บทที่ 154 เจ้าไม่ยอมรับผลหรือ เช่นนั้นก็มาลองชิมด้วยตัวเองดูสิ

ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก: GOURMET OF ANOTHER WORLD

งานสมโภชร้อยครอบครัวเป็นงานที่จักรวรรดิจัดขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองเทศกาลฤดูใบไม้ผลิ และเป็นงานเลี้ยงอาหารให้เหล่าประชาชนทั่วไปเช่นกัน

ภายในประตูมายาสวรรค์ ภาพของบรรยากาศที่เต็มไปด้วยกลิ่นหอมของอาหารและเสียงหัวเราะรื่นเริงของผู้คนต่างสอดประสานเข้ากันเป็นอย่างดี กลิ่นหอมอร่อยผสานรวมกับเสียงหัวเราะของเหล่าผู้เข้าร่วมงานทำให้เกิดเป็นฉากที่ยากจะลืมเลือน

เหล่าผู้เข้าร่วมงานต่างกินอาหารของพวกเขาด้วยความเบิกบานใจ ส่วนพ่อครัวแม่ครัวเองก็ปรุงอาหารของตนอย่างขะมักเขม้นเช่นกัน ภายใต้วันที่เหน็บหนาว บรรยากาศที่เกิดขึ้นกลับสร้างความรู้สึกอบอุ่นขึ้นมา

ทว่า…เมื่อบรรยากาศชื่นมื่นจบสิ้นลง ก็ถึงเวลาการแข่งขันอันแสนโหดร้ายที่เหล่าผู้เข้าร่วมงานจะต้องเลือกพ่อครัวแม่ครัวอันดับหนึ่งของงานสมโภชร้อยครอบครัวในปีนี้

สำหรับเหล่าผู้เข้าร่วมงานนั้น พวกเขาต่างรื่นเริงมีความสุขขณะกินก็จริง ทว่าการจะเลือกพ่อครัวแม่ครัวเพียงคนเดียวนับว่าเป็นเรื่องที่เจ็บปวดมาก เพราะงานสมโภชร้อยครอบครัวในปีนี้มีของอร่อยมากมายเหลือเกิน ไม่ว่าจะเป็นลูกชิ้นสุขสราญสี่สหาย เนื้ออสูรเวทย่าง อสูรเวททั้งตัวย่างไฟซึ่งเป็นอาหารซ้อนอาหาร หรือแม้แต่เกี๊ยวจันทร์เสี้ยวสีรุ้ง… อาหารเหล่านี้เป็นสิ่งที่พวกเขาไม่เคยได้ลิ้มรสมาก่อน

หลายคนตัดสินใจไม่ได้ว่าจะเลือกอาหารจานไหนแต่ก็จำใจต้องเลือก แต่ละคนได้รับสิทธิ์ลงคะแนนคนละสิทธิ์ และการจะทิ้งสิทธิ์ไปเปล่าๆ ก็เป็นเรื่องน่าเสียดาย ไม่อย่างนั้นการเข้าร่วมงานสมโภชร้อยครอบครัวในปีนี้ก็จะไม่มีความหมาย

หลังจากปู้ฟางห่อเกี๊ยวทั้งหมดเสร็จ เขาก็ผ่อนลมหายใจออกมาเบาๆ พลางเช็ดหยาดน้ำออกจากมือรวมถึงเช็ดหยดเหงื่อออกจากหน้าผาก การห่อเกี๊ยวนับร้อยๆ ลูกในคราวเดียวทำให้ชายหนุ่มรู้สึกเหน็ดเหนื่อยไม่น้อย

พ่อครัวแม่ครัวคนอื่นๆ ต่างก็ทำอาหารเสร็จแล้วเช่นกัน บางคนกำลังยืนพิงเตาของตนด้วยท่าทางผ่อนคลาย แม้จะยังมีวัตถุดิบหลงเหลืออยู่บ้าง แต่ตอนนี้ก็ถึงเวลาลงคะแนนแล้วดังนั้นทุกคนจึงหยุดทำอาหาร แล้วมันก็แปลว่า งานสมโภชร้อยครอบครัวในปีนี้ใกล้จะสิ้นสุดลงแล้วเช่นกัน

