บทที่ 188 อาหารมื้อใหญ่

คุณชายฉินนั่งดื่มชาอยู่ใต้ต้นหวายฉู่

ชุดน้ำชาเขาพกมาเอง ใบชาก็นำมาเอง

จางซิ่วเอ๋อไม่รู้จะมีความเห็นอย่างไรต่อความหน่อมแน้มของคุณชายฉินดี จริง ๆ แล้วคนอย่างคุณชายฉินต้องไม่ชอบชีวิตความเป็นอยู่ในหมู่บ้านสิ แต่กลับฝืนจะมากินข้าวที่บ้านตัวเอง

ถ้าไม่ใช่เพื่อเครื่องเทศ นางคิดไม่ออกจริง ๆ ว่าคุณชายฉินจะมีเหตุผลอะไรอีก

พวกเขาซื้อวัตถุดิบมาเยอะมาก

จางซิ่วเอ๋อจึงทำแกงลูกชิ้น ใส่เห็ดหอมตากแห้ง รสชาติหอมละมุนสุด ๆ

ส่วนอย่างอื่นมีกระดูกตุ๋นน้ำแดง มันฝรั่งตุ๋นไก่ เนื้อดองผัดถั่วฝักยาว ผัดผักกาดขาว ปลานึ่ง แล้วก็ไข่เจียว

มีกับข้าวทั้งหมดหกอย่างรวมกับแกงอีกหนึ่ง

จางซิ่วเอ๋อยกอาหารทุกจานเข้ามา และหยิบถ้วยของตัวเองไว้ใบหนึ่งตั้งใจจะไปกินในครัว

แน่นอนว่านางไม่ได้ไม่อยากกินข้าวกับคุณชายฉินเพราะเหตุผลอย่างฐานะที่ต่างกันหรอก นางแค่ไม่สนใจจะกินข้าวร่วมโต๊ะกับคุณชายฉิน จางซิ่วเอ๋อรู้สึกว่าถ้าต้องเผชิญกับจิ้งจอกเจ้าเล่ห์อย่างคุณชายฉินตนเองต้องกินข้าวไม่ลงแน่

แต่คุณชายฉินไม่มีทีท่าจะปล่อยจางซิ่วเอ๋อไป

“เจ้าจะไปไหน?” คุณชายฉินเลิกคิ้วมองจางซิ่วเอ๋อ

จางซิ่วเอ๋อชะงักฝีเท้า มองคุณชายฉินพลางกล่าว “ข้าจะไปกินข้าว”

“นั่งลงกินด้วยกันสิ” คุณชายฉินมองจางซิ่วเอ๋อพลางเอ่ย

จางซิ่วเอ๋อขมับเต้นตุบ ๆ เลือดลมพลุ่งพล่านขึ้นมา ตัวเองทำกับข้าวให้แล้วนะ ต้องอยู่เป็นเพื่อนกินข้าวอีกเหรอ?

คุณชายฉินมองจางซิ่วเอ๋ออย่างนึกตลก เขาถาม “เจ้ากลัวข้าใช่ไหมถึงไม่ยอมกินข้าวกับข้า?”

จางซิ่วเอ๋อเลิกคิ้ว รู้ดีอยู่แก่ใจว่าคุณชายฉินแกล้งพูดเพื่อยั่วยุ แต่ก็เลือกที่จะนั่งลง

ไม่เกี่ยวกับของกินแต่นางทำเพื่อศักดิ์ศรี!

นาง จางซิ่วเอ๋อ จะไม่ยอมให้คุณชายฉินดูถูกเด็ดขาด!

คุณชายฉินมองจางซิ่วเอ๋อพลางยิ้มตาหยี แล้วถึงเริ่มกิน

จางชุนเถาไปตั้งโต๊ะอยู่อีกด้านแล้ว และตั้งกับข้าวที่เหมือนกันบนโต๊ะอีกตัว เอาไว้ให้ตวนอู่กิน

จางชุนเถานั่งอยู่กับตวนอู่อย่างรู้ตัว

จางซิ่วเอ๋อรู้ว่าจางชุนเถาตื่นเต้นนิดหน่อยตอนอยู่กับคุณชายฉิน จึงไม่อยากทำให้จางชุนเถาต้องลำบาก

จางซิ่วเอ๋อกินข้าวในถ้วย และคีบกระดูกติดเนื้อชิ้นหนึ่งขึ้นมากิน ขืนนางไม่กินให้มากเข้า เดี๋ยวคุณชายฉินจะคิดว่านางนึกกลัวเขาเลยไม่กล้ากิน!

