บทที่ 187 แย่งคน

จางซิ่วเอ๋อกลอกตามองบนอย่างเหนื่อยหน่าย

คุณชายฉินไม่ได้ตอบคำถามจางอวี่หมิน แต่ประโยคนี้กลับทำจางอวี่หมินอับอายได้ยิ่งกว่าปฏิเสธจางอวี่หมินตรง ๆ

ที่สำคัญที่สุดคือลามมาถึงนางด้วย

ตอนนี้จางอวี่หมินคงแค้นนางเข้ากระดูก

แน่นอนว่าจางซิ่วเอ๋อไม่กลัวหรอก อย่างไรเสียต่อให้ไม่มีคุณชายฉินจางอวี่หมินก็ไม่ชอบนางอยู่ดี

เหาเยอะไม่คัน หนี้เยอะไม่เครียด นางไม่กลัวจางอวี่หมินสักหน่อย

“จางซิ่วเอ๋อ! บ้านเรามีแขกผู้มีเกียรติขนาดนี้มาหาเจ้าจะรับรองด้วยตัวคนเดียวได้อย่างไรกัน ยังไม่รีบพาเข้าบ้านเราอีก?” จางอวี่หมินกระเสือกกระสนขอเป็นครั้งสุดท้าย

จางซิ่วเอ๋อถลึงตาใส่จางอวี่หมิน นางดูแคลนจางอวี่หมินจริง ๆ

ถ้าจางอวี่หมินมีปัญญาหลอกล่อคุณชายฉินให้มาติดกับได้เอง นางก็ไม่มีอะไรจะพูด แต่ตัวนางไม่สนใจจะเป็นสะพานให้จางอวี่หมินข้ามไปหรอกนะ

กลับบ้านเรา? พูดได้เต็มปากเต็มคำเชียว! นั่นน่ะไม่เคยเป็นบ้านของนางหรอก!

จางซิ่วเอ๋อหัวเราะ “ท่านอาเล็ก ข้าไม่เข้าใจที่ท่านพูด คุณชายฉินเป็นญาติบ้านเราตั้งแต่เมื่อไหร่?”

“เจ้าหมายความว่าเจ้าข้องแวะกับผู้ชายที่ไม่ใช่ญาติรึ?” จางอวี่หมินแค่นเสียง

นางกำลังขุดหลุมพรางให้จางซิ่วเอ๋อ

จางซิ่วเอ๋อเหลือบมองจางอวี่หมิน “ท่านอย่าลืมนะว่าข้าแต่งงานแล้ว ที่คุณชายฉินมาครั้งนี้ก็แค่มาเยี่ยมข้าแทนสามีผู้ล่วงลับของข้า นี่เป็นญาติของสามีข้า ไม่น่าจะเกี่ยวอะไรกับท่านนะ”

“เจ้า…..”​ จางอวี่หมินจ้องจางซิ่วเอ๋ออย่างเกรี้ยวกราด

จางซิ่วเอ๋อชี้ทางข้างหน้า “ท่านอาเล็ก ถ้าไม่มีอะไรก็รีบถอยไปเถอะ ถ้าอีกเดี๋ยวท่านโดนรถชนขึ้นมาจะตกลงกันยากนะ”

ตวนอู่เห็นอะไรมามาก ย่อมดูออกว่าจางอวี่หมินมีแผนอะไรในใจ

เขาแค่นเสียง “ถ้าเจ้าชนรถม้าบ้านข้าพัง ต่อให้เอาเจ้าไปขายก็ไม่พอใช้หรอกนะ!”

จางซิ่วเอ๋อหลุดขำพรืด ตวนอู่นี่….ปฏิบัติแบบนี้กับทุกคนจริง ๆ

จางอวี่หมินเม้มปาก “แต่ไม่ว่าอย่างไรคุณชายฉินก็เป็นคนนอก อยู่กับเจ้าตามลำพังคงไม่ดีนัก ข้าไปรับรองคุณชายฉินกับเจ้าด้วยดีกว่า”

“ท่านอาเล็ก ท่านไม่กลัวบ้านผีสิงของข้าแล้วเหรอ?” จางซิ่วเอ๋อเลิกคิ้วถาม

จางอวี่หมินนึกไปถึงความทรงจำไม่ดีเหล่านั้น สีหน้าซีดลง “ข้า….”