นัยน์ตาของพ่อครัวจินดูบ้าคลั่งเพราะเขาค่อนข้างรู้สึกอับจนหนทาง พ่อครัวแม่ครัวที่เข้าร่วมแข่งขันปีนี้น่ากลัวเกินไป ไม่ว่าจะเป็นเถ้าแก่ปู้หรือพี่น้องจากเมืองอาทิตย์ขจี มีความเป็นไปได้สูงที่คนเหล่านี้จะมาเขย่าตำแหน่งของเขา และนี่ก็ทำให้เขารู้สึกกระวนกระวายใจไม่น้อย

จีเฉิงเสวี่ยลุกขึ้นยืนแล้วค่อยๆ ก้าวเท้ามาด้านหน้าพร้อมผ้าคลุมไหล่ที่ทำจากขนอสูรเวท เขามองสำรวจไปรอบบริเวณขณะยืนอยู่บนยกพื้นสูง

“ในงานสมโภชร้อยครอบครัวปีนี้ ข้าหวังว่าทุกคนจะเพลิดเพลินและพอใจกับอาหารเลิศรสทั้งหลาย” เสียงสงบนิ่งของจีเฉิงเสวี่ยดังก้องไปทั่วประตูมายาสวรรค์

ปู้ฟางฟังสุนทรพจน์ของจีเฉิงเสวี่ยไปพลางหย่อนเกี๊ยวลงในน้ำเดือด หลังจากที่ต้องยืนทำอาหารมาอย่างยาวนาน ตัวเขาเองก็รู้สึกอยากกินเกี๊ยวด้วยเช่นกัน

ปู้ฟางตักเกี๊ยวใสแจ๋วอมชมพูหน้าตาสวยงามขึ้นมาจากน้ำ ทันทีที่เขากัดเกี๊ยว กลิ่นหอมกรุ่นสีรุ้งก็พวยพุ่งออกมาเข้าปะทะใบหน้า แล้วพลันทำให้เขาเคลิบเคลิ้มไปกับความอร่อย

กลิ่นหอมสีรุ้งจะเกิดขึ้นได้หลังจากผ่านกระบวนการพิเศษเท่านั้น ความลับของมันอยู่ภายในแป้งห่อเกี๊ยว ตอนที่ปู้ฟางนวดแป้งเกี๊ยวอย่างพิถีพิถันด้วยพลังปราณเที่ยงแท้ แป้งจะซึมซับพลังปราณเที่ยงแท้เข้าไปด้วย และเมื่อนำเกี๊ยวลงไปต้มในน้ำเดือด พลังปราณเที่ยงแท้จะทำปฏิกิริยาเคมีก่อให้เกิดสีสันมากมายขึ้นที่ไส้เกี๊ยว ความจริงแล้วกลิ่นที่ปรากฏเป็นสีสันนั้นไม่ใช่ของจริง หากจะพูดให้เข้าใจง่าย มันก็คือปรากฏการณ์ภาพลวงตานั่นเอง

ทว่ากลิ่นหอมชวนกินนั้นเป็นของแท้แน่นอน

หลังจากซดน้ำซุปอุ่นๆ เข้าไปเต็มคำ ปู้ฟางก็ผ่อนลมหายใจออกมาเบาๆ แล้วกัดเกี๊ยวเข้าไปอีกหนึ่งคำ รสชาติแสนอร่อยเข้าโอบล้อมต่อมรับรสของเขาทำให้ชายหนุ่มพึงพอใจยิ่ง บางครั้งชามใส่เกี๊ยวชามเดียวก็เพียงพอจะทำให้คนคนหนึ่งรู้สึกเปรมปรีดิ์แล้ว

