บทที่ 179 แล้วเจ้าคิดว่าอย่างองค์ชายพอใช้ได้ไหม?

หมอผีแม่ลูกติด

บทที่ 179

แล้วเจ้าคิดว่าอย่างองค์ชายพอใช้ได้ไหม?

ถึงแม้ว่าเขาจะได้ยินลูกน้องพูดอยู่ตลอดว่าใบหน้าของเขานั้นไร้ที่ติ แต่เขาก็ไม่เคยคิดใส่ใจมาก่อนเลย เมื่อมาคิดถึงเรื่องนี้ในวันนี้แล้ว เขาเองก็คิดว่าตัวเองเกิดมาหน้าตาดีเหมือนกัน แต่ทำไมนางถึงได้ไม่ชอบเขานะ?

หลินซีเหยียนก็ได้โยนความคิดนั้นออกไปจากหัวของนาง ในเวลานี้ดวงตาของนางนั้นเต็มไปความรักที่มีต่อขนมที่อยู่ตรงหน้านาง และขนมเหล่านี้ล้วนทำออกมาอย่างประณีตนัก

“ขนมนี้มันดูงดงามมาก ท่านรู้ชื่อหรือไม่?”

เจียงหวายเย่ก็ได้จ้องไปที่ขนมในมือของนางแล้วกล่าว “ที่เจ้าถืออยู่ในมือเรียกขนมฝูหรง ส่วนที่สีเขียวๆนั่นขนมเฝ่ยชุ่ยอวิ๋น แล้วที่สีแดงๆนั่นขนมหลิวหลี”

“ชื่อดี” หลินซีเหยียนก็ได้ตอบด้วยรอยยิ้ม “สมกับชื่อของมันจริงๆ ช่างเหมาะสมยิ่งนัก”

ในขณะที่หลินซีเหยียนกำลังเพลิดเพลินกับขนมอยู่นั้น เจียงหวายเย่ก็ได้ลุกขึ้นยืนเพราะเขาเห็นนกอินทรีส่งสารซึ่งเป็นของหอพันกลอยู่ข้างนอกหน้าต่าง

นกอินทรีนั้นเป็นนกที่ดุร้ายมาก การที่จะฝึกให้เชื่องได้นั้นจำต้องผ่านกระบวนการฝึกที่ยากลำบากนักกว่าจะฝึกนกอินทรีได้ หลินซีเหยียนจึงได้จ้องไปที่นกอินทรีด้วยดวงตาที่สนใจมาก

เจียงหวายเย่ก็ได้ยื่นแขนออกไปแล้วให้นกอินทรีลงมาเกาะที่แขนของเขา เขาหยิบเอาม้วนกระดาษออกมาจากขาของมันแล้วเปิดอ่านดู ซึ่งมีตัวหนังสือสีแดงสองตัวเขียนอยู่ในนั้น “กลับด่วน”

จดหมายนี้ถูกเขียนโดยเชียนฝานที่ประจำการอยู่ที่หอพันกล แสดงว่าจะต้องมีเรื่องที่สำคัญมากแน่ เจียงหวายเย่จึงได้ตัดสินใจที่จะกลับหอพันกลในทันที

“มีบางอย่างเกิดขึ้นที่หอพันกล พวกเราจำเป็นต้องไปกันแล้ว”

เจียงหวายเย่ก็ได้หยิบเอากระดาษมันที่เตรียมเอาไว้ส่งให้หลินซีเหยียน

หลินซีเหยียนก็ได้บิดริมฝีปากของนาง แล้วจากนั้นก็ทำการห่อขนมที่นางชอบ จากนั้นนางก็นึกขึ้นได้เรื่องหนึ่ง “สถานที่ของหอพันกลนั้นเป็นความลับมากนี่นา แล้วพาข้าไปเช่นนี้จะไม่เป็นปัญหาอะไรเหรอ?”

