“เหมือง…หรือคะ”

 

ไวโอเล็ตถามกลับด้วยความมึนงง

 

“ค่ะ เหมืองแร่ พวกเราจะซื้อเหมืองในนามของร้านค้าเพลเลสค่ะ ไวโอเล็ต”

 

“อา…ค่ะ”

 

ถึงจะตอบกลับมา แต่ใบหน้านั่นไม่ใช่ใบหน้าเข้าใจในประโยคที่เธอเพิ่งพูดออกไป

 

ก็สมควรอยู่หรอก

 

“ข้าทราบค่ะ เหมืองมันแพงใช่มั้ยล่ะคะ”

 

แถมยังมากด้วย

 

เหมืองเป็นสิ่งที่มีราคาเท่าๆ กับเขตแดนขนาดค่อนข้างใหญ่เขตหนึ่งเลยทีเดียว

 

อีกทั้งราคาของเหมืองยังแตกต่างกันหลายเท่า ขึ้นอยู่กับว่าเหมืองนั้นเป็นเหมืองที่มีแร่อะไรฝังเอาไว้

 

“ขออภัยค่ะ ท่านฟีเรนเทีย”

 

ไวโอเล็ตยกมือข้างหนึ่งขึ้นอย่างระมัดระวัง

 

“เหมืองที่ว่านั่น คิดที่จะซื้อเหมืองแบบไหน…”

 

“เหมืองถ่านหินค