บทที่ 48.1 ได้โปรดปล่อยข้าไปเถิด (1)

Heavenly Jewel Change : มณีสวรรค์ผันชะตา

จ้าวมณีทุกคนย่อมรู้ถึงความสำคัญของอาจารย์ศาสตรามณียุทธ์ ยิ่งไปกว่านั้นโจวเหว่ยชิงยังมอบเงิน 450,000 เหรียญทองให้เพื่อนร่วมห้องไปเพื่อใช้กักเก็บทักษะ เขาใช้เงินนั้น “ซื้อ” ชื่อเสียงของเขา รวมไปถึงคำพูดที่สร้างแรงบันดาลใจอย่าง ‘การทำตัวเป็นมนุษย์และการมีกระดูกสันหลัง’ นั่นทำให้เขาได้รับการยอมรับจากเพื่อนร่วมชั้นทุกคนทันที แผน การขั้นต่อไปคือการทำให้ตัวเองมีความสำคัญกับพวกเขาอย่างต่อเนื่องตลอด 2-3 ปีข้างหน้า ทำให้เพื่อนร่วมห้องทุกคนรู้สึกว่าต้องพึ่งพาเขา เวลา 4 ปีนั้นเป็นเวลาที่ยาวนานและเขาก็มั่นใจว่าเพื่อนเหล่านี้จะเห็นเขาเป็นผู้นำในที่สุด

ตอนนี้อาณาจักรเกาทัณฑ์สวรรค์อ่อนแอเกินไป หลังจากได้เห็นอำนาจที่แท้จริงของอาณาจักรเฟยหลี่ โจวเหว่ยชิงก็มองเห็นความแตกต่างระหว่างทั้ง 2 อาณาจักรและรับรู้ว่าอาณาจักรของเขาอ่อนแอเพียงใด เพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้กับอาณาจักรของเขาอย่างช้าๆ สิ่งแรกที่ต้องทำคือการชักชวนผู้มีความสามารถมาเข้าร่วมให้มากขึ้น ก็เหมือนกับที่ทุกคนรู้ มีจ้าวมณีทั้งหมดกี่คนในอาณาจักรเกาทัณฑ์สวรรค์กันล่ะ? นอกจากนี้สามัญชนเหล่าที่สามารถสอบเข้าโรงเรียนทหารเฟยหลี่ได้ล้วนมีความสามารถที่ยอดเยี่ยมพร้อมกับทักษะเฉพาะตัวที่หลากหลาย…ไม่ใช่แค่ในแง่ของพลังมณี แต่ยังรวมถึงความสามารถทางทหารด้วย! หากโจวเหว่ยชิงสามารถนำพวกเขามาใช้งานได้ นั่นจะเป็นก้าวแรกที่สำคัญในการสร้างความแข็งแกร่งให้กับอาณาจักรเกาทัณฑ์สวรรค์ของเขา

โจวเหว่ยชิงเชื่อว่าบิดาของเขาก็เคยคิดแบบนี้มาก่อนเช่นกัน อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าบิดาของเขาจะมีพลังแข็งแกร่งมากแค่ไหน แต่เขาก็ไม่มีสิ่งจำเป็นที่สามารถดึงดูดให้จ้าวมณีคนอื่นๆ ติดตามเขา อย่างไรก็ตาม กรณีของโจว เหว่ยชิงนั้นแตกต่างออกไป เขามีสถานะเป็นถึงอาจารย์ศาสตรามณียุทธ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อฮูเหยียนเอ้าป๋ออาจารย์ของเขาได้รับการยอมรับในฐานะอาจารย์ศาสตรามณียุทธ์ผู้เป็นอัจฉริยะอย่างแท้จริง ด้วยสถานะเช่นนี้ โจวเหว่ยชิงเชื่อว่าตนสามารถดึงดูดผู้มีความสามารถให้ติดตามเขาได้ ในโรงเรียนเช่นโรงเรียนทหารเฟยหลี่มีบุคคลที่เพียบพร้อมไปด้วยพรสวรรค์มากมาย อีกทั้งคนเหล่านี้ยังมีความสามารถที่แตกต่างกันหลายๆ แขนง หากเขาเพียงแค่ตั้งใจร่ำเรียนอย่างเดียวตลอด 4 ปี นั่นก็คงจะเป็นการเสียเวลาไปโดยเปล่าประโยชน์มากทีเดียว ท้ายที่สุดแล้วไม่ว่าจะมีพลังแข็งแกร่งมากขนาดไหนคนผู้หนึ่งก็ย่อมก็มีขีดจำกัดของตัวเอง เช่นเดียวกับแม่ทัพโจว ในฐานะจ้าวมณีสวรรค์ระดับระดับเทวะขั้นกลางที่ทรงพลังและขุนศึกที่มีพรสวรรค์ผู้หนึ่ง เขาก็ยังไม่อาจเปลี่ยนความจริงที่ว่าอาณาจักรเกาทัณฑ์สวรรค์กำลังมีปัญหาใหญ่และกองทัพของเขาก็แทบจะไม่สามารถต้านทานกองกำลังของศัตรูไว้ได้ง่ายๆ