“เปิ่นหวางไว้ใจเจ้า”

แล้วเจียงหวายเย่ก็ได้จูงมือหลินซีเหยียนแล้วขึ้นขี่ม้าไปด้วยกัน จนไปถึงวัดร้างแห่งหนึ่งแล้วทั้งสองคนก็ได้แวะพักที่นั่น ไม่นานนักก็มีเสียงของอันอี้ดังมาจากในวัดร้างนั้น

“องค์ชาย หน่วยพันกลได้กลับไปที่หอพันกลล่วงหน้าแล้วขอรับ”

เจียงหวายเย่ก็ได้ผงกหัวแล้วจากนั้นก็ถาม “พอจะรู้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้นที่หอพันกล?”

“ข้าน้อยทราบมาว่ามีคนทรยศอยู่ในหอพันกลขอรับ เขาคิดที่จะฉวยโอกาสเข้าควบคุมหอพันกล แต่ทว่ากลับถูกมองออกโดยผู้อาวุโสเชียนฝานเสียก่อน คนทรยศจึงได้นำคนมาล้อมหอพันกลไว้ขอรับ”

อันอี้ได้เล่าให้เจียงหวายเย่ฟังทั้งหมดที่เขารู้มาโดยไม่ปิดบัง

คนในหอพันกลทั้งหมดล้วนเป็นคนที่เจียงหวายเย่ไว้ใจ แล้วใครกันที่เป็นคนทรยศ? ไม่ว่าคนคนนั้นจะเป็นใครแต่เป้าหมายของเขาย่อมไม่ธรรมดาแน่ อย่างไรเสียหอพันกลนั้นขึ้นชื่อเรื่องการรวบรวมข้อมูลข่าวสารอย่างมาก

หอพันกลนั้นไม่เพียงแต่จะมีข้อมูลทุกอย่างในรัฐเจียง แต่มีแม้กระทั่งข้อมูลในแวดวงขุนนาง ทำให้มีคนจำนวนมากมายที่อยากจะได้หอพันกล

ในขณะที่พวกเขากำลังเดินทางไปตามเส้นทางเดียวที่จะไปยังหอพันกลได้ จู่ๆก็มีเหล่านักฆ่ามากมายปรากฏตัวทั้งสองฟากฝั่งถนน เมื่อเห็นว่ามีการแต่งกายที่เหมือนกันแล้ว ก็น่าจะเป็นเหล่านักฆ่าที่คนทรยศได้เตรียมเอาไว้ล่วงหน้าแน่ๆ

“เจ้าใช่ประมุขหอพันกลรึเปล่า?”

เจียงหวายเย่ก็ได้จ้องไปยังฝ่ายตรงข้ามโดยไม่ตอบอะไร

ท่าทีของเขานั้นเหมือนจะทำให้อีกฝ่ายรู้สึกหงุดหงิดแล้วพูดต่อ “ไม่ว่าเจ้าจะใช่หรือไม่ใช่ แต่จะต้องไม่มีใครที่ผ่านที่นี่ในวันนี้รอดกลับไปได้”

เมื่อเป็นเช่นนั้นอันอี้ก็ได้ถามออกไป “ทุกท่าน ข้าขอถามอะไรหน่อยได้ไหม?”

“ว่ามา ยังไงพวกเจ้าก็ต้องตายอยู่แล้ว ถ้าพวกเจ้าอยากจะถามอะไรก็ถามมาได้เลย!” ในสายตาของฝ่ายตรงข้ามแล้ว พวกเขาเหมือนกับคนที่ตายไปแล้ว ดังนั้นอีกฝ่ายจึงได้คิดจะตอบคำถามอันอี้ แน่นอนว่ามันคงไม่ได้แน่ๆหากจะขอให้อีกฝ่ายปล่อยพวกเขา

“ทำไมพวกท่านถึงต้องการหอพันกลของพวกเราด้วย?”