พอปู้ฟางกินเกี๊ยวหมดหนึ่งชาม จีเฉิงเสวี่ยก็พูดสุนทรพจน์ยาวเหยียดของเขาจบพอดี จักรพรรดิหนุ่มจำต้องกล่าวอะไรยืดเยื้อไม่เป็นสาระเหมือนที่พวกขุนนางระดับสูงและคนเด่นคนดังคนอื่นๆ พูดก่อนที่จะได้ฤกษ์เริ่มพิธีจริงๆ

ปู้ฟางเคยชินกับสิ่งเหล่านี้มานานแล้ว

เมื่อจักรพรรดิหนุ่มพูดจบ เขาก็กลับไปนั่งประจำที่ ขันทีคนหนึ่งก้าวออกมาประกาศกฎด้วยเสียงแหลมสูง “ลำดับต่อไป พวกเจ้าทุกคนคงมีเหรียญทองแดงที่ทำขึ้นมาเป็นพิเศษในมือแล้ว เหรียญทองแดงนี้คือคะแนนในการออกเสียงของพวกเจ้า ในหมู่อาหารจากพ่อครัวแม่ครัวมากมายในวันนี้ จานใดที่เจ้าโปรดปรานที่สุด ทันทีที่ตัดสินใจได้ก็ให้เดินไปวางเหรียญทองแดงลงในชามกระเบื้องด้านหน้าเตาทำอาหารของพ่อครัวแม่ครัวผู้นั้น ผู้ที่ได้รับเหรียญทองแดงมากที่สุดจะได้รับรางวัลที่ราชสำนักเตรียมไว้”

เหล่าชาวบ้านที่อยู่ด้านล่างพลันกระซิบกระซาบใส่กันพลางมองเหรียญทองแดงในมือตนเอง

เมื่อขันทีประกาศให้ทุกคนลงคะแนนได้ เหล่าชาวบ้านก็พากันลุกออกจากที่แล้วตรงไปยังส่วนทำอาหารของพ่อครัวแม่ครัวทันที

“พ่อครัวจิน ลูกชิ้นสุขสราญสี่สหายของท่านอร่อยมากจริงๆ! ข้าลงคะแนนให้ท่าน!” ชายรูปร่างกำยำคนหนึ่งหย่อนเหรียญทองแดงลงในชามกระเบื้องตรงหน้าพ่อครัวจินอย่างกระตือรือร้น

รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของพ่อครัวจินทันทีราวกับเป็นดอกไม้บาน แค่คนแรกก็เลือกเขาแล้ว ดูเหมือนว่าลูกชิ้นสุขสราญสี่สหายจะให้ผลดีไม่น้อยเลย

พ่อครัวจินถูศีรษะโล้นเลี่ยนของตัวเองไปมาพลางรู้สึกว่าโลกนี้กลับมาสวยงามอีกครั้งแล้ว เขาส่งสายตายั่วยุไปให้ปู้ฟางที่ยืนอยู่ไกลออกไป พลางพ่นลมเยาะเจ้าอ้วนที่ยืนอยู่ข้างๆ ซึ่งยังแทะน่องไก่ไม่หยุดปาก

หลังจากได้เหรียญทองแดงเหรียญแรกไปครอง เหรียญที่สองจะไปไหนเสีย

“เจ้าอ้วน เนื้อย่างของเจ้าอร่อยสุดๆ! พี่สาวคนนี้ลงคะแนนให้เจ้านะ!” หญิงสาวผู้นี้เลือกอาหารที่อาลู่ทำ

“เจ้าคนที่สะพายกระทะน่ะ อสูรเวทย่างไฟของเจ้าทำให้ข้าหยุดกินไม่ได้เลย มันอร่อยสุดๆ! สมแล้วที่เป็นพ่อครัว!” ส่วนคนนี้เลือกอาเหวย

“เถ้าแก่ปู้! ตัวจริงหล่อสุดๆเลย! ทักษะการใช้มีดของท่านทำเอาข้าตาแทบบอด! เกี๊ยวของท่าน… ก็ทำเอาข้าอยากหลั่งน้ำตา! อร่อยเหลือทนจริงๆ!”