คุณชายฉินเห็นอย่างนั้นจึงคีบกระดูกติดเนื้อขึ้นมากินด้วย

น้ำเหนียวนุ่มในกับข้าวพอเข้าปากให้รสชาติเค็มอย่างละมุน ส่วนเนื้อที่ติดมาอ่อนนุ่มและไม่รู้สึกว่าตุ๋นนานไป

คุณชายฉินคิดว่าตัวเองกินอาหารดี ๆ มาก็ไม่น้อย แต่วันนี้ที่ได้กินอาหารที่จางซิ่วเอ๋อทำ กลับรู้สึกว่ามีรสชาติแตกต่างออกไปจริง ๆ

ใส่เครื่องเทศในอาหารก็ใส่แล้ว แม่ครัวที่บ้านตัวเองก็ทำกับข้าวอร่อย แต่เทียบกับจางซิ่วเอ๋อแล้วก็ยังด้อยกว่า

ไม่ใช่ด้วยเหตุอื่นใด เป็นเพราะจางซิ่วเอ๋อใช้เครื่องเทศทุกวัน จึงรู้สัดส่วนที่ใส่

อาหารที่อิ๋งเค่อจวีก็อร่อย แต่อาหารที่อิ๋งเค่อจวีให้ความสำคัญกับหน้าตาเกินไป เวลากินจริง ๆ เมื่อเทียบกับที่จางซิ่วเอ๋อทำแล้วเรียกได้ว่ามีดีคนละแบบ

ส่วนแกงลูกชิ้น คุณชายฉินตักมาชิมหนึ่งช้อน เขาได้กลิ่นจากเห็ดหอมจึงเอ่ยขึ้น “ในนี้ใส่อะไรลงไปบ้าง รสชาติพิเศษจริง ๆ”

จางซิ่วเอ๋อกวาดตามองก่อนจะบอก “เป็นผักป่าที่ชื่อว่าเห็ดหอม”

จางซิ่วเอ๋อสับเห็ดหอมจนละเอียด ถ้าตวนอู่เห็นว่าใส่เห็ดลงไปอาจจะคิดว่าตัวเองจะลอบฆ่าคุณชายฉินก็ได้

นางไม่อยากไปโต้เถียงอะไรกับตวนอู่

“แบ่งขายให้ข้าได้หรือไม่?” คุณชายฉินกล่าว

จางซิ่วเอ๋อกลอกตามองบน “คนที่เคยไปโรงเรียนอย่างพวกท่านถือว่าเวลากินไม่พูด เวลานอนไม่จาไม่ใช่หรืออย่างไร? ทำไมเจ้าชอบเจรจาธุรกิจบนโต๊ะอาหารนัก?”

สีหน้าคุณชายฉินนิ่งไป กระอักกระอ่วนเล็กน้อย

จางซิ่วเอ๋อหยุดไปครู่หนึ่งก่อนเสริม “จริง ๆ ก็ไม่ใช่ความลับอะไร แค่ต้องไปหาบนภูเขาเลยยุ่งยากนิดหน่อย ไว้ข้าหาเจอแล้วจะขายให้ท่านก็แล้วกัน”

ใครจะรังเกียจว่าเงินมากเกินไปล่ะ

คุณชายฉินพยักหน้า “ถ้าอย่างนั้นก็ว่าตามนี้”

ตวนอู่กินข้าวไปพลางเหลือบมองคุณชายตัวเองและจางซิ่วเอ๋ออย่างระวังไปพลาง

ไม่รู้ทำไม เขารู้สึกว่าคุณชายตัวเองปฏิบัติกับจางซิ่วเอ๋อแตกต่างออกไป

คนอย่างคุณชาย ต่อให้อยากได้สูตรเครื่องเทศผสมสักเพียงไหน ก็ไม่ลดตัวไปตีสนิทกับจางซิ่วเอ๋อแบบนี้เพื่อแค่สูตรเครื่องเทศผสมหรอก

อีกอย่างตีสนิทไม่สำเร็จด้วย เจ้าจางซิ่วเอ๋อระแวงคุณชายตัวเองอย่างกับเขาเป็นโจร

เขารู้สึกว่าตั้งแต่ได้รู้จักจางซิ่วเอ๋อ เขาพบว่าตัวเองไม่ได้รู้จักคุณชายตัวเองดีขนาดนั้น

อย่างตอนนี้ เขาไม่รู้เลยว่าคุณชายตัวเองคิดอะไรอยู่ เมื่อก่อนคุณชายตัวเองไม่เคยกินข้าวร่วมโต๊ะกับหญิงสาวที่ไหนมาก่อน!