“ข้าจะบอกให้เอาบุญก็ได้ หัวหน้าของพวกเรานั้นคิดที่จะทำการใหญ่ แต่ข่าวสารในหอพันกลเป็นสิ่งที่ขาดเสียไม่ได้ พวกเราจึงต้องการชิงหอพันกลมาเป็นของพวกเรายังไงล่ะ”

เจียงหวายเย่ก็ได้หรี่สายตาลง เขารู้สึกได้ว่าอีกฝ่ายนั้นไม่น่าจะรู้อะไรนอกเหนือไปจากนี้แล้ว เขาจึงได้กล่าวด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น “จัดการพวกมัน”

อันอี้ก็ได้ผงกหัว แล้วจากนั้นก็ได้ทำเสียงแบบนกกาเหว่าร้อง ในขณะที่อันอี้ได้ทำเป็นคุยกับพวกเขาอยู่นั้น ก็ได้ให้หน่วยอันเข้าไปประจำที่ด้านหลังคนพวกนั้น หลังจากที่อันอี้ให้สัญญาณ ไม่นานนักคนพวกนั้นก็ไม่สามารถพูดได้อีกต่อไป

หลังจากกำจัดคนพวกนี้เรียบร้อยแล้ว เจียงหวายเย่และพรรคพวกก็ได้มุ่งหน้าไปที่หอพันกลต่อ ในเวลานี้หอพันกลนั้นตกอยู่ในความอลหม่านและมีแผ่นกระดาษลอยไปทั่วทุกพื้นที่

แต่โชคดีที่แผ่นกระดาษพวกนั้นไม่มีข้อมูลอะไรเกี่ยวกับยา จึงไม่มีใครอยากที่จะดูข้อมูลเหล่านี้ พวกเขาจึงไม่ได้เร่งรีบเก็บข้อมูลเหล่านี้

แต่ก่อนที่พวกเขาจะเข้าไปด้านใน เจียงหวายเย่กับพรรคพวกก็ได้ยินเสียงที่ดังมาจากข้างใน

“อย่าหวังเลยว่าประมุขหอจะกลับมา เชียนฝาน ข้าแนะนำให้เจ้าส่งสูตรยานั่นมาเร็วๆจะดีกว่า ไม่อย่างนั้นเจ้าจะได้โดนถลกหนังออกแน่”

เสียงของฝ่ายตรงข้ามนั้นใสและไพเราะมาก หลังจากที่ได้ยินเชียนฝานก็ได้ตอบด้วยน้ำเสียงราวกับต้นสนที่ตั้งอยู่ในที่อันตรายในภูเขาอย่างมั่นคงและไม่เอนไหว

“ข้านั้นรู้ดีถึงความสามารถของท่านประมุขหอเป็นอย่างดี เขานั้นไม่ถูกจัดการโดยได้ง่ายๆเหมือนข้าอย่างแน่นอน”

เชียนฝานกล่าวด้วยความรู้สึกผิดในใจของเขา ถ้าไม่ใช่เพราะเขาไปหลงเชื่อหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าเขาแล้วไม่พานางกลับมาที่หอด้วยแล้ว หอพันกลแห่งนี้ก็คงไม่ประสบปัญหาเช่นนี้แน่ เขาได้แต่หวังว่านางนั้นจะสำนึกผิดในสิ่งที่ตัวเองทำได้ก่อนที่จะถึงจุดที่แก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว

“ลั่วเสีย เจ้าควรจะหยุดและล้มเลิกแผนการของเจ้าเสียก่อนที่ท่านประมุขหอจะกลับมา ข้าจะยังรักษาชีวิตเจ้าได้”

ลั่วเสียก็ได้ทำเสียงในลำคออย่างดูถูก “เก็บเอาความหวังดีที่น่ารังเกียจของเจ้ากลับไป จนถึงเดี๋ยวนี้ข้าอยากจะบอกเจ้าตรงๆว่า จริงๆแล้วข้าไม่เคยชอบเจ้าเลย เจ้ากับข้าก็เหมือนชาวนากับงูเห่าเท่านั้น ทั้งหมดที่ข้าทำลงไปก็เพื่อเจ้านายของข้าเท่านั้น

ทั้งน้ำเสียงและสีหน้าบนใบหน้าของนางนั้นได้เสียดแทงหัวใจของเชียนฝานมาก ในเวลานี้เขามีสีหน้าที่โดดเดี่ยว “ตลอดหลายปีมานี้ข้าอุตส่าห์ทำดีกับเจ้ามาตลอด? ทำไมเจ้าถึงทำเช่นนี้กับข้าได้ลงคอ!”

