บทที่ 140 ผู้หญิงคนหนึ่ง

เทพสังหาร ยุทธการระห่ำ

หลูเซิ่งต๋า สามารถมาถึงตำแหน่งนี้ได้โดยใช้เส้นทางขาวสะอาดย่อมต้องไม่ใช่คนโง่อะไรโดยเด็ดขาด

 ในตอนที่เย่เทียนเฉินทำให้ผู้ใต้บังคับบัญชาชั้นเลวสองคนหายสาบสูญไปต่อหน้าต่อตาเขา แล้วยังมีตอนที่อยู่ที่เป้ยเฟิงเซวียนที่เย่เทียนเฉินอัดฉินเหิงและฉินเทาหยวนอีก นี่ทำให้หลูเซิ่งต๋าเข้าใจกระจ่าง ต่อให้ตระกูลเย่ตกต่ำลงแล้ว แต่เย่เทียนเฉินมีแนวโน้มที่จะค่อยๆ โผทะยานขึ้นมา ไม่ใช่คนที่เขาจะหาเรื่องได้

จินตนาการได้เลยว่า เย่เทียนเฉินสามารถแบกโลงศพไปยังตระกูลฉินได้ นี่เป็นความโอหังระดับไหน

อัดฉินเทาหยวน ฆ่าฉินเหิง ทำให้ฉินอี้โมโหจนตาย นี่ก็เพียงพอที่จะสั่นสะท้านไปทั้งประเทศจีนแล้ว!

ในตอนนี้ เรื่องราวเพิ่งจะผ่านไปไม่ถึงสองวัน เย่เทียนเฉินได้ลงมืออย่างอหังการอีกครั้ง ครั้งนี้เป็นการฆ่าล้างตระกูลลั่วทั้งตระกูล เพียงแค่คิดก็ทำให้หลูเซิ่งต๋าสั่นไปทั้งตัว เหงื่อเย็นเยียบไหลซึมออกมา

แต่หลูเซิ่งต๋าได้รับสายของหัวหน้าผู้บังคับบัญชาเฉินเซิง เขาทราบว่านี่เป็นเผือกร้อนลูกหนึ่ง เฉินเซิงเป็นผู้บังคับบัญชาของเขา เขาย่อมไม่กล้าไม่ฟังคำสั่ง

แม้ว่าดูผิวเผินแล้วเย่เทียนเฉินจะไม่มีอำนาจอิทธิพลอะไร แต่ในทางลับ คนทั่วทั้งเมืองหลวงดูเหมือนจะเข้าใจสิ่งหนึ่ง นั่นคือเย่เทียนเฉินหาเรื่องไม่ได้ ผู้ใดก็หาเรื่องไม่ได้

“ไม่มีปัญหา!” ชางหลางกลัวว่าเย่เทียนเฉินจะเกิดบ้าขึ้นมาอีกจึงรีบชิงตอบกลับไป

“ขอบคุณพี่ชางหลาง ขอบคุณน้องเย่!” หลูเซิ่งต๋านี่พูดด้วยรอยยิ้ม

ชางหลางและเย่เทียนเฉินขึ้นรถ หลูเซิ่งต๋านั่งอยู่บริเวณที่นั่งข้างคนขับ มีลูกน้องคนสนิทของเขาเป็นผู้ขับรถ

เรื่องนี้มีผลกระทบที่เกี่ยวพันมากมาย กล่าวได้ว่าช่วงหลายปีมานี้ ข่าวใหญ่ที่ครึกโครมไปทางประเทศ  ทั้งยังเป็นข่าวใหม่ที่ปะทุขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า เกิดขึ้นเพราะคนคนเดียว นั่นก็คือเย่เทียนเฉิน

“หลูเซิ่งต๋า หลังจากที่ฉันไปถึงกรมแล้ว คงทำได้เพียงลงบันทึกให้นายเท่านั้น แล้วก็ต้องไปแล้ว!” ชางหลางคิดครู่หนึ่งแล้วเอ่ยปากออกมา

“ได้ ได้ครับ ขอบคุณพี่ชางหลาง!”