จางอวี่หมินมองคุณชายฉินผู้หล่อเหลารัศมีเปล่งปลั่ง สุดท้ายก็กัดฟันแน่นพลางเอ่ย “เพื่อชื่อเสียงของเจ้า ข้าไม่กลัวหรอก”

จางซิ่วเอ๋อมองจางอวี่หมินอย่างนึกขำ ดูออกว่าเพื่อคุณชายฉินแล้วจางอวี่หมินสู้ตาย

จางซิ่วเอ๋อทอดสายตาไปที่คุณชายฉิน และถามคุณชายฉินที่กำลังนั่งดูอย่างเพลิดเพลิน “คุณชายฉิน ไม่ทราบว่าท่านจะรังเกียจไหมเจ้าคะถ้าให้ท่านอาเล็กข้าไปกินข้าวด้วย”

เฮอะ คุณชายฉินโบ้ยเก่งไม่ใช่เหรอ? งั้นนางก็จะเตะบอลลูกนี้กลับไปให้!

คุณชายฉินมองจางอวี่หมิน ขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้

เขาเคยเจอแม่นางผู้นี้มาก่อน ทั้งตัวมีแต่กลิ่นแป้งราคาถูก นั่งกับคนแบบนี้เขาจะกินข้าวลงได้อย่างไรกัน!

คิดได้แบบนี้คุณชายฉินหันไปมองจางซิ่วเอ๋อ

จางซิ่วเอ๋อรูปร่างผอมแห้ง ถึงแม้จะงามสู้จางอวี่หมินไม่ได้ แต่ให้ความรู้สึกสดชื่นแจ่มใส

ประหนึ่งสายน้ำเล็ก ๆ ที่ไหลผ่านหุบเขา นอกจากจะไม่น่าอึดอัดแล้วกลับให้ความรู้สึกเย็นสบายในฤดูร้อนอีกด้วย นี่เป็นหนึ่งเหตุผลที่เขายอมเข้าใกล้จางซิ่วเอ๋อ

เทียบกันแล้วเห็นผลทันที

ไม่สิ บางทีไม่จำเป็นต้องเทียบด้วยซ้ำ

เขาแค่อยากกินข้าวสักมื้อที่บ้านจางซิ่วเอ๋อ เกี่ยวอะไรกับอาเล็กของจางซิ่วเอ๋อ

คุณชายฉินเอ่ยเรียบ ๆ “ข้าชอบความเงียบ”

ตวนอู่เสริม “เจ้าคิดว่าหมาแมวที่ไหนก็ร่วมโต๊ะกินข้าวกับคุณชายข้าได้เหรอ?”

ตอนนี้จางซิ่วเอ๋อแทบอยากปรบมือให้ตวนอู่ เขานิยามจางอวี่หมินได้เด็ดดวงเสียจริง

จางอวี่หมินมองตวนอู่อย่างแค้นใจ สมควรตายจริง ๆ เป็นแค่คนรับใช้ต่ำต้อยบังอาจพูดจาแบบนี้กับนาง วันหน้าหากนางได้ผงาดแล้วจะไม่ปล่อยเจ้าคนรับใช้เดนตายนี่ไว้แน่

“ทำไมเหรอ? ท่านอาเล็ก ท่านไม่เข้าใจที่คุณชายฉินพูดเหรอ? ถ้าเข้าใจรบกวนหลีกให้ด้วย” จางซิ่วเอ๋อยิ้มแป้น

จางอวี่หมินโมโหจนแทบอยากจะฉีกรอยยิ้มนั่นให้ขาดรุ่ยไปเสีย

แต่เวลานี้ต่อให้นางจะหน้าด้านขนาดไหนก็ไม่อาจยืนมาดมั่นอยู่ตรงนี้ได้อีกต่อไป ได้แต่หันหลังหลีกทางให้อย่างขุ่นเคือง

พอมาถึงใกล้ ๆ บ้านผีสิง ตวนอู่ก็ขนวัตถุดิบที่ตั้งไว้นอกห้องของรถม้าลงมา

แต่น่าเสียดายที่ทางเข้าบ้านผีสิงแคบเกินไป รถม้าไม่อาจเคลื่อนเข้าไปได้ ตวนอู่จึงต้องผูกม้าไว้กับต้นไม้ต้นหนึ่ง

จางซิ่วเอ๋อมองตวนอู่ “เจ้าไม่กลัวรถม้าเจ้าหายเหรอ?”