หลังจากถูกหมิงฮัวคุกคาม เป็นเพราะแผนการอันยิ่งใหญ่และความทะเยอทะยานที่เขามีอยู่ในใจนั่นเองที่จุดประกายสัญชาตญาณการกระหายเลือดขึ้นมา ไม่ว่าจะแผนการณ์ใดๆ ก็มักเจอปัญหาเช่นนี้ ต้องประสบกับการเปลี่ยน แปลงแบบกะทันหันมากมายนับไม่ถ้วนจากสิ่งรอบตัว สิ่งที่เขาต้องทำคือ…จัดการกับสิ่งรบกวนพวกนั้นให้หมด

เมื่อรู้สึกถึงอันตรายที่เกิดเพราะหมิงฮัว เขาก็หมดความอดทนในการค่อยๆ ชักนำนักเรียนสามัญชนมาอยู่ข้างกายเขาและโยนเงื่อนไขของเขาให้กับเหล่ารุ่นพี่โดยตรง เขาไม่สามารถรอจนกว่าตนจะกลายเป็นอาจารย์ศาสตรามณียุทธ์ระดับเทพเจ้าเพื่อชักนำผู้ติดตามที่แข็งแกร่งเพราะนั่นจะสายเกินไปสำหรับแผนของเขา เพื่อสร้างความเข้มแข็งให้กับอาณาจักร เขาต้องทำตามแผนทำทีละขั้นตอน เส้นทางที่จะทำให้เขากลายเป็นอาจารย์ศาสตรามณียุทธ์ระดับเทพเจ้านั้นยังคงยาวไกลและคดเคี้ยวมาก คงต้องใช้เวลานานกว่าจะไปถึงจุดหมายที่ว่า อย่างไรก็ตาม อาณาจักรเกาทัณฑ์สวรรค์ก็ไม่มีเวลาเหลือมากมายขนาดนั้นแล้วเพราะแรงกดดันจากอาณาจักรคาลิเซ่ที่ได้รับการสนับสนุนโดยอาณาจักรป่ายต้าก็เริ่มแข็งแกร่งขึ้นทุกๆ วัน

ส่วนซ่างหลางและรุ่นพี่คนอื่นๆ จะติดตามเขาไปหรือไม่ โจวเหว่ยชิงเองก็ยังไม่สามารถบอกได้ ด้วยเหตุนี้เขาจึงจำเป็นต้องแสดงให้ทุกคนเห็นถึงความพลังที่แข็งแกร่ง บุคลิกนิสัยและทัศนคติที่บ่งบอกความเป็นผู้นำของตัวเอง ยิ่งไปกว่านั้น สิ่งที่สำคัญที่สุดคือพลังของเขาในฐานะอาจารย์ศาสตรามณียุทธ์ เพื่อดึงดูดเหล่าจ้าวมณีที่มีความสามารถเหล่านี้มาเป็นพวก เขาต้องชักนำทุกคนด้วยทุกๆ สิ่งที่ตนมี

เมื่อกลับมาที่ห้องเรียน โจวเหว่ยชิงก็รู้สึกประหลาดใจเมื่อเห็นว่าเพื่อนร่วมห้องทุกคนยังไม่ได้จากไป พวกเขายังคงคุยเล่นกันอยู่อย่างสนุกสนานและซ่างกวนปิงเอ๋อร์ก็กำลังถูกนักเรียนหญิง 2-3 คน ล้อมรอบเอาไว้