หากว่ากันตามเหตุผล ชางหลางเองก็เป็นหนึ่งในผู้พบเห็นการฆ่าล้างตระกูลลั่ว กระทั่งเป็นผู้อยู่ในเหตุการณ์คนหนึ่ง แม้ว่าเขาจะไม่ได้ลงมือ แต่ก็มองดูเย่เทียนเฉินฆ่าลั่วซงเฉิงไปต่อหน้าต่อตา อีกทั้งเขายังมีเจตนาช่วยเหลือเย่เทียนเฉิน เรื่องนี้ไม่สามารถปล่อยไปได้

แต่ด้วยฐานะของเขา ต่อให้หลูเซิ่งต๋ามีความกล้ามากกว่านี้เป็นร้อยเท่า ก็ไม่กล้ารั้งตัวชางหลางเอาไว้ ต่อให้เป็นคำสั่งของเฉินเซิงก็ทำไม่ได้

“น้องเย่ คืนนี้จะ…จะลำบากคุณให้ค้างอยู่ที่กรมสักคืนได้ไหม ผมให้คนเก็บกวาดห้องที่หรูหราที่สุดเอาไว้แล้ว รับประกันได้เลยว่าพอๆ กับโรงแรมห้าดาว!” หลูเซิ่งต๋ารีบมองเย่เทียนเฉินแล้วพูดออกมาตามจริง

“ไม่มีปัญหา ผมเป็นพวกปรับตัวตามสถานการณ์ได้ แต่พอสว่างผมจะต้องไปแล้วนะครับ ผมยังต้องไปลงทะเบียนที่มหาวิทยาลัยหลงเถิง วันที่หนึ่งกันยายนก็เป็นวันเปิดเทอมแล้ว!” เย่เทียนเฉินพูดแล้วหาวออกมาครั้งหนึ่ง

“ได้ ได้สิ!”

หลูเซิ่งต๋าเช็ดเหงื่อเย็นๆ บนหน้าผาก กลัวว่าเย่เทียนเฉินจะไม่ยอมรับ

กล่าวตามจริง เขาไหนเลยจะมีวิธีการรับมือกับเย่เทียนเฉินได้ ทำได้เพียงใช้น้ำเสียงขอร้องแบบนี้เท่านั้น หากเย่เทียนเฉินโกรธขึ้นมาจริงๆ เขาย่อมรู้ดีว่าจะมีผลอย่างไร

เดิมทีเย่เทียนเฉินเป็นคนที่รู้จักปรับตัวไปตามสถานการณ์คนหนึ่ง ที่ตอบรับหลูเซิ่งต๋าว่าคืนนี้จะอยู่ที่กรมหนึ่งคืน เหตุผลสำคัญเป็นเพราะเขารู้ดีว่าหลังจากที่ฆ่าล้างตระกูลลั่วแล้ว จะต้องมีเรื่องทยอยเกิดขึ้นไม่ขาดสายแน่นอน!

เดิมทีเรื่องตระกูลฉินยังไม่ซาลงก็เกิดเรื่องตระกูลลั่วขึ้นอีก ไม่แน่ว่าจะทำให้เกิดความฮือฮามากขนาดไหน หากพักที่กรม อย่างน้อยคืนนี้ก็สามารถนอนหลับได้อย่างสงบ นี่เป็นความคิดอันเรียบง่ายตรงประเด็นที่สุดของเย่เทียนเฉิน

ประมาณหนึ่งชั่วโมงกว่า เย่เทียนเฉินและชางหลางก็มาถึงประตูกรม

หลังจากที่ชางหลางลงบันทึกอย่างง่ายๆแล้วก็จากไป โดยมีหลูเซิ่งต๋าติดตามทุกขั้นตอน หลังจากที่ลงบันทึกเสร็จแล้ว หน้าผากของพนักงานเล็กๆ ที่ทำหน้าที่บันทึกเต็มไปด้วยเหงื่อ ถูกทำให้ตกใจไปแล้วโดยสิ้นเชิง

