ตอนที่ 184 น้ำนมผสมน้ำ

แม่สาวเข็มเงิน

เจียงป่าวชิงกับเจียงหยุนชานอุ้มฟ๋านฟ๋านกลับมาที่บ้าน เวลาสองก้านธูปผ่านไป เด็กหญิงตัวเล็กผอมแห้งเหมือนท่อนฟืนคนหนึ่งก็เดินถือถ้วยนมตรงมาทางนี้

เด็กผู้หญิงคนนั้นอายุยังไม่มากนัก สีหน้าของนางเจือความขลาดกลัวเต็มเปี่ยม นางถือถ้วยเคลือบร้าว ๆ ยืนอยู่ตรงหน้าบ้าน แม้แต่ประตูก็ยังไม่กล้าเคาะเลยด้วยซ้ำ

เจียงป่าวชิงที่กำลังหว่านเมล็ดผักสดอยู่ในสวนผักลุกขึ้นยืน นางถึงจะเห็นชายเสื้อผ้าจากในซอกรั้วแวบ ๆ

เจียงป่าวชิงเปิดประตูลานบ้าน สอดส่ายสายตามองออกไปข้างนอกด้วยความฉงนสงสัย เจ้าเสี่ยวหวงกับเจ้าเสี่ยวป๋ายก็ตามออกมาด้วยเช่นกัน ในตอนที่พวกมันเห็นว่ามีคนอยู่ตรงหน้าบ้านก็พากันส่งเสียงเห่าอย่างบ้าคลั่ง ทำให้เด็กผู้หญิงคนนั้นตกใจจนก้าวถอยหลังไปหลายก้าว

โชคดีที่นางยังถือถ้วยในมือไว้แน่น น้ำนมข้างในจึงไม่ได้กระฉอกออกมามากเท่าไหร่

เจียงป่าวชิงใช้เท้าไล่เจ้าสุนัขทั้งสองตัวเพื่อให้พวกมันเข้าไปเล่นในบ้านก่อน นางปิดประตูบ้านแล้วถามขึ้นอย่างเกรงใจว่า “เจ้าคือแม่นางสามจากตระกูลชูใช่ไหม ?”

เป็นครั้งแรกที่เด็กผู้หญิงคนนี้มาที่บ้านของเจียงป่าวชิง นางก้มหน้างุด ๆ ท่าทางดูไม่เป็นธรรมชาติเอาเสียเลย แต่มือที่ถือถ้วยเคลือบกลับมั่นคงมาก “พี่… พี่เรียกข้าว่าชูซานฮัวก็ได้เจ้าค่ะ”

พวกเด็กผู้หญิงของตระกูลชูจะถูกจัดอันดับตามลำดับอายุ  ตั้งแต่ชูต้าฮัว ชูเอ้อฮัว จัดเรียงแบบนี้เรื่อย ๆ จนไปถึงคนสุดท้อง

เจียงป่าวชิงพยักหน้าพลางยื่นมือไปรับถ้วยเคลือบใส่น้ำนมมาจากมือชูซานฮัว นางเอ่ยขอบคุณชูซานฮัวอย่างเกรงใจ “อา… เจ้ารอประเดี๋ยวนึงนะ ข้าจะไปเปลี่ยนถ้วยมาให้เจ้า”

ทว่าชูซานฮัวไม่ตอบ นางถูมือกับชายเสื้อด้วยสีหน้าราวกับคนขี้ขลาด จากนั้นนางก็เอ่ยถามอย่างลังเล “พี่ ข้า… ข้าขอเข้าไปดูน้องสาวได้หรือเปล่าเจ้าคะ ?”

เจียงป่าวชิงชะงักไปเล็กน้อย “อ้อ ได้ เข้ามาสิ”

เจียงป่าวชิงพาชูซานฮัวเข้ามาในบ้าน เจียงหยุนชานกำลังอ่านหนังสืออยู่ใกล้กับหน้าต่าง ส่วนเสี่ยวฟ๋านฟ๋านนอนหลับสนิทอยู่บนเตียงข้าง ๆ

เจียงหยุนชานเห็นเจียงป่าวชิงพาเด็กผู้หญิงหน้าตาเหลืองซูบเข้ามาในบ้านด้วย ก็บังเกิดความสงสัยเล็กน้อย เจียงป่าวชิงจึงพูดขึ้น “นี่คือพี่สาวคนที่สามของเสี่ยวฟ๋านฟ๋านเจ้าค่ะพี่หยุนชาน  ไม่เป็นไรหรอก พวกเราไม่รบกวน พี่อ่านหนังสือของพี่ต่อเถอะ”

เจียงหยุนชานพยักหน้ารับรู้ สายตาของเขาก็กลับไปมองบนหน้าหนังสือที่ถูกเขาพลิกจนริมขอบของหน้าหนังสือเริ่มงอแล้ว

ชูซานฮัวยืนอยู่ข้างเตียงด้วยความขลาดกลัว นางมองเสี่ยวฟ๋านฟ๋านด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความซับซ้อน

เจียงป่าวชิงถือถ้วยที่ฆ่าเชื้อแล้วและใช้สำหรับป้อนนมเสี่ยวฟ๋านฟ๋านโดยเฉพาะออกมาจากในห้องครัว ก่อนจะเทน้ำนมในถ้วยที่ชูซานฮัวพกมาใส่ในถ้วยนั้น แต่นางอดไม่ได้ที่จะใจจดใจจ่อ เพ่งมองน้ำนมอย่างละเอียดเพราะกลัวจะพลาดทำหก

ชูซานฮัวมองเจียงป่าวชิง นางเห็นว่าเจียงป่าวชิงถือถ้วยเคลือบใบเก่าออกมาเปลี่ยนน้ำนม นางจึงไปหยิบถ้วยที่นางพกมาในทีแรกและเตรียมจะลากลับบ้านของตัวเอง

“พี่ ถ้าอย่างนั้นข้าขอตัวกลับก่อนนะเจ้าคะ” ชูซานฮัวพูดเสียงเบา

ทว่าเจียงป่าวชิงขมวดคิ้ว นางเรียกชูซานฮัวเอาไว้ด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “เดี๋ยว”

ร่างกายผอมแห้งของชูซานฮัวสั่นเทา นางหันกลับมามองเจียงป่าวชิงด้วยแววตาตั้งคำถาม “ยังมีอะไรอีกหรือเจ้าคะ ?”

เจียงป่าวชิงชี้ไปยังถ้วยที่ตั้งอยู่บนโต๊ะ นั่นเป็นถ้วยที่นางใช้สำหรับป้อนนมเสี่ยวฟ๋านฟ๋านโดยเฉพาะ มันมีรูปดอกไม้เล็ก ๆ วาดอยู่บนขอบถ้วยซึ่งดูเรียบง่ายสวยงามมาก และนั่นเป็นถ้วยที่เจียงป่าวชิงซื้อมาจากตลาดในอำเภอเมื่อตอนไปครั้งที่แล้ว

สายตาของชูซานฮัวไปหยุดที่ถ้วยใบนั้น พลันความอิจฉาริษยาก็ปรากฏขึ้นมาในตาของนางทันที

“น้ำนมถ้วยนี้ ย่าของเจ้าใช้ให้เจ้าเอามาส่งรึ ?” เจียงป่าวชิงถาม

ชูซานฮัวตัวสั่นเล็กน้อย แต่นางยังคงพูดด้วยท่าทางสงบนิ่ง “ใช่เจ้าค่ะ ท่านย่าใช้ให้ท่านแม่ของข้าบีบรีดเอาน้ำนมออกมาให้หนึ่งถ้วย แล้วให้ข้าเป็นคนนำมาส่งให้”

เจียงป่าวชิงจ้องชูซานฮัวเขม็ง “ในน้ำนมถ้วยนี้มีน้ำผสมอยู่ เจ้ารู้หรือเปล่า ?”

สีหน้าของชูซานฮัวเปลี่ยนไปทันที  ดูจากท่าทางของนางแล้ว เจียงป่าวชิงรู้ได้ทันทีว่าชูซานฮัวเองก็รู้เรื่องนี้เช่นกัน

เจียงหยุนชานวางหนังสือในมือลง เขาถาม “มีอะไรกันรึ ?”

สีหน้าของเจียงป่าวชิงนิ่งสงบมาก ดูไม่ออกถึงอารมณ์ใด ๆ “พี่ ในน้ำนมที่ชูซานฮัวเพิ่งนำมาให้ ถูกผสมน้ำลงไป” พูดเสร็จ เจียงป่าวชิงก็ส่งเสียงหัวเราะเยาะในลำคอ “หึ ๆ ดูจากชั้นน้ำแล้ว เห็นทีว่าจะยังเป็นน้ำดิบอีกด้วยนะ”

แม้ว่าน้ำดิบในยุคสมัยเก่านี้จะไม่มีสิ่งสกปรกที่ถึงกับเรียกว่าเป็นพิษร้ายแรง แต่ถึงอย่างไรมันก็ต้องมีเชื้อโรคเจือปนอยู่มาก แม้แต่ชาวบ้านโง่ ๆ ในภูเขาแห่งนี้ยังรู้เลยว่าไม่ว่าจะเป็นน้ำจากในแม่น้ำหรือน้ำจากในบ่อน้ำ หากดื่มกินแบบดิบ ๆ ก็จะมีอาการท้องเสียตามมา ต้องต้มให้สุกก่อนถึงจะสามารถนำมาดื่มได้อย่างปลอดภัยยิ่งขึ้น

ผสมน้ำดิบลงในน้ำนมเพื่อให้ทารกที่ยังไม่ครบเดือนได้ดื่มกิน ผลที่ตามมาจะเป็นอย่างไรนั้น ไม่ต้องเป็นคนฉลาดล้ำลึกก็ยังสามารถจินตนาการได้เลย

พวกเขาอยากให้เสี่ยวฟ๋านฟ๋านตัวน้อยท้องเสียจนตาย!

ใจดำอัมหิตจริง ๆ!

เจียงหยุนชานตกใจมาก “อ้าว ๆ ๆ ทำไมเป็นเช่นนั้นเล่า ?” เขาผุดลุกขึ้นทันที “แบบนี้ไม่ได้การแล้ว ข้าจะไปพูดกับตระกูลชูเกี่ยวกับเรื่องนี้!”

เวลานี้ชูซานฮัวกลัวจนร้องไห้ตัวสั่นแล้ว “ฮือ ๆ ๆ พี่ ๆ ทั้งสองอย่าไปที่บ้านข้าเลยนะ เป็นเพราะข้าไม่ดีเอง”

เจียงป่าวชิงสังเกตท่าทีของชูซานฮัว “งั้นรึ ? แล้วเจ้าทำอะไรลงไปล่ะ ?”

ชูซานฮัวเห็นเจียงป่าวชิงไม่ได้ต่อว่านาง น้ำเสียงที่พูดก็ไม่แตกต่างจากเมื่อสักครู่เท่าไหร่ นางจึงพอจะมีความกล้าหน่อย  นางลอบมองเจียงป่าวชิงและพูดผสมเสียงสะอื้น “ฮึก ๆ ฮือ… ตอนข้ามาที่นี่ ข้าไม่ระวัง เผลอไปทำน้ำนมหกไปบางส่วน ข้ากลัวว่าพวกพี่จะด่าว่า จึงผสมน้ำในแม่น้ำลงไปนิดหน่อยเจ้าค่ะ”

เจียงหยุนชานได้ฟังก็รู้สึกงุนงงเล็กน้อย เขาไม่รู้ว่าควรพูดอย่างไรดี สุดท้ายได้แต่ถอนหายใจ “เฮ้อ… สาวน้อย สิ่งที่เจ้าทำเกือบเป็นการทำร้ายน้องสาวเจ้าแล้ว น้องสาวเจ้าตายได้เลยนะ”

ชูซานฮัวมองเจียงหยุนชาน นางเห็นเขามีท่าทางกลุ้มใจโดยที่ไม่รู้ว่าจะต่อว่านางอย่างไร นางก็ยิ่งมีความกล้ามากขึ้นพลางรีบสะอื้นไห้เรียกความสงสาร ปากก็พูดด้วยเสียงที่ดังกว่าเดิมว่า “พี่ ๆ ทั้งสอง ข้าไม่ได้ตั้งใจจริง ๆ นะเจ้าคะ ข้า… ข้าจะคุกเข่าให้พวกพี่ พวกพี่อย่าไปบอกท่านย่าของข้าเลยนะ  ถ้าบอก ท่านย่าของข้าจะต้องตีข้าจนตายแน่ ๆ” พูดเสร็จ นางก็เดินไปด้านหน้า เตรียมจะคุกเข่าให้เจียงหยุนชาน

เจียงหยุนชานจะยอมให้ชูซานฮัวคุกเข่าให้เขาได้อย่างไร ในสายตาของเขา เด็กผู้หญิงอายุไม่กี่ขวบ เห็นทีว่านางคงจะไม่ได้ตั้งใจทำผิดจริง ๆ

เจียงหยุนชานดึงชูซานฮัวให้ลุกขึ้นเพื่อไม่ให้นางคุกเข่า “เจ้านี่นะ เฮ้อ! ครั้งหน้าก็ระวังหน่อยแล้วกัน”

เจียงป่าวชิงที่มองดูอย่างเงียบ ๆ อยู่ข้าง ๆ กำลังจะพูดอะไรบางอย่าง แต่กลับได้ยินคนเคาะประตูจากนอกบ้านเสียก่อน

เจียงหยุนชานเป็นคนออกไปเปิดประตูก็เห็นเด็กผู้หญิงในชุดเสื้อผ้าขาดรุ่งริ่งยืนอยู่นอกบ้านด้วยท่าทางวิตกกังวล คงเป็นเพราะนางรีบวิ่งมาที่นี่ ใบหน้าเล็กถึงได้แดงแล้วยังหายใจไม่สม่ำเสมอขนาดนั้น

จวบจนควบคุมลมหายใจได้ นางก็พูดขึ้นอย่างติดอ่าง “อย่านะ! ยะ… อย่าป้อน… ป้อนนมให้น้องสาวของข้า”

เจียงหยุนชานขมวดคิ้ว ถึงแม้ว่าเขาจะจิตใจดี แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะโง่เขลา

ถึงอย่างไรคนที่การเรียนดีมากก็มักจะไม่ใช่คนโง่อะไรอยู่แล้ว เมื่อเขาได้ยินที่เด็กผู้หญิงผู้ซึ่งหายใจหอบคนนี้พูด เขาก็ฉุกคิด นางผู้มาใหม่คนนี้คงจะเป็นพี่สาวอีกคนของเสี่ยวฟ๋านฟ๋าน

แล้วนางรู้ได้อย่างไรว่าน้ำนมที่ชูซานฮัวนำมาส่งเมื่อสักครู่นั้นมีปัญหา ?

เจียงหยุนชานพาเด็กสาวเข้ามาในบ้าน

ชูซานฮัวเห็นเด็กสาวผู้มาใหม่ สีหน้านางพลันเปลี่ยนไป “พี่สอง! พี่มาได้ยังไง ?”

ที่แท้เด็กสาวคนนี้คือพี่คนที่สองของชูซานฮัวนี่เอง หากจัดอันดับตามลำดับอาวุโส นางก็คงจะชื่อว่าชูเอ้อฮัว

ชูเอ้อฮัวจ้องชูซานฮัวเขม็ง จากนั้นก็รีบพูดขึ้น “ให้นมน้องหรือยัง ?  เจ้านะเจ้า! ทำไมถึงได้หน้ามืดตามัวแบบนั้นได้ ?!”

ชูซานฮัวหน้าซีดเผือด นางแอบมองเจียงป่าวชิงกับเจียงหยุนชานพลางดึงชายเสื้อของชูเอ้อฮัวเบา ๆ “พี่สองพูดเบา ๆ หน่อยสิ น้ำนมนั่นยังไม่ได้ป้อนน้องสักหน่อย”

.