เมื่อเห็นว่าโจวเหว่ยชิงกลับมา ทั่วทั้งห้องเรียนก็สงบลงทันที โจวเหว่ยชิงจึงตระหนักได้ทันทีว่าเกิดอะไรขึ้นและเดินไปยังแท่นพูด

เขาวางมือทั้งสองข้างบนแท่นและกล่าวว่า “ให้ข้าพูดสักไม่กี่ประโยค จากนั้นทุกคนก็ควรกลับไปพักผ่อนได้แล้ว”

ทุกคนจ้องมองไปที่โจวเหว่ยชิง คนที่ยังยืนอยู่ก็กลับไปนั่งที่นั่งของตนเองอย่างเป็ฯระเบียบเรียบร้อย วันนี้โจว  เหว่ยชิงได้แสดงพลังการต่อสู้ที่แท้จริงออกมารวมถึงสถานะอาจารย์ศาสตรามณียุทธ์ของเขา ยิ่งไปกว่านั้น ด้วยคำสัญญาที่ว่าจะช่วยดูแลเพื่อนร่วมห้องทุกคน ทุกๆ คนจึงมองไปที่โจวเหว่ยชิงด้วยสายตาชื่นชมอย่างปิดไม่มิด

โจวเหว่ยชิงมีรอยยิ้มจางๆ บนใบหน้า  ในเวลานี้เขาดูเหมือนเด็กไร้เดียงสาและไม่เป็นอันตราย “หลังจากนี้เมื่อพวกเจ้าทุกคนลงทะเบียนกับโข่วรุ่ย เจ้าควรระบุระดับพลังปราณสวรรค์ของตนเองให้ชัดเจน สำหรับจ้าวมณีธาตุ หากต้องการกักเก็บทักษะ เพียงลงทะเบียนกับหยางเจ๋อชี เขาเป็นคนเก็บรักษาบัตรเหรียญทองเอาไว้ ทุกวันหยุดสุดสัปดาห์หรือในวันที่โรงเรียนหยุด ผู้ที่ลงทะเบียนแล้วสามารถพาเขาไปจ่ายเงินเพื่อกักเก็บทักษะที่ต้องการได้ ในอนาคตข้าจะขายม้วนคัมภีร์ศาสตรามณียุทธ์อีกเพื่อนำเงินมาใส่เพิ่ม ดังนั้นไม่ต้องกังวลว่ามันจะหมดเร็วเกินไป สำหรับจ้าวมณียุทธ์ เมื่อเจ้าลงทะเบียน โปรดให้ข้อมูลว่ามณียุทธ์ของเจ้าคืออะไร เจ้าต้องการพัฒนาความสามารถไปสายไหนและประเภทของศาสตรามณียุทธ์ที่เจ้าต้องการหลอมรวม ด้วยวิธีนี้ ข้าจึงจะสามารถออกแบบม้วนคัมภีร์ศาสตรามณียุทธ์ตามความต้องการเฉพาะตัวของทุกคนได้”

เมื่อกล่าวจบเขาก็หยุดไปชั่วขณะ เห็นได้ชัดว่าคำพูดของเขามีผลต่อนักเรียนที่เหลือมากแค่ไหน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเขาพูดถึงม้วนคัมภีร์ศาสตรามณียุทธ์ที่ออกแบบเป็นพิเศษเฉพาะตัวแต่ละคน  ดวงตาของเพื่อนทุกคนต่างก็สว่างเจิดจ้าขึ้น แน่นอนว่ามีจ้าวมณียุทธ์มากกว่าจ้าวมณีธาตุและม้วนคัมภีร์ศาสตรามณียุทธ์นั้นก็เป็นที่ต้องการมาก! ไม่ต้องพูดถึงเรื่องการออกแบบเป็นพิเศษตามความต้องการของพวกเขา นี่เป็นสิ่งที่แม้แต่จ้าวมณีสวรรค์ที่ยอมจำนนต่อตระกูลชั้นสูงหรือวังกักเก็บทักษะก็ยังไม่อาจหามาครอบครองได้!