ส่วนหลูเซิ่งต๋าเองก็มีสีหน้าขาวซีด เขาไม่ได้เข้าไปดูที่บ้านตระกูลลั่วว่าด้านในมีสภาพอย่างไร แต่กลับคิดไม่ถึงว่าเย่เทียนเฉินจะฆ่าลั่วซงเฉิง ลั่วกวงฮุยและลั่วฉีจริงๆ ฆ่าล้างตระกูลลั่วทั้งตระกูล คนคนนี้มักจะทำให้จิตใจลึกๆ ของคนอื่นสั่นสะท้านถึงขีดสุดจริงๆ

ชางหลางออกมาจากกรมแล้วก็มุ่งหน้าไปหาหยางอี้ด้วยความกระวนกระวาย เนื่องจากเย่เทียนเฉินได้ก่อความผิดสนั่นฟ้าอีกแล้ว คนคนนี้ไม่ทำให้คนอื่นวางใจเลยจริงๆ

คราวนี้หยางอี้คิดจะส่งเย่เทียนเฉินไปคุ้มครองตงฟางเมิ่งที่มหาวิทยาลัยหลงเถิง ดังนั้นจึงเตรียมตัวที่จะกดให้เรื่องของตระกูลฉินซาลง!

ไหนเลยจะรู้ว่า เรื่องของตระกูลฉินยังไม่ทันได้จัดการ เจ้าหมอนี่ก็ฆ่าล้างตระกูลลั่วอีกแล้ว ดูแล้วหยางอี้คงไม่สามารถคุ้มครองเย่เทียนเฉินได้ อย่างไรก็ตามเรื่องนี้จำเป็นต้องแจ้งให้คนระดับบิ๊กอย่างหยางอี้ทราบในทันที

ส่วนเย่เทียนเฉินกลับ ไม่คิดว่าตนเองทำความผิดใหญ่หลวงอะไร ในสายตาของเขา ก็แค่ฆ่าสุนัขไปสามตัวเท่านั้น ทั้งยังเป็นสุนัขที่อันตรายต่อประชาชน หากว่าภายหลังจะมีความยุ่งยากอะไรแล้วล่ะก็ คงทำได้เพียงปรับวิธีการไปตามสถานการณ์เท่านั้น

หลูเซิ่งต๋าพาเย่เทียนเฉินไปส่งที่ห้องขังชั่วคราวอันหรูหราด้วยตัวเอง เป็นเหมือนที่เขากล่าวจริงๆ ห้องนี้เป็นห้องชุด ดีพอๆ กับโรงแรมห้าดาว สิ่งอำนวยความสะดวกที่ควรมีล้วนมีอย่างครบครัน

หากให้ผู้ที่ไม่อาจมีบ้านและไม่อาจซื้อบ้านมาอาศัยอยู่ จะต้องอยากอยู่ที่นี่ไปตลอดชีวิต แน่นอนว่ายังต้องอยู่ภายใต้การรับประกันความอิสระ

“น้องเย่ คืนนี้ลำบากคุณแล้ว หากไม่มีอะไรผมไปก่อนนะครับ!” หลูเซิ่งต๋าพูดยิ้มๆ

“ผู้อำนวยการหลูฝันดีครับ!” เย่เทียนเฉินเดินเข้าไปข้างในห้อง

บอกว่าเป็นห้องหรู แต่กลับยังมีรูปแบบของเรือนจำชั่วคราวอยู่!

ที่เห็นได้ชัดก็คือประตูทั้งสองเป็นประตูเหล็ก นอกจากนี้บนหน้าต่างภายในห้องล้วนเป็นลูกกรงทั้งหมด แล้วยังเป็นประเภทที่มีไฟฟ้าประเภทนั้น บริเวณประตูมีคนถือปืนยืนเฝ้าอยู่สองคน ใต้หน้าต่างก็มีคนติดอาวุธอยู่สองคน เพื่อป้องกันคนหลบหนี

เย่เทียนเฉินไม่สนใจสิ่งเหล่านี้ เขาเพียงแค่มาหาที่นอนสงบๆ เท่านั้น หลังจากที่เข้าไปแล้วก็เข้าไปอาบน้ำ เปลี่ยนเป็นชุดนอนชั่วคราว แล้วจึงขึ้นไปบนเตียงนอนกรนออกมาเสียงดัง

ไม่ทราบว่านอนไปนานแค่ไหน เย่เทียนเฉินรู้สึกว่าประตูห้องถูกคนเปิดออก เงาร่างงดงามร่างหนึ่งเดินเข้ามา!