“ฮึ อย่ามาทำเป็นเฉไฉนะ ข้าจะบอกเจ้าให้ก็ได้ว่าเจ้านายของข้านั้นมีเบื้องหลังที่แข็งแกร่งมาก ต่อให้ประมุขหอไม่ตาย เขาก็ทำอะไรข้าไม่ได้อยู่ดี?”

ในขณะที่ลั่วเสียกำลังพูดคุยโม้โอ้อวดอยู่นั้น ก็ได้มีกระบี่ที่คมกริบโผล่มาอยู่ข้างๆคอของนาง ซึ่งทำให้นางตกใจมาก

เชียนฝานที่เห็นเจียงหวายเย่กับอันอี้ ดวงตาของเขาก็เต็มไปด้วยความยินดี “ท่านประมุข ในที่สุดท่านก็มา”

เมื่อรู้ได้ถึงความจริงใจที่เชียนฝานมีให้กับลั่วเสียแล้ว เจียงหวายเย่ก็ไม่ได้ปล่อยให้อันอี้ฆ่านาง แต่ใช้วิชาจี้สกัดจุดเอาไว้และคิดที่จะมอบให้เชียนฝานจัดการ

เชียนฝานก็ได้ก้มลงคุกเข่ากับพื้น สีหน้าของเขานั้นเต็มไปด้วยความรู้สึกผิดและเสียใจ “หอพันกลต้องประสบปัญหาครั้งใหญ่เป็นเพราะความผิดของข้าน้อยเอง ขอให้ท่านประมุขได้โปรดลงโทษข้าน้อยด้วย”

เมื่อเจียงหวายเย่ได้ยินที่กล่าว เขาก็ได้พูดด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็น “ถ้าเช่นนั้นเพื่อเป็นการชดเชยความผิดของเจ้า ข้าจะให้เจ้ารีดเอาข้อมูลจากลั่วเสียมาให้ได้ว่าเจ้านายของนางเป็นใครและต้องการทำอะไรกันแน่?”

“ขอบพระคุณท่านประมุขหอที่ให้โอกาสผู้น้อยอีกครั้ง” แล้วเชียนฝานก็ได้ลากลั่วเสียออกไป

แล้วคนที่เหลือก็ได้เริ่มทำความสะอาดหอพันกล มีกำลังคนบางส่วนที่เสียชีวิตในหอพันกล แต่ที่เป็นแกนนำยังคงอยู่ดี ทำให้หอพันกลยังคงทำงานได้ตามปกติ

เจียงหวายเย่ก็ได้กลับไปที่ห้องของเขา โดยมี หลินซีเหยียนเดินตามเขาไปอย่างเชื่อฟัง แต่สายตาของนางก็อดไม่ได้ที่จะมองดูรอบๆ แล้วสายตาของนางก็ได้มาหยุดอยู่ที่นกไม้ตัวหนึ่ง

เป็นนกแกะสลักจากไม้ที่ดูเหมือนกับมีชีวิตมาก ราวกับเป็นนกที่กำลังยืนอยู่นิ่งๆและกำลังจะบินในไม่ช้า

“นี่เป็นของที่องค์ชายเย่ทำขึ้นมาเหรอ?” หลินซีเหยียนจำได้ว่าท่านอาจารย์เคยบอกกับนางว่าเจียงหวายเย่เชี่ยวชาญด้านงานประดิษฐ์มาก ทำให้นางอดไม่ได้ที่จะถาม “มีกลไกอะไรอยู่ข้างในรึเปล่า?”