“เถ้าแก่ปู้ มาเป็นพ่อของลูกข้าเถอะ! ข้าจะเลือกท่านไปจนวันตายเลย!”

“เถ้าแก่ปู้ เราสองคนชื่นชอบอาหารของเจ้ามาก เราหวังว่าเจ้าจะทำอาหารอร่อยๆ เช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ พวกเราเลือกเจ้า” คู่ผู้เฒ่าชราเดินจับมือกันมา พลางเอ่ยให้กำลังใจปู้ฟางพร้อมรอยยิ้มบาง แล้ววางเหรียญทองแดงของพวกเขาลงในชามตรงหน้าชายหนุ่ม

ปฏิกิริยาของปู้ฟางก็ช่างตรงไปตรงมา ชายหนุ่มโค้งให้คนทั้งคู่เล็กน้อยพลางกล่าวเบาๆ “ข้าจะทำเต็มที่”

สถานการณ์พลิกผันในชั่วพริบตา…

พ่อครัวจินรู้สึกราวกับว่าโลกนี้ไม่มีความหมายให้อยู่อีกต่อไปขณะเหลือบแลเหรียญทองแดงเพียงเหรียญเดียวที่นอนนิ่งอยู่ในชามกระเบื้องตรงหน้า ไหนล่ะเหรียญทองแดงเหรียญที่สองของเขา… เกิดอะไรขึ้นกับจุดสูงสุดของชีวิตข้ากัน

หัวล้านเลี่ยนของเขาค่อยๆ หม่นลงจนเกือบจะเสียความแวววาวทั้งหมดไป

อาลู่ดึงน่องไก่ออกจากกระเป๋าผ้ากันเปื้อนแล้วฉีกกินอย่างรุนแรง ร่องรอยความพึงพอใจปรากฏขึ้นบนใบหน้า

ตรงข้ามกับอาเหวยที่มองชามกระเบื้องตรงหน้าด้วยสีหน้าขุ่นมัว เมื่อเทียบกับปู้ฟางแล้ว… คนที่เลือกเขายังนับว่าน้อยกว่ามาก

นี่เขาจะแพ้เช่นนั้นหรือ จะเป็นไปได้อย่างไร… เขาอุตส่าห์ลงทุนลงแรงไปมากกับอาหารจานนี้! ทำแม้กระทั่งงัดทักษะอาหารซ้อนอาหารขึ้นมาใช้ แล้วเหตุใดยังแพ้อีก หนำซ้ำยังจะแพ้ให้คนที่ไม่แม้กระทั่งใช้วัตถุดิบที่มีพลังปราณทำอาหารด้วยซ้ำ!

อาเหวยกำหมัดแน่นพลางกัดริมฝีปากอย่างรุนแรง เขารับไม่ได้ที่ตนเองจะพ่ายแพ้เช่นนี้ “นายท่านตัวเหม็น! เกี๊ยวของท่านอร่อยเป็นบ้า! ท่านจะทำขายในร้านด้วยรึเปล่า” โอหยางเสี่ยวอี้พูดอย่างร่าเริงขณะเดินตรงไปยังปู้ฟางอย่างกระฉับกระเฉง แน่นอนว่านางย่อมหย่อนเหรียญทองแดงลงในชามปู้ฟางอยู่แล้ว

เซียวเยียนอวี่ เซียวเสี่ยวหลงและคนอื่นๆ ต่างก็เดินมาหย่อนเหรียญทองแดงลงในชามตรงหน้าปู้ฟางเช่นกัน พวกเขายิ้มน้อยๆ พลางพยักหน้าให้ชายหนุ่ม

เหล่าขุนนางชั้นสูงต่างก็ตรงมาทางปู้ฟาง แม้จะมีบางคนเลือกอาเหวย แต่คนที่เลือกเกี๊ยวจันทร์เสี้ยวสีรุ้งของปู้ฟางก็มีมากกว่า