เมื่อเย่เทียนเฉินลืมตาขึ้น เห็นผู้หญิงคนหนึ่งที่หน้าตานับว่าไม่เลว แต่รูปร่างกลับสะบึมเป็นอย่างมาก ดวงตาทั้งสองอันน่าหลงใหลมองเขาอยู่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งริมฝีปากแดงดุจผลเชอรี่ค่อยๆ อ้าออกดูเซ็กซี่เป็นอย่างมาก ขนาดเย่เทียนเฉินยังมองตาไม่กระพริบ

ที่สำคัญที่สุดคือผู้หญิงคนนี้ใส่ชุดสีดำลูกไม้ที่สามารถมองทะลุได้ทั้งร่าง  ยั่วยวนใจเป็นอย่างมากจริงๆ

มีประโยคหนึ่งกล่าวไว้ว่า ไม่กลัวว่าผู้หญิงจะสวยเกินไป แต่กลัวว่าผู้หญิงจะไม่มีเสน่ห์แพรวพราว ผู้หญิงคนหนึ่งต่อให้สวยแค่ไหน แต่หากเธอยืนอยู่ตรงนั้น เยือกเย็นเหมือนน้ำแข็ง หยิ่งยโสถึงขีดสุด คุณยังจะเกิดอารมณ์อีกหรือ?

ดังนั้นพูดได้ว่า ผู้หญิงที่มีเสน่ห์แพรวพราว ผู้หญิงที่รู้จักดึงดูดจิตใจของผู้ชาย ถึงจะเป็นผู้หญิงที่ทำให้คนปรารถนามากที่สุด

หลังจากที่ได้เกิดใหม่ในโลกนี้ เย่เทียนเฉินยังไม่เคยพบผู้หญิงแบบนี้เลยจริงๆ!

ในช่วงยุคสิ้นโลก ข้างกายเขาติดตามไปด้วยผู้หญิงชั้นเลิศ ทุกคนล้วนแต่ยอดเยี่ยม จินตนาการได้เลยว่า ทุกค่ำคืนจะมีเหตุการณ์ที่ทำให้ผู้คนต้องเลือดลมพุ่งพล่านอย่างไรบ้าง

ผู้หญิงที่มีรูปร่างสะบึม สายตามีเสน่ห์ดึงดูด ก้าวเข้ามาหาตนเองทีละก้าว เย่เทียนเฉินอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมาอย่างลามก นอนอยู่บนเตียงอย่างเปรมปรี นอนกางแขนกางขา รอการจู่โจมและบริการของผู้หญิงคนนี้

“ไม่ต้องกลัวไปค่ะ ฉันมาช่วยคุณข้ามผ่านความเหงาในคืนนี้ หากว่าปรนนิบัติได้ดี ให้ทิปมากๆ หน่อยก็พอ!” ริมฝีปากแดงดุจผลเชอรี่ของผู้หญิงคนนั้นพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม

“ไม่มีปัญหา ต้องดูฝีมือของเธอแล้วว่าเป็นยังไง!” เย่เทียนเฉินพูดแล้วยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์

“ทำให้คุณพอใจอย่างแน่นอน มีแต่เรื่องที่คุณจะคิดไม่ถึง ไม่มีอะไรที่ฉันทำไม่ได้หรอกค่ะ”

หลังจากที่ผู้หญิงคนนั้นพูดจบก็ดึงผ้าห่มออก ขึ้นไปบนเตียง พริบตาเดียวก็ขึ้นขี่อยู่บนร่างของเย่เทียนเฉิน…

ในตอนนี้เอง ชายอ้วนเตี้ยคนหนึ่งที่ยืนอยู่หน้าประตู ดวงตาทั้งสองมองไปยังประตูเหล็กของห้องอย่างโหดเหี้ยม ท่าทางเช่นนั้นราวกับอดไม่ได้ต้องการจะระเบิดห้องนี้ในทันที