น้อยครั้งนักที่จางซิ่วเอ๋อจะทำกับข้าวมากมายขนาดนี้ ดังนั้น ถ้ามองข้ามคุณชายฉินที่รกหูตกตาอยู่ จางซิ่วเอ๋อรู้สึกว่ากับข้าวมื้อนี้ถือว่าอร่อยมาก

กล่าวถึงจางอวี่หมิน หลังจากกลับบ้านไปแล้วนางก็ยิ่งคิดยิ่งโมโห

อย่างไรก็อยู่ไม่สุขแล้ว จึงได้แต่ออกมาเดินวนเวียนอยู่ละแวกบ้านผีสิง นางอยากรู้ว่าคุณชายฉินจะอยู่บ้านจางซิ่วเอ๋อไปอีกนานแค่ไหน แล้วระหว่างทั้งคู่จะเกิดอะไรขึ้นหรือไม่

รถม้าสะดุดตาขนาดนั้นจอดอยู่ข้างบ้านผีสิง คนที่เห็นไม่ได้มีเพียงจางอวี่หมิน

หลีฮวาเองก็เห็น ถึงแม้นางไม่เห็นคุณชายฉินกับตา แต่เวลานี้ก็รู้แล้วว่าคุณชายฉินมาหาจางซิ่วเอ๋อ

หลีฮวาไม่แปลกใจเลยสักนิดที่เห็นจางอวี่หมินอยู่ที่นี่

“อวี่หมิน เจ้าทำอะไรอยู่เหรอ?” หลีฮวาถามยิ้ม ๆ

จางอวี่หมินจะยอมเล่าเรื่องที่ก่อนหน้านี้ตัวเองโดนคุณชายฉินปฏิเสธได้ที่ไหน? นี่มันเสียหน้าเกินไปแล้ว

และความรักในหน้าตาของนางก็อนุญาตให้นางพูดแบบนี้

จางอวี่หมินเอ่ยขึ้น “ข้าไม่มีอะไรทำเลยมาเดินเล่นแถวนี้ ว่าแต่เจ้าล่ะ….มาทำอะไรที่นี่”

หลีฮวายิ้ม “ข้ามาหาเจ้า ข้าเห็นว่าคุณชายฉินมา ไม่มีทางที่เจ้าจะไม่รู้ ก็เลยมาเสี่ยงโชคดู”

จางอวี่หมินเหลือบมองหลีฮวา “เจ้านี่ใส่ใจเรื่องของข้าและคุณชายฉินเสียจริงนะ”

หลีฮวาได้ยินแล้วก็แค่นเสียงในใจ อะไรคือเรื่องของนางกับคุณชายฉิน? คนไม่รู้จะนึกว่าระหว่างจางอวี่หมินและคุณชายฉินมีอะไรจริง ๆ เสียอีก!

ถึงแม้ในใจหลีฮวาจะดูแคลนนาง แต่ยังคงพูดด้วยรอยยิ้ม “ข้าเป็นห่วงเจ้าน่ะสิ เจ้าก็รู้ว่าข้าไม่ชอบจางซิ่วเอ๋อ มีคนในหมู่บ้านพูดกันไม่น้อยเลยว่าคราวนี้โชคเข้าข้างจางซิ่วเอ๋อสุด ๆ ไม่แน่ว่าจะได้แต่งเข้าบ้านคนรวยเป็นฟูเหรินน้อยด้วย” น้ำเสียงหลีฮวาเจือแววยุแยง

คำพูดแบบนี้มาจากการคาดเดาและคิดไปเองทั้งนั้น คนทั่ว ๆ ไปได้ยินแล้วส่วนใหญ่ต้องนึกว่าเป็นเรื่องตลกอย่างแน่นอน ไม่คิดเป็นจริงเป็นจังหรอก

………………………………………………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

มากินข้าวบ้านน้องแบบนี้นี่มีจุดประสงค์อย่างอื่นแฝงหรือเปล่าคะคุณชาย

ไหหม่า(海馬)