โจวเหว่ยชิงยิ้มด้วยความพึงพอใจและพูดต่อ “ข้ามีข้อเสนออีกอย่างด้วย หากเป็นจ้าวมณียุทธ์ที่ยังไม่มีศาสตรามณียุทธ์สักชิ้น เจ้าควรรีบลงทะเบียนให้เร็วที่สุดเพื่อที่จะได้ครอบครองศาสตรามณียุทธ์และสามารถป้องกันตัวเองได้ในระดับหนึ่ง อย่างไรก็ตาม หากเจ้ามีศาสตรามณียุทธ์อยู่แล้วหนึ่งชิ้น เจ้าอาจต้องรอสักพักและตั้งใจฝึกปราณให้มากกว่าเดิม ภายในเวลา 2 ปี ข้าเชื่อว่าข้าจะสามารถกลายเป็นอาจารย์ศาสตรามณียุทธ์ระดับสูงได้”

“ถึงเวลานั้นข้าน่าจะสร้างศาสตรามณียุทธ์ที่มีหลุมบรรจุมณีได้แล้ว หรือแม้กระทั่งม้วนคัมภีร์ศาสตรามณียุทธ์แบบชุด แน่นอนว่าชิ้นที่มีหลุมบรรจุมณีนั้นมีประโยชน์สำหรับจ้าวมณีสวรรค์เท่านั้น แต่ชุดศาสตรามณียุทธ์นั้นจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้แม้กระทั่งจ้าวมณียุทธ์ทั่วไป”

หากพูดว่าก่อนหน้านี้สายตาของทุกคนดูบ้าคลั่งมากแล้ว ตอนนี้เห็นได้ชัดว่าพวกเขาต่างก็ตกตะลึงจนเบ้าตาถลน ศาสตรามณียุทธ์ที่มีหลุมบรรจุมณี? ชุดศาสตรามณียุทธ์? สิ่งเหล่านั้นเกือบจะเป็นตำนานสำหรับพวกเขาทุกคน ไม่เพียงแต่ไม่เคยเห็นมันมาก่อน แม้แต่ในความฝัน พวกเขาก็ยังไม่กล้าฝันถึงด้วยซ้ำ!

เมื่อเห็นว่าคำพูดของเขาได้ผลตามที่ตั้งใจ โจวเหว่ยชิงก็ยิ้มและพูดว่า “เอาล่ะ ข้าพูดทุกอย่างที่ต้องการจะพูดจบแล้ว แน่นอนว่านั่นเป็นเพียงคำแนะนำของข้า หากใครรอไม่ไหว เจ้าก็สามารถลงทะเบียนเพื่อขอม้วนคัมภีร์ศาสตรามณียุทธ์ได้ทันที อย่างน้อยข้าก็รับประกันได้ว่าเจ้าจะประสบความสำเร็จในการหลอมรวมคัมภีร์ศาสตรามณียุทธ์แน่นอน… หากกล่องเดียวไม่พอ ข้าจะทำกล่องที่ 2 ให้ อืม…ปิงเอ๋อร์ ยืนขึ้นหน่อย”

ซ่างกวนปิงเอ๋อร์ชะงักเมื่อได้ยินโจวเหว่ยชิงร้องเรียก แต่แน่นอนว่าตอนนี้เธอไม่อาจทำให้เขาขายหน้าได้ เธอจึงรีบลุกขึ้นยืนทันที

รอยยิ้มของโจวเหว่ยชิงหายไปอย่างกะทันหันและเขาพูดด้วยสีหน้าจริงจังว่า “เพื่อนร่วมห้องทุกคน ตอนนี้ข้าขอแนะนำคนๆ นี้ให้เจ้าทุกคนรู้จักอย่างเป็นทางการ สาวงามคนนี้คือซ่างกวนปิงเอ๋อร์ นางเป็นภรรยาของข้า ในอนาคต ห้ามผู้ชายคนไหนหมายตานาง…ไม่เช่นนั้น หึ! “

“อ้วนน้อย เจ้ากำลังพูดอะไรอยู่!” ซ่างกวนปิงเอ๋อร์ตกตะลึงก่อนที่ใบหน้าจะเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ ไม่นานเธอก็รีบวิ่งหนีออกจากห้องเรียนไป