ชายคนนี้ชื่อว่าลั่วเฉิงกวง เป็นน้องชายของลั่วซงเฉิง เมื่อครู่เขาเพิ่งได้รับรายงานจากคนสนิทของตนเองว่าบ้านตระกูลลั่วถูกคนบุกไปก่อเรื่อง ลั่วซงเฉิง ลั่วกวงฮุย ลั่วฉี ตายทั้งหมด ฆ่าล้างตระกูลอย่างอนาถ ลั่วกวงฮุยพลันกระโดดไปมาอย่างโกรธแค้น

สุดท้ายจึงได้รู้ว่าเป็นเย่เทียนเฉินที่ทำ เขาได้ถูกหลูเซิ่งต๋าขังอยู่ในห้องขังชั่วคราวของกรม ตอนนี้จุดประสงค์ที่ลั่วเฉิงกวงตามมามีเพียงอย่างเดียว นั่นก็คือฆ่าเย่เทียนเฉินเพื่อล้างแค้น

ลั่วเฉิงกวงไม่ใช่คนที่ไร้สมอง เขารู้ว่าหลังจากที่เย่เทียนเฉินก่อเรื่องตระกูลฉิน ก็มีหยางอี้ที่เป็นบุคคลระดับสูงคุ้มครองเขาอยู่ หลังจากที่หลูเซิ่งต๋าจับเย่เทียนเฉิน ไม่เพียงไม่ทำการสอบสวน แต่ยังเชิญเขาเข้าพักในห้องขังชั่วคราวที่หรูหราที่สุดอีกด้วย นี่จะต้องมีเหตุผลอย่างแน่นอน

หลังจากไตร่ตรองดู ลั่วเฉิงกวงก็ตัดสินใจใช้วิธีที่ใช้เป็นประจำ ส่งนักฆ่าหญิงเข้าไปคนหนึ่ง ถือโอกาสตอนที่เย่เทียนเฉินกำลังเสพสุขฆ่าเขาทิ้งซะ เมื่อถึงเวลาตนเองก็ต้องทำเพียงฆ่าผู้หญิงคนนี้เสีย ฆ่าคนปิดปากเพื่อไม่ให้มีปัญหาภายหลัง และไม่มีใครที่สามารถตรวจสอบมาถึงเขาได้

“อาๆๆ…”

ไม่นานภายในห้องของเย่เทียนเฉินก็มีเสียงผู้หญิงออกมา เพียงได้ฟังก็รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น พนักงานตำรวจที่ยืนอยู่หน้าประตูทั้งสองคนอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว รู้สึกทนฟังต่อไม่ไหวแล้ว!

ล้วนเป็นผู้ชาย ไหนเลยจะทนกับเสียงกระตุ้นเช่นนี้ได้ โดยเฉพาะเสียงผู้หญิงที่ยั่วยวนเช่นนี้

มีเพียงลั่วเฉิกวงเท่านั้นที่รอยยิ้มมืดครึ้มบนใบหน้าเคร่งขรึมขึ้นเรื่อยๆ เขารู้ว่าเย่เทียนเฉินต้องตายอย่างแน่นอน เพราะผู้หญิงคนนั้นจะลงมือได้แน่

จินตนาการได้เลยว่า ผู้ชายคนหนึ่งกำลังทำกิจกรรมเข้าจังหวะกับผู้หญิงอยู่ ช่วงเวลานี้หากผู้หญิงประเคนมีดให้ เขาจะมีใจป้องกันอีกหรือ?

ชั่วขณะที่เสียงผู้หญิงหยุดลง ลั่วเฉิงกวงใช้เท้าถีบประตูเราเดินเข้าไปอย่างโอหัง เขามีฐานะเป็นรองหัวหน้าภายในกรม พนักงานตำรวจสองคนตรงประตูย่อมไม่กล้าขวางเขา…

 ลั่วเฉิงกวงมั่นใจว่าแผนการของตนประสบความสำเร็จแล้ว เขาได้ตอนนี้เดินเข้าไปในห้องก็เพราะต้องการเห็นท่าทางการตายอย่างอนาถเย่เทียนเฉินด้วยตาของตน!