ในมุมมองของพวกเขา ทักษะการย่างของอาเหวยอาจจัดได้ว่าเข้าขั้นสมบูรณ์แบบ แต่มันก็เทียบไม่ได้เลยกับเกี๊ยวของเถ้าแก่ปู้ในด้านการสร้างอารมณ์ความรู้สึก อาหารที่สามารถทำให้พวกเขารู้สึกมีความสุขและดื่มด่ำกับความสำราญในความหนาวเหน็บยังคงติดอยู่ในใจของใครหลายคน

อาหารของเถ้าแก่ปู้เหมือนมีเวทมนตร์อาบเคลือบอยู่! เป็นเวทมนตร์ที่สะกดจิตใครหลายคนได้อยู่หมัด!

“ข้าไม่ยอมรับผลลัพธ์นี้! ข้าจะแพ้ได้อย่างไร!” อาเหวยไม่อาจยอมรับความพ่ายแพ้ของตน สีหน้าของเขาถมึงทึงไม่น่าดูขณะจ้องมองเหรียญทองแดงจำนวนเล็กน้อยที่อยู่ในชามตรงหน้า แน่นอนว่าจำนวนเหรียญที่เขาได้นั้นนับว่าไม่เลวเลยเมื่อเทียบกับชามที่ว่างเปล่าของพ่อครัวแม่ครัวหลายคน หรือแม้กระทั่งกับของอาลู่ที่มีเพียงไม่กี่เหรียญ อาลู่ไม่ได้ใส่ใจผลที่ออกมาแม้แต่น้อย เขายังคงดื่มด่ำกับช่วงเวลาดีๆ ในการล้วงน่องไก่ขึ้นมาฉีกกินไม่ขาดปาก

“เจ้าไม่ยอมรับผลหรือ” จีเฉิงเสวี่ยปรายตามองอาเหวยด้วยสีหน้านิ่งเรียบแล้วเอ่ยถามออกมา “ผลลัพธ์นี้ได้มาจากการลงคะแนน แล้วเหตุใดเจ้าจึงไม่พอใจเล่า”

อาเหวยจนคำพูดขึ้นมาทันใด วาจาของจีเฉิงเสวี่ยนั้นสมเหตุสมผล ผลลัพธ์ครั้งนี้ได้มาจากการลงคะแนนของผู้เข้าร่วมงานทั้งหมด เขามีเหตุผลอะไรที่จะไม่ยอมรับกัน

ทว่าชายร่างผอมก็ยังไม่อาจยอมรับผลในครั้งนี้ได้… เหตุใดอาหารที่เขาทำอย่างพิถีพิถันจึงด้อยกว่าเกี๊ยวจันทร์เสี้ยวสีรุ้งของปู้ฟางที่ไม่แม้แต่จะใช้วัตถุดิบที่มีพลังปราณกัน

พ่อครัวจินยืนนิ่งอยู่กับที่ สีหน้าห่อเหี่ยวเหมือนไร้แรงจูงใจจะมีชีวิตอยู่ต่อ แต่เมื่อได้ยินคำถามของอาเหวย พ่อครัวหัวล้านเลี่ยนก็ยืดตัวตรงแล้วพยักหน้าเห็นด้วยเบาๆ

รสชาติของวัตถุดิบธรรมดาย่อมไม่อาจเทียบกับวัตถุดิบพลังปราณได้ ความรู้นี้เป็นสิ่งที่รับรู้กับทั่วไปในโลกของการทำอาหาร ทว่าวันนี้ปู้ฟางกลับทำลายหลักการนี้ลงเสียได้

ปู้ฟางลูบพุงของตัวเองขณะปรายตามองอาเหวยและพ่อครัวจินหัวล้านด้วยสีหน้าเรียบเฉย จากนั้นก็ผ่อนลมหายใจออกมาเบาๆ

ชายหนุ่มกล่าวออกมา “เจ้าไม่ยอมรับผลหรือ เช่นนั้นก็มาลองชิมด้วยตัวเองดูสิ”