โข่วรุ่ยยิ้มและตะโกนตามไป “พี่สะใภ้!” และทุกคนในห้องเรียนก็หัวเราะออกมา

โจวเหว่ยชิงมีผิวหน้าที่หนาเป็นพิเศษเขาจึงไม่สนใจเสียงล้อเลียนต่างๆ กลับโบกมืออำลาเพื่อนร่วมห้องและไล่ตามซ่างกวนปิงเอ๋อร์ออกไปอย่างรวดเร็ว ทันทีที่เขาจากไป โข่วรุ่ยก็ถูกเพื่อนร่วมห้องที่เหลือรายล้อมทันที ทุกคนต่างก็อยากลงทะเบียนด้วยตัวเอง แม้แต่หยางเจ๋อชีและหม่าฉุนซึ่งเป็นจ้าวมณีสวรรค์ก็มีท่าทีไม่ต่างกัน

โจวเหว่ยชิงวิ่งไปจนถึงประตูทางเข้าโรงเรียนก่อนที่จะพบกับซ่างกวนปิงเอ๋อร์ในที่สุด “ปิงเอ๋อร์ ช้าก่อน! รอข้าก่อนสิ!”

ซ่างกวนปิงเอ๋อร์หันกลับมาพร้อมกับผิวแก้มร้อนผ่าว เธอต่อว่าเขาเบาๆ “เมื่อกี้เจ้าพูดอะไรน่ะ! วันหลังข้าจะมีหน้าไปพบเพื่อนคนอื่นๆ ได้ยังไง!”

โจวเหว่ยชิงแสยะยิ้มและกล่าวว่า “ใครขอให้เจ้างดงามและน่าหลงใหลขนาดนี้ล่ะ! ข้าก็เลยต้องประกาศความเป็นเจ้าของเสียหน่อย…”

ซ่างกวนปิงเอ๋อร์กล่าวอย่างโกรธเคือง “ความเป็นเจ้าของอะไรของเจ้า!? ข้าเป็นสิ่งของหรือไง? ฮึ่ม!”

โจวเหว่ยชิงส่ายหัวทันที “ไม่ ไม่ ไม่แน่นอน ข้าแค่ต้องการประกาศว่าเจ้าเป็นเจ้าของข้า ข้าคืออ้วนน้อยของเจ้า! ดูสิ ข้าหล่อเหลา สุภาพอ่อนโยน ใจดี ซื่อสัตย์ และน่ารัก ข้ายังรู้วิธีสร้างม้วนคัมภีร์ศาสตรามณียุทธ์ด้วย ตอนนี้ถ้าสาวงามคนอื่นพยายามจะตามจีบข้า ข้าจะทำอย่างไรได้? ด้วยวิธีนี้ ข้าสามารถประกาศตัวได้ว่าเจ้าเป็นของข้าและข้าก็เป็นของเจ้า เมื่อรู้เช่นนี้ใครจะกล้าตามจีบข้าอีก…หากผู้หญิงคนอื่นๆ จะทำเช่นนั้น…พวกนางก็คงต้องเปรียบเทียบตัวเองกับเจ้าก่อนใช่หรือไม่? และหากเป็นเช่นนั้นจริงๆ…พวกนางก็คงจะต้องอับอายและยอมแพ้ไปแต่โดยดี เห็นไหม ทั้งหมดนี่ก็เพื่อตัวเจ้าทั้งนั้น!”

เมื่อได้ยินคำประกาศที่ไร้ยางอายของเขา ซ่างกวนปิงเอ๋อร์ก็อดขำไม่ได้ “อ่อนโยนและใจดี…ฮ่าๆๆ ข้าค่อนข้างแน่ใจว่าหลายคนคงคิดว่าเจ้าเป็นสัตว์ประหลาดดุร้ายมากกว่า”

เมื่อเห็นว่าเธอไม่มีท่าทีโกรธเคืองอีกต่อไป โจวเหว่ยชิงก็เดินเข้าไปใกล้อีกฝ่ายพร้อมกับโอบเอวบางของเธอเอาไว้ทันที  เขายิ้มและพูดว่า “ตราบใดที่ปิงเอ๋อร์ที่รักของข้าไม่มองว่าข้าเป็นสัตว์ประหลาด นั่นก็ไม่เป็นไรหรอก… ”

ซ่างกวนปิงเอ๋อร์พูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง “อ้วนน้อย ที่เจ้าทำในวันนี้คือการชักนำเพื่อนร่วมห้องทุกคนมาเป็นพวกเพื่อช่วยเหลืออาณาจักรเกาทัณฑ์สวรรค์ของเราในอนาคตใช่หรือไม่?”

