้อภัยผมแล้วเหรอ?”

 

 

“อืม”

 

 

“ทำไมล่ะ?” เขารู้สึกว่านิสัยของลูกเชี่ยนเป็นคนที่มีแค้นต้องชำระ ให้อภัยเขาง่ายๆแบบนี้ดูไม่ใช่สไตล์เธอเลยจริงๆ

 

 

“ความรักก็เหมือนกับเม็ดทรายในมือ ยิ่งคาดหวังก็ยิ่งผิดหวัง แล้วจะยิ่งปล่อยวางไม่ได้ ฉันเคยเห็นผู้หญิงที่หย่าร้างมามาก ปัญหาเรื่องการนอกใจ การใช้กำลังในครอบครัว รวมถึงเรื่องทรัพย์สมบัติ จริงๆแล้วมันเป็นเพียงเพราะอีกฝ่ายทำไม่ได้ดั่งใจหวังก็เลยต้องหย่า แล้วจะเอาอะไรมารับประกันว่าเราจะเจอคนที่พอดีกับตัวเรา? สำหรับผู้ชายแบบนายฉันตั้งความหวังไว้ต่ำ ไม่ทรมานนายอีกทั้งยังได้ปล่อยวาง เพราะว่า…”

 

 

เธอจะไปหาผู้ชายที่ ‘ติงต๊อง’ แบบเขาได้จากไหนอีก?”

 

 

ขณะที่อวี๋หมิงหลางกำลังจะถามต่อ ทันใดนั้นก็มีเสียงแปลกๆดังมาจากด้านบนลำธาร อวี๋หมิงหลางจึงต้องหยุดการสนทนากับเสี่ยวเชี่ยนแล้วรีบวิ่งไปด้านนั้น