ตวนอู่แค่นเสียง “ใครจะโง่เง่าขนาดนั้น! ม้านี่ลงทะเบียนไว้! ทั้งแคว้นชิงสือก็ไม่มีม้าที่ดีขนาดนี้อีกแล้ว!”

ความหมายก็คือต่อให้ใครขโมยไปก็ตามกลับมาได้

ในยุคโบราณ สัตว์อย่างม้าใช่ว่าใคร ๆ ก็มีได้ โดยเฉพาะม้าที่ขี่ไปทำการรบได้นั้นยิ่งมีมูลค่ามากเป็นพิเศษ ถึงขนาดทางการต้องควบคุมการซื้อขายม้าอย่างเข้มงวดเพื่อป้องกันการเลี้ยงม้าตามอำเภอใจ

ม้าทุกตัวต้องลงทะเบียนไว้

แต่จางซิ่วเอ๋อไม่เห็นว่าสำคัญ

คนที่ขโมยม้าคงไม่เอาไปขายหรอก ต้องหาสักที่เชือดทิ้งแล้วกินเนื้ออยู่แล้ว จะไปตามหาที่ไหนเล่า?

แต่จางซิ่วเอ๋อมองคุณชายฉินแล้วรู้สึกว่าตัวเองไม่จำเป็นต้องกังวลแทนคุณชายฉิน คุณชายฉินมีสมบัติมากมาย ต่อให้ม้าหายสักตัวก็คงไม่เป็นไร

จางซิ่วเอ๋อยอมรับชะตากรรม นางและตวนอู่หิ้วตะกร้าสานที่บรรจุของจนเต็มคนละตะกร้าและเดินเท้าไปที่บ้าน

คงให้ท่านเทพอย่างคุณชายฉินออกแรงไม่ได้

จางชุนเถาเห็นคุณชายฉินมาตอนแรกก็อึ้ง แต่ไม่นานนักก็ยอมรับได้

นางอยู่กับจางซิ่วเอ๋อมานาน เห็นอะไรมามาก แตกต่างจากหญิงสาวที่ถูกขนบธรรมเนียมล้างสมองอยู่บ้าง

และจางชุนเถาเชื่อใจจางซิ่วเอ๋อมาก

นางจึงรู้ว่าที่พี่สาวตัวเองข้องแวะกับผู้ชายพวกนี้ก็ไม่ได้มีอะไรในกอไผ่

เมื่อเป็นแบบนี้ จางชุนเถาจึงไม่คิดมากอะไร

ตอนนี้เป็นเวลาเที่ยง

จางชุนเถาทำกับข้าวและกินกับพวกบัณฑิตจ้าวไปเรียบร้อยแล้ว

และเหลืออาหารในหม้อไว้ให้จางซิ่วเอ๋อด้วย

แต่ตอนนี้เหรอ? เห็นได้ชัดว่าไม่ได้กินอาหารพวกนั้นแล้ว

จางซิ่วเอ๋อและจางชุนเถาวุ่นวายทำกับข้าวกันสองคน

คุณชายฉินบอกว่าอยากกินปลา แต่ตอนซื้อปลาจางซิ่วเอ๋อห้ามเอาไว้ เพราะที่บ้านตัวเองยังมีปลาอยู่! แน่นอนว่านางไม่ได้อยากประหยัดเงินให้คุณชายฉินหรอก แต่ในเมื่อที่บ้านมีปลาอยู่ ถ้าคุณชายฉินมาเห็นเข้าคงไม่ค่อยดีเท่าใด

มันไม่ใช่ของมีค่าอะไรหรอก เพียงแต่เห็นแก่คุณชายฉินที่ซื้อเนื้อเยอะขนาดนั้น จางซิ่วเอ๋อจึงยกปลาให้หนึ่งตัวอย่างใจกว้าง

…………………………………………………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

อ่อยไม่สำเร็จก็กลับรังไปนะคะพญานก

ไหหม่า(海馬)