โจวเหว่ยชิงยิ้มจางๆ และกล่าวว่า “ยังเร็วเกินไปที่จะบอกได้ แต่สิ่งที่เจ้าต้องรู้ก็คือข้า สามีของเจ้า มีเป้าหมายระยะยาวในใจแล้ว ไม่ต้องกังวล ข้าจัดการได้แน่ เจ้าแค่ต้องตั้งใจเล่าเรียน ส่วนข้าจะจัดการกับเรื่องอื่นๆ เอง พูดตามตรงว่าแค่ข้าดูตารางเรียนวันนี้ก็รู้สึกปวดหัวแล้ว…ข้าไม่มีพื้นฐานในวิชาด้านการทหารเลย สงสัยนักว่าข้าจะเรียนรู้ทั้งหมดนั่นไหวหรือไม่ ในอนาคตข้าคงต้องพึ่งเจ้า โดยเฉพาะเรื่องการสอบ…อย่าลืมให้ข้าลอกด้วยล่ะ!”

ซ่างกวนปิงเอ๋อร์ขมวดคิ้ว “อ้วนน้อย เจ้าทำได้อยู่แล้ว…ข้าช่วยสอนพื้นฐานความรู้ด้านทหารให้เจ้าดีไหม?”

โจวเหว่ยชิงส่ายหัวและพูดว่า “ไม่ ข้าคงไม่มีเวลาสำหรับเรื่องนั้น หากข้าต้องดูแลนักเรียนทั้งห้อง นั่นก็คงไม่ใช่เรื่องง่ายๆ แน่ เพียงแค่สร้างม้วนคัมภีร์ศาสตรามณียุทธ์สำหรับพวกเขา นำคัมภีร์ไปขายและฝึกฝนพลังปราณสวรรค์ของตัวเองไปด้วย แค่นั้นก็กินเวลาว่างของข้าไปทั้งหมดแล้ว สำหรับการเรียน ข้าเรียนรู้ได้แค่ไหนก็แค่นั้นแหละ”

ซ่างกวนปิงเอ๋อร์กล่าวอย่างค่อนข้างกังวล “แต่…เจ้าต้องไปแทนที่ตำแหน่งของแม่ทัพโจว แม่ทัพใหญ่ของอาณาจักรเกาทัณฑ์สวรรค์ของเรา!”

โจวเหว่ยชิงยิ้มและพูดว่า “ปิงเอ๋อร์ เจ้ายังไม่เข้าใจข้า ในฐานะผู้บัญชาการทหารสูงสุด ข้ารู้สึกว่าไม่จำเป็นที่จะต้องเก่งกาจในทุกด้าน ตราบเท่าที่ข้าสามารถควบคุมกลุ่มคนที่มีความสามารถทางการทหารโดดเด่นได้ นั่นก็เพียงพอ  แล้ว…”

ซ่างกวนปิงเอ๋อร์ชะงักด้วยความประหลาดใจขณะที่เธอคิดตามคำพูดของเขา แม้ว่าเธอจะรู้สึกว่าคำพูดของโจวเหว่ยชิงมีตรรกะผิดเพี้ยนไปบ้าง แต่มันก็ยังสมเหตุสมผลอยู่ หลังจากใช้เวลา 2 ปีอยู่ในหน่วยเกาทัณฑ์สวรรค์ โจวเหว่ยชิงก็เปลี่ยนแปลงไปมาก ไม่เพียงแต่ในด้านรูปร่างเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงวิธีการซ่อนเร้นตัวตนแบบดั้งเดิมของเขาด้วย ดูจากภายนอก บางครั้งเขาก็ดูเย่อหยิ่งอวดดี แต่เธอก็รู้ว่าเขาเก็บซ่อนความรู้สึกและอารมณ์ที่แท้จริงเอาไว้ แม้ว่าเขาจะอายุยังไม่ถึง 17 ปี แต่เขาก็ดูโตเป็นผู้ใหญ่และรู้จักเก็บซ่อนอารมณ์ได้ดีกว่าคนส่วนมากแล้ว

…………………………..