“เณร เป็นหลวงจีนมันไม่ดีก็สึกเถอะ เดี๋ยวฉันแนะนำผู้หญิงให้! สาวใหญ่สวยๆ…”

แต่ฟางเจิ้งได้ยินดังนั้นก็กลัดกลุ้มใจ!

เขาจะฆ่าตัวตาย? ถุย! ชีวิตดีขนาดนี้ แม้จะถูกระบบกลั่นแกล้งทั้งคำพูดและการกระทำ แต่เขาก็ยังชื่อว่าจะมีสักวันหนึ่งที่ได้สึก อนาคตยังสวยงาม ต่อให้เป็นตอนนี้ก็จะพูดไม่ได้ว่าเขาไม่มีความสุข!

โลกสวยงามแบบนี้ทำไมเขาต้องฆ่าตัวตาย? แล้วก็ใครที่ไหนโดดน้ำฆ่าตัวตายยังถือต้นกกไปด้วย แม้จะมีต้นเดียวก็เถอะ…

ไม่ผิด ฟางเจิ้งกำลังเลียนแบบพระโพธิธรรม[1]ในตอนนั้น ใช้ต้นกกข้ามฟาก! ความจริงแล้วเป็นความสามารถของรองเท้าข้ามฟากต่างหาก ฟางเจิ้งเดินบนแม่น้ำราวกับผิวดินราบเรียบ สง่างามยิ่ง จะต้องสร้างความตกใจอย่างแน่นอน ดูเท่ห์ระเบิดระเบ้อ!

แต่ฟางเจิ้งก็รู้ดีว่าพระอาจารย์โพธิธรรมใช้ได้แค่ต้นกกข้ามฟาก ถ้าเขาเดินเท้าเปล่า นั่นหมายความว่าเขาเก่งกาจกว่าพระโพธิธรรมจริงไหม? บางทีพระโพธิธรรมอาจไม่ถือสา แต่พวกลูกศิษย์ลูกหาเหล่านั้นหรือนักบวชอาจไม่พอใจ ถึงยังไงพระโพธิธรรมก็เป็นเครื่องค้ำจุนจิตใจของทุกคน ถ้ามีคนเหนือกว่าคงรู้สึกหดหู่มาก

ที่สำคัญที่สุดคือฟางเจิ้งเคารพพระโพธิธรรม

อีกอย่างพระโพธิธรรมใช้ต้นกกต้นเดียวข้ามฟาก แม้จะมีความเหลวไหลหลายส่วน แต่ก็มีเรื่องราวแบบนี้จริงๆ ไม่ถือว่าเลื่อนลอยเกินไป ที่ฟางเจิ้งเรียนมาก็มีเหตุผลอ้างอิงเหมือนกัน ถ้าเดินเท้าเปล่าจริงๆ เดาว่าคงมีปัญหาไม่น้อย อธิบายยากอีก…

ดังนั้นฟางเจิ้งทำแบบนี้ก็คิดหน้าคิดหลังมาอย่างดีแล้ว

เห็นพวกคนที่มีเจตนาดี กระตือรือร้นและตะโกนพวกนั้น โดยเฉพาะคนที่จะให้เขาสึกแถมยังแนะนำผู้หญิงให้ ฟางเจิ้งอยากเพิ่มเพื่อนในวีแชตจริงๆ หลังสึกแล้วไปจะไปเขา…

ทว่าทุกคนดูอยู่เลยจัดการลำบาก ได้แต่อดกลั้นความเจ็บปวดไว้

ฟางเจิ้งโบกมือให้ทุกคน จากนั้นประนมสองมือกล่าวเสียงดังกังวาน “โยมทุกท่านเข้าใจผิดแล้ว อาตมาไม่คิดจะฆ่าตัวตาย โลกดั่งโคลน ทุกสรรพสัตว์จมอยู่ในนั้น อาตมาจะต้องชักพาคนออกจากโคลน ไฉนต้องคิดสั้นด้วย?”

“เอ่อ ถ้าอย่างนั้น…เณร ท่านกำลังจะทำอะไรน่ะ?” ทุกคนไม่เข้าใจ มีคนตะโกนถาม

ฟางเจิ้งชี้ตรงหน้า “อาตมาคือฟางเจิ้งเจ้าอาวาสวัดเอกดรรชนีบนภูเขาเอกดรรชนี ได้รับบัตรเชิญจากหลวงจีนไป๋อวิ๋นให้มาร่วมพิธีสวดมนต์ต้อนรับฤดูใบไม้ผลิ แต่เจอกับความทุกข์ยากเข้าแล้ว ข้ามแม่น้ำไม่ได้ อาตมาก็ไม่รู้จะทำยังไง ตอนนี้ได้แต่เลียนแบบพระโพธิธรรม ใช้ต้นกกข้ามฟากไป”

“พรวด!” มีคนสำลักน้ำ

“ต้นกกข้ามฟาก? ฮ่าๆ…เณรนี่ตลกจริงๆ คุยโม้ล่ะสิ ขอโทษทีนะฉันขอมองฟ้าแล้วกัน”

“โลกใหญ่จริงๆ เลย มีนกทุกชนิด”

“ดูเขาสะอาดสะอ้านดีนะ ดูดีมากด้วย น่าเสียดายเป็นคนบ้า…”

เถ้าแก่เรือหัวเราะเยาะตาม “ลิงเชิญมาเล่นตลกรึไง? แถมจะใช้กกข้ามฟากอีก…ฉันให้กกกองหนึ่งเลย นายก็ข้าม…ข้าม…พระเจ้าช่วย…”

เถ้าแก่เรือยังพูดไม่จบ ฟางเจิ้งโยนกกในมือลงไปในน้ำ จากนั้นกระโดดลงไปเหยียบข้างบน!

พริบตานั้นทุกคน ไม่ว่าเชื่อหรือไม่เชื่อว่าฟางเจิ้งจะสำเร็จหรือไม่ล้วนเบิกตาโตมองเขา บ้างยังอยากหัวเราะ บ้างอยากเห็นปาฏิหาริย์ แต่กลับไม่มีใครกะพริบตา ละสายตาไม่ได้จริงๆ!

ฟางเจิ้งเหยียบบนต้นกก ไม่สนใจคนอื่นที่ร้องในใจว่าเดี๋ยวก็จมหลายต่อหลายครั้ง แต่เขายังคงยืนบนแม่น้ำอย่างมั่นคง ใต้เท้าเป็นต้นกกต้นเดียว! จากนั้นโบกมือตบพายุ เกิดเสียงดังปัง ตัวเขาพุ่งไปข้างหน้า! ลากบนผิวน้ำเป็นรอยเส้นสีขาว!

“พระเจ้า! ปาฏิหาริย์!”

“มายก๊อด! อะไรวะเนี่ย!”

“มายากลเหรอ? มหัศจรรย์เกินไปรึเปล่า? หลวงจีนนั่นเป็นใครกัน?”

เฮยเกอเถ้าแก่เรือตะลึงค้างอยู่กับที่ ขยี้ตาไม่หยุด ทั้งยังพึมพำอยู่คนเดียว “ต้องตาฝาดแน่ๆ จะเป็นไปได้ไง?”

บนผิวแม่น้ำ ท้องน้ำเป็นคลื่นขึ้นลง สายลมพัดผ่าน แฝงไว้ด้วยหิมะที่พัดมากับสายลมไกลๆ แสงตะวันในหน้าหนาวมีความเย็นอย่างเห็นได้ชัดหลายส่วน ทว่าแสงที่สาดลงบนผิวน้ำกลับแวววาว

อีกทั้งบนผิวน้ำยังมีหลวงจีนจีวรขาวมาพร้อมรอยยิ้มเจิดจ้า สองมือโบกสะบัดตลอดเวลา แล่นผ่านไปบนผิวน้ำ! จีวรขาวกระพือใต้สายลม ลอยล่องดั่งเซียน ประหนึ่งพระพุทธองค์ประทับในโลกมนุษย์!

ตู้เหล่าเห็นภาพนี้ เหล่านักบวชบนผามองภูมิลำเนาเห็น พริบตานั้นทุกคนอึ้งอยู่กับที่ด้วยสีหน้าสับสน

ไม่รู้ว่าใครตะโกนเป็นคนแรก “ต้นกกข้ามฟาก! ต้นกกข้ามฟากจริงๆ!”

“ถ้านี่ไม่ใช่มายากล แต่เป็นของจริงล่ะก็ นี่คือปาฏิหาริย์! ตอนนั้นพระโพธิธรรมมาจากตะวันตก ใช้ต้นกกข้ามฟาก ปุถุชนเล่าลือว่าตอนนั้นมีคนใช้ต้นกกข้ามฟากจริงๆ อมิตาพุทธ! จากนี้ไปจะอุดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ของปุถุชนได้แล้ว” หลวงจีนหงเหยียนกล่าวปลงอนิจจัง

หลวงจีนไป๋อวิ๋นถาม “เขาเป็นใคร? ไม่อยากเชื่อว่าจะมีอภินิหารแบบนี้?”

ทุกคนมองหน้ากันต่างส่ายหน้า ทุกคนเพิ่งพบว่าไม่มีใครรู้จักคนข้ามฟากคนนี้! ตอนนี้เลยเก้ๆ กังๆ…

ยามนี้เองมีคนกล่าวขึ้น “ใช่นักบวชที่มาจากข้างนอกรึเปล่าครับ? ในท้องถิ่นไม่เคยเห็นนักบวชท่านนี้มาก่อน”

“เป็นไปได้ บางทีอาจเป็นศิษย์เอกของวัดใหญ่สักแห่ง”

“อาจจะเป็นพระอาจารย์ชั้นสูง…”

“ต้นกกข้ามฟากเป็นความสามารถ ไม่ได้หมายความว่าเขาตระหนักต่อพระธรรม จะเป็นพระอาจารย์ต้องดูที่พระธรรม ไม่ใช่วิทยายุทธ์ เขาอายุน้อยแบบนี้เกรงว่ายังขาดพระธรรม”

“จริง พระธรรมลึกลับซับซ้อน ต่อให้เขาเข้าฌานตั้งแต่ในครรภ์แม่ เต็มที่ก็ยี่สิบปี ยี่สิบปียังน้อยเกินไป…” พูดถึงท้ายๆ ไม่ว่าฟังยังไงก็ดูมีความปวดร้าวอยู่

ไต้ซือไป๋อวิ๋นพลันเอ่ยขึ้น “พระธรรมเน้นเรื่องการตระหนัก ตระหนักถึงก็เป็นพระอาจารย์ ทุกท่าน ตามอาตมาไปดูข้างล่างกันไหม? ไปต้อนรับหลวงจีนที่ข้ามฟากมากัน”

พูดจบหลวงจีนไป๋อวิ๋นลงเขาไป ทุกคนเห็นดังนั้นจะมีเหตุผลอะไรไม่ไปอีกล่ะ? เลยพากันตามไป

เหลือคนเดียวที่ไม่ขยับคืออู้หมิง!

อู้หมิงยืนอยู่บนผามองภูมิลำเนาอย่างมีลับลมคมใน มองฟางเจิ้งบนผิวแม่น้ำข้างล่าง หน้าเปลี่ยนสีเป็นผิดปกติมาก ในใจยังมีความตกตะลึง แต่ที่มากกว่านั้นคือตระหนก ‘ต้นกกข้ามฝาก ต้นกกข้ามฟาก…นะ…นี่เป็นไปได้ยังไง? เขาเป็นเณรไม่ใช่เหรอ มีบุญกุศลพอจะใช้ต้นกกข้ามฟากได้ยังไง? จบแล้ว จบสิ้นแล้ว เมื่อทุกคนยืนยันฐานะได้ ถ้าถามว่าทำไมเขาถึงใช้ต้นกกข้ามฟาก ตู้เหล่าต้องไม่ปิดบังแน่ๆ ถึงตอนนั้น ฉัน…ฉัน…’

อู้หมิงหัวแทบจะระเบิด คิดหาวิธีนับไม่ถ้วน แต่กลับไม่อาจช่วยให้เขารอดพ้นจากภัยครั้งนี้ไปได้ สุดท้ายอู้หมิงเลือกถอย อยู่บนเขาไม่ยอมลงไป ไม่ว่าอนาคตจะเกิดอะไรขึ้น เขาไม่สนแล้ว เขายอมแล้ว ไม่ว่าอนาคตเป็นยังไงเขายอมหมดแล้ว…

อู้หมิงไม่ขยับ ทุกคนรีบลงเขาไปหาหลวงจีนข้ามฟาก แน่นอนว่าไม่มีใครเห็นปฏิกิริยาโต้ตอบของเขา

………………