“เขาจิตใจดีจนใครเห็นก็นึกสงสาร ปกติแม้แต่มดตัวเดียวเขายังทำใจเหยียบไม่ได้ด้วยซ้ำ ไม่รู้จริงๆ ว่าเหตุใดพระเจ้าจึงปล่อยให้คนดีอย่างเยี่ยเฟิงต้องพบเจอกับความยำลำบากขนาดนี้”

“บางทีเราก็อยากให้เขาทิ้งยายไปเสียให้สิ้นเรื่อง ตัวเองจะได้ไม่ต้องเหนื่อยขนาดนี้ แม้แต่ยายของเขายังขอร้องให้เขาทิ้งนางไปเลย แต่เด็กคนนี้ยังดึงดัน ต่อให้ตัวเองต้องเหนื่อยจนสายตัวขาดก็อยากจะทำให้ผู้เป็นยายมีชีวิตที่ดีที่สุด”

ไม่รู้ว่าทำไมภายในใจของกู้ชูหน่วนจึงหนักอึ้งอย่างบอกไม่ถูก

“ท่านรู้หรือไม่ว่าเรือนของเขาอยู่ที่ไหน”

“อยู่ที่ท้ายหมู่บ้านเสี่ยวเหอของเรานี่ละ ครอบครัวเขามีพื้นฐานไม่ดี เงินที่ได้มาทั้งหมดก็ใช้ไปกับการรักษาอาการป่วยของยาย เขาไม่มีเงินสร้างเรือน ผู้ใหญ่บ้านจึงใจดีมอบกระท่อมผุๆ ให้เขาหนึ่งหลัง ใช้เป็นที่บังลมบังฝน”

ทันใดนั้นกู้ชูหน่วนก็ยิ้มและถามว่า “เขาช่วยงานท่านที่นี่ วันหนึ่งท่านให้เงินเขาเท่าไรหรือ”

“เฮ้อ เขาไม่ยอมรับเงินจากข้าด้วยซ้ำ ข้าต้องบังคับ เขาจึงยอมรับเงินจากข้าวันละห้าอีแปะ แต่เขาก็ไม่ได้มาทุกวันหรอกนะ”

พูดมาถึงตรงนี้เถ้าแก่ก็หยุดไปนิดหนึ่ง ทันใดนั้นก็เอ่ยอย่างมีลับลมคมในว่า “พูดถึงเรื่องนี้ มีเรื่องหนึ่งที่ข้ากลุ้มใจมาก บางครั้งเยี่ยเฟิงก็หายไปสองสามวัน พอถามว่าไปไหนมาเขาก็ไม่บอก ทุกครั้งเขาจะบอกแค่ว่าออกไปหาเงิน แต่เจ้ารู้หรือเปล่า ทุกครั้งที่เขาหายไป เขาจะกลับมาพร้อมกับบาดแผลมากมายเสมอ”

“บาดแผลมากมาย?” กู้ชูหน่วนแปลกใจ

เป็นไปได้ไหมว่าเขาเป็นมือสังหารและถูกคนอื่นทำร้ายจนบาดเจ็บสาหัส

“ใช่ เรียกว่าร้ายแรงเลยละ ร้ายแรงจนไม่น่าจะทนได้ นอกจากนี้ยังมีแผลบางแผล…”

เถ้าแก่กำลังจะพูด แต่เหมือนคิดอะไรขึ้นมาได้จึงหยุดไปเสียอย่างนั้น ไม่ว่ากู้ชูหน่วนจะถามอะไรเขาก็ไม่ยอมบอกอะไรอีกและบอกเพียงว่า “เขารับทำงานที่หอนางโลมด้วย ได้ยินมาว่าที่นี่ให้เงินมาก คงจะมีอะไรเกี่ยวข้องกับที่นั่นไม่มากก็น้อย อนิจจา เด็กที่น่าสงสาร”

กู้ชูหน่วนฟังแล้วรู้สึกสับสน

นี่มันหมายความว่าอย่างไร

มีความเกี่ยวข้องหอนางโลมรึ

หรือว่าเขาขายตัวไปแล้ว

กู้ชูหน่วนวางเงินจำนวนหนึ่งให้เถ้าแก่ร้านบะหมี่และตั้งใจจะตรงไปที่หมู่บ้านเสี่ยวเหอ

“แม่นาง แค่บะหมี่ถ้วยเดียวไม่ได้ราคาแพงขนาดนี้”

“ไม่เป็นไร ที่เหลือนั่นเป็นการตอบแทนท่าน”

กู้ชูหน่วนกวาดตามองร้านบะหมี่ที่ไร้ชีวิตชีวาและวางเงินให้อีกแท่งหนึ่ง “ท่านพาข้าไปที่เรือนของเยี่ยเฟิงทีสิ”

เถ้าแก่รีบคืนเงินให้นางและเอ่ยอย่างระวังตัวว่า “เจ้าคิดจะทำอะไร ถึงเยี่ยเฟิงจะเป็นคนซื่อตรงและจิตใจดี แต่เขาก็ไม่ใช่คนที่ใครจะรังแกได้ง่ายๆ”

กู้ชูหน่วนไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี “ท่านคิดว่าข้าจะทำอะไร ข้าแค่ได้ยินท่านพูดถึงเขาอย่างดีขนาดนั้น ก็เลยอยากซื้อข้าวของไปให้ยายของเขา ก็แค่อยากช่วยเหลือ”

“ช่วยเหลือรึ”

“ก็แค่จะไปเยี่ยมยายของเขา ถ้ายายของเขาต้องการความช่วยเหลืออะไร ข้าอาจจะพอช่วยเหลือได้บ้าง”

เถ้าแก่ถอนใจด้วยความโล่งอกและเกาหัวอย่างอายๆ “ที่แท้แม่นางก็อยากจะทำความดี ขอโทษด้วยที่ข้าเข้าใจเจ้าผิด ข้าจะพาเจ้าไปเอง แต่ข้าขอไม่รับเงินของเจ้านะ”

“รับไปเถิด ครอบครัวของพวกท่านก็ลำบากเหมือนกันนี่นา”

กู้ชูหน่วนซื้อเสื้อผ้าและอาหารจำนวนหนึ่ง จากนั้นจึงไปที่หมู่บ้านเสี่ยวเหอกับเถ้าแก่ร้านบะหมี่

หมู่บ้านเสี่ยวเหอตั้งอยู่ทางทิศใต้ของเมือง ที่นี่มีภูเขาสวยแม่น้ำใส ตัดขาดจากทางโลก เมื่อมองไปไกลๆ จะเห็นชาวบ้านยุ่งอยู่กับงานในนาข้าว เด็กๆ รวมกลุ่มกันเล่นอย่างสนุกสนาน

เมื่อเห็นเถ้าแก่พานางมา หลายๆ คนจึงมารุมล้อมสอบถามเขา จะเห็นได้ว่าความเป็นอยู่ของที่นี่เรียบง่ายมาก

ในไม่ช้ากู้ชูหน่วนก็มาถึงท้ายหมู่บ้าน

ที่แถวนี้เงียบเหงากว่าที่ต้นหมู่บ้านมาก

“แม่นาง นั่นไง กระท่อมนั่นคือเรือนของเยี่ยเฟิง”