ตอนที่ 185 ข้าจะทำอะไรได้อีก

แม่สาวเข็มเงิน

ชูเอ้อฮัวไม่ได้ตอบคำถามของชูซานฮัว นางควบคุมน้ำเสียงตัวเอง แต่เสียงก็ยังคงดังกว่าเมื่อสักครู่อยู่ดี “ข้าถามว่าเจ้าได้ให้น้องสาวกินน้ำนมนั่นหรือยัง ?”

น้ำตาในดวงตาของชูซานฮัวทะลักออกมาอีกครั้ง  เจียงป่าวชิงที่มองดูอยู่จากด้านข้างรู้สึกได้ว่าครั้งนี้น้ำตาของนางไหลออกมาอย่างจริงใจกว่าก่อนหน้านี้เล็กน้อย

“ยัง! ข้าไม่ได้…” ชูซานฮัวน้ำตาไหลพรากพลางสูดน้ำมูกที่ใกล้จะไหลลงมาเต็มทีแล้ว

“…”

ได้รู้แบบนี้ ชูเอ้อฮัวถึงจะโล่งใจ นางอดไม่ได้ที่จะตบไหล่ชูซานฮัวเบา ๆ “ทำไมเจ้าถึงทำแบบนี้ ?!”

ชูซานฮัวนั่งยอง ๆ ลงบนพื้น นางเอามือปิดหน้าร้องไห้ “ฮือ ๆ ๆ พี่สอง ทำไมพี่ว่าข้าแบบนี้ล่ะ คิดว่าข้าเต็มใจรึ ? ถ้าไม่ใช่เพราะท่านย่า… ข้าก็คง…”

เจียงป่าวชิงได้ยินบทสนทนาของสองพี่น้องจากข้าง ๆ ก็อดหัวเราะเยาะในใจไม่ได้ เป็นอย่างที่นางคิดไว้เมื่อสักครู่จริง ๆ ด้วย

ชูซานฮัวเป็นคนมั่นคง เมื่อสักครู่ตอนที่เจ้าเสี่ยวหวงกับเจ้าเสี่ยวป๋ายพุ่งออกไปอย่างกะทันหัน นางตกใจก็จริง แต่ทำเพียงก้าวถอยหลังไปเล็กน้อยเท่านั้น ที่น่านับถือคือในมือยังถือถ้วยไว้อย่างมั่นคงอีกด้วย

นางบอกว่าก็แค่หกกระเด็นไม่ไปกี่หยดเอง!

เจอสุนัขเห่ากะทันหันยังถือถ้วยไว้อย่างมั่นคงได้ แล้วสถานการณ์แบบไหนถึงสามารถทำให้ชูซานฮัวทำน้ำนมหกกระฉอกออกไปได้ถึงครึ่งหนึ่งแบบนั้นกันเล่า ?

อีกอย่าง ถ้าหากว่าอุบัติเหตุดังกล่าวเกิดขึ้นจริง และชูซานฮัวทำน้ำนมหกจริง ๆ แต่เมื่อสักครู่ตอนที่นางพูดขอโทษไปสะอึกสะอื้นไป ทำไมนางถึงเล่าอุบัติเหตุดังกล่าวได้อย่างสงบราบเรียบ แต่กลับไม่พูดให้ตัวเองดูน่าเห็นใจเลยล่ะ ?

ข้อสงสัยมีมากเกินไป และข้อสงสัยเหล่านี้ต่างชี้ไปยังข้อเท็จจริง ซึ่งข้อเท็จจริงมันแทบจะเกิดขึ้นพร้อมกับข้อมูลที่เปิดเผยในบทสนทนาอันน้อยนิดระหว่างสองพี่น้องชูเอ้อฮัวกับชูซานฮัว

หลังจากที่ชูเอ้อฮัวรู้ว่าน้องสาวของนางยังไม่ได้ดื่มน้ำนมผสมน้ำดิบถ้วยนั้น ความรู้สึกผ่อนคลายพลันแล่นเข้ามาในหัวใจของนาง นางมองน้องสาวตัวเล็กที่ยังคงหลับสนิทอยู่บนเตียงด้วยท่าทีไม่ทุกข์ร้อน  ทันใดนั้น อารมณ์ที่ดูซับซ้อนปรากฏขึ้นผ่านทางสีหน้าของนาง

นางหันกลับมาก้มหน้าให้เจียงป่าวชิงกับเจียงหยุนชาน “พี่ทั้งสองเจ้าคะ เรื่องนี้น้องสาวข้าทำไม่ถูกต้อง ข้าต้องขอโทษแทนนางด้วยเจ้าค่ะ”

สีหน้าเจียงหยุนชานเคร่งขรึม เขาอยากพูดอะไรบางอย่างทว่าเมื่อเห็นภาพเด็กสาวที่นั่งยอง ๆ ร้องไห้อยู่บนพื้น คำพูดที่อัดอั้นตันใจก็เหมือนจุกอยู่ในอก ทำได้เพียงถอนหายใจอยู่อย่างนั้น

เจียงป่าวชิงรู้ว่าพี่ชายตัวเองใจอ่อน แม้เขาจะนึกตำหนิ แต่ก็เกรงว่าคนอย่างเขาคงจะพูดคำพูดที่ล่วงเกินออกมาไม่ได้อยู่ดี

สายตาแหลมคมของเจียงป่าวชิงสังเกตชูเอ้อฮัว “ข้าคิดว่าเจ้าไม่ควรขอโทษข้า แต่ทุกคนในบ้านของพวกเจ้าควรขอโทษเสี่ยวฟ๋านฟ๋าน”

ชูเอ้อฮัวยังคงงุนงงอยู่เล็กน้อย “เสี่ยวฟ๋านฟ๋านงั้นหรือ ?”

เจียงป่าวชิงอธิบาย “ก็น้องสาวที่เพิ่งเกิดแต่กลับถูกพวกเจ้าทอดทิ้งคนนั้นยังไงล่ะ”

ชูเอ้อฮัวตัวสั่นเทา นางทอดสายตามองทารกตัวน้อยที่ยังคงหลับสนิทอยู่บนเตียงด้วยสีหน้าซับซ้อน …เสี่ยวฟ๋านฟ๋าน ชื่อนี้ไพเราะมาก น่าฟังกว่าต้าฮัวเอ้อฮัวของพวกนางเสียอีก

ไม่ใช่แค่ชื่อเท่านั้น ผ้าที่คลุมหุ้มร่างนางอยู่ก็เรียกได้ว่าดีกว่าที่พวกนางใส่อยู่เช่นกัน

น้องเล็กช่างมีบุญวาสนาจริง ๆ

เดิมทีชูซานฮัวยังคงนั่งยอง ๆ ร้องไห้อยู่บนพื้น ตอนที่นางได้ยินคำพูดประโยคนี้ นางก็เงยหน้าขึ้นมาทันทีและพูดขึ้นอย่างไม่ยอมแพ้ “เป็นพวกเราที่ไม่ต้องการหรือไง ? ที่บ้านเลี้ยงไม่ไหวเราจะทำยังไงได้ ?  ทำไม…? พวกผู้ใหญ่เลี้ยงเราอย่างอด ๆ อยาก ๆ ก็ว่าแย่แล้ว ยังจะให้เลี้ยงเจ้าเด็กนี่เพิ่มอีกคนรึ ?”

เจียงป่าวชิงหัวเราะเยาะและถามนางกลับ “หึ ๆ ทำไมเจ้าไม่พูดคำพูดประโยคนี้กับแม่ของพวกเจ้าเองล่ะ  จะมาบอกข้าทำไม ?  เจ้าก็ไปบอกแม่เจ้าสิว่าเลี้ยงไม่ไหวแล้วจะท้องจะเกิดลูกทำไมนักหนา ? ตอนที่แม่เจ้าตั้งท้อง นางพูดหรือไงว่าเลี้ยงไม่ไหว ถ้าหากว่าเสี่ยวฟ๋านฟ๋านเป็นเด็กผู้ชาย เจ้าคิดว่าบ้านเจ้าจะเลี้ยงไหวไหมเล่า ?!”

ชูซานฮัวอายุยังไม่ถึงสิบขวบ  นางถูกเจียงป่าวชิงถามกลับจนพูดไม่ออกแบบนี้แต่กลับยังยืดคอสู้ “พี่ พี่ไม่เจอกับตัวพี่ไม่รู้หรอกว่ามันลำบากขนาดไหน  เด็กผู้ชาย… ใช่! เด็กผู้ชายไม่เหมือนเราอย่างแน่นอน เด็กผู้ชายต้องสืบตระกูล!”

ชูซานฮัวพูดถึงตอนท้ายก็ยิ่งคิดว่าตัวเองพูดมีเหตุมีผลดีมาก “ถ้าหากจะโทษก็โทษที่น้องสาวเกิดมาแล้วไม่ใช่เด็กผู้ชายสิ”

‘เด็กผู้ชายต้องสืบตระกูล ถ้าอย่างนั้นเด็กผู้หญิงแปดคนอย่างพวกเจ้าก็ต้องตายอย่างนั้นสิ ?’ เจียงป่าวชิงคิดในใจพลางมองชูซานฮัวด้วยสายตาเย็นชา “อ้อ… เพราะเสี่ยวฟ๋านฟ๋านไม่ใช่เด็กผู้ชาย ครอบครัวของพวกเจ้าจึงต้องการให้นางจมน้ำในโถฉี่ตาย ตอนนี้แม้ว่านางจะถูกข้าพามาเลี้ยงแล้ว เจ้าก็ยังต้องการให้เสี่ยวฟ๋านฟ๋านท้องเสียตายอีกอย่างนั้นรึ ?”

ชูซานฮัวมองเจียงป่าวชิงอย่างหวาดกลัว ศีรษะนางส่ายอย่างต่อเนื่องประหนึ่งไม่อยากยอมรับอะไรเลย “ไม่! ไม่ใช่ข้า ข้าไม่ได้เป็นคนที่จะทำอะไรแบบนี้”

เจียงป่าวชิงถามจี้ “ถ้าไม่ใช่เจ้าแล้วเป็นใครล่ะ ?”

ชูซานฮัวเหมือนถูกคนรัดคอ นางกัดริมฝีปากพลางส่ายหน้าอย่างต่อเนื่อง

เจียงป่าวชิงหัวเราะเยาะ “เหอะ! ต่อให้ไม่ใช่เจ้า แต่เจ้าก็เป็นคนที่รู้เส้นกลในของเรื่อง รู้ว่าในน้ำนมนี้มีน้ำดิบผสมอยู่แต่ก็ยังจะถือมาให้ ถ้าข้าไม่พบเห็นก่อน เจ้าลองเดาดูสิว่าน้องสาวคนเล็กที่ชีวิตอาภัพของเจ้าจะเป็นยังไง ?  ส่วนเจ้าเองก็จะตกเป็นฆาตกรที่ถูกตราหน้าว่าโหดเหี้ยมทำร้ายน้องสาวของตัวเองด้วยเช่นกัน”

ชูซานฮัวรู้สึกจิตใจแตกสลายทันที นางแหกปากร้องไห้เสียงดัง

เสี่ยวฟ๋านฟ๋านถูกทำให้ตื่น ทารกน้อยร้องไห้จ้าเสียงดังอยู่บนเตียง

เจียงหยุนชานรีบเข้าไปดูทันที ที่แท้นางก็ปัสสาวะราดนี่เอง  เขายิ้มเอ็นดูก่อนจะเปลี่ยนผ้าอ้อมที่สะอาดสะอ้านให้เสี่ยวฟ๋านฟ๋านอย่างระมัดระวัง ชูเอ้อฮัวกับชูซานฮัวมองภาพฉากนี้อย่างตกตะลึงทันที

เมื่อไหร่ที่พวกนางถูกปฏิบัติอย่างระมัดระวังแบบนี้กันนะ ?

ไม่ใช่แค่พวกนาง น้องสาวคนหลัง ๆ ของพวกนางก็ด้วย  พวกนางทุกคนเติบโตมาในสภาพแวดล้อมแสนย่ำแย่ ถูกตบตีถูกดุด่าสารพัดมาตั้งแต่เกิด และไม่เคยได้รับการปกป้องจากผู้ใหญ่เลยด้วยซ้ำ พวกนางคุ้นชินกับสิ่งย่ำแย่มาโดยตลอดจนคิดว่ามันเป็นเรื่องธรรมดา

ที่แท้ก็ยังมีการเลี้ยงเด็กทารกเพศหญิงโดยปฏิบัติราวกับเป็นสิ่งล้ำค่าด้วยเช่นกัน…

แม้แววแห่งความอิจฉาจะปรากฏอยู่ในนัยน์ตาของชูเอ้อฮัว แต่มากกว่านั้นคือการปล่อยวาง

น้องสาวนางมีวาสนาได้อยู่ในครอบครัวคนใจดี เช่นนี้แล้วนางจะต้องเติบโตได้อย่างมีคุณภาพแน่นอน

ทว่าลึกในดวงตาของชูซานฮัวกลับเต็มไปด้วยความอิจฉาริษยา ‘เสี่ยวฟ๋านฟ๋าน… ทำไมต้องเป็นนาง นางมีสิทธิ์อะไร ?’

เจียงป่าวชิงจดจำสีหน้าของสองพี่น้องไว้  และหันไปพูดกับเจียงหยุนชานด้วยใบหน้าสงบนิ่ง “พี่ ข้าจะถามพวกนางสองคนเกี่ยวกับเรื่องบางอย่าง พี่อุ้มฟ๋านฟ๋านไปที่ห้องข้าก่อนนะเจ้าคะ”

เจียงหยุนชานพยักหน้า เขาเขย่าทารกในอ้อมแขนเบา ๆ เพื่อกล่อมนอน พร้อมทั้งเดินออกไปจากห้อง

เจียงป่าวชิงไม่ถามอะไรชูซานฮัวอีก นางหันไปหาชูเอ้อฮัวแทน “เอ้อฮัว ตกลงว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ? ไหนเจ้าลองบอกมาให้ชัดเจนซิ”

ชูเอ้อฮัวไม่คิดว่าเจียงป่าวชิงจะถามนางตรง ๆ แบบนี้ นางก้มหน้าพูดขึ้นอย่างลำบากใจ “ข้า… ข้าได้ยินน้องสี่พูด บอกว่าท่านย่าสั่งให้ซานฮัวนำน้ำนมที่ผสมน้ำดิบมาให้พวกพี่ ข้าจึงรีบมาห้าม  พี่เจียง ซานฮัวไม่ได้ตั้งใจจริง ๆ นะเจ้าคะ ท่านย่าของข้า…”

นางเงียบไปพลางก้มหน้าลง น้ำตาใสไหลรินลงมา มันไหลเรื่อยลงไปหยดลงพื้นในที่สุด “สิ่งที่ท่านย่าพูด พวกเราพี่น้องทั้งหมดไม่สามารถไม่ฟังได้เจ้าค่ะ”

ชูซานฮัวที่อยู่ข้าง ๆ ร้อนรนทันที “พี่สอง พี่… พี่ไม่กลัวว่ากลับไปแล้วท่านย่าจะตีพี่ด้วยไม้กวาดเอาหรือไง ?!”

ชูเอ้อฮัวกัดริมฝีปากล่าง ใบหน้าผอมกะหร่องกลับมีความหนักแน่นปรากฏให้เห็น “ข้ากลัว แต่ข้าทนเห็นน้องสาวท้องเสียตายแบบนั้นไม่ได้จริง ๆ”

ชูซานฮัวมองชูเอ้อฮัวอย่างตกตะลึง จู่ ๆ นางก็ตะโกนขึ้นมาด้วยความโมโห “ใช่สิ! พี่มันคนใจดี ส่วนข้ามันเป็นคนใจร้าย” นางอดไม่ได้ที่จะหลั่งน้ำตาออกมาอีกครั้ง ทว่าก็พยายามปาดน้ำตาเช็ดหน้าแล้วตะโกนออกมาราวกับระบายอารมณ์ว่า “ข้าจะทำยังไงได้ ?! ก็ข้ากลัวว่าท่านย่าจะตีข้าจนตาย  ท่านย่าบอกไว้แล้วว่าถ้าพวกพี่เจียงพบว่าในน้ำนมมีน้ำผสมอยู่ ก็ให้บอกไปว่าข้าทำหกอย่างไม่ระวังเอง และบอกว่าข้าคิดแผนการผสมน้ำในแม่น้ำเอง  ดูสิว่าข้าสิ้นไร้ทางเลือกขนาดไหน  ข้าจะทำยังไงได้อีก ?  ถ้าข้าไม่ตกลง คงไม่พ้นต้องถูกตีจนตายเพื่อเด็กเพิ่งเกิดที่ยังไม่ครบเดือน   พี่เจียงทั้งสอง พวกพี่แต่ละคนต่างเป็นคนดี แล้วข้าล่ะ ? เคยนึกถึงข้าบ้างหรือเปล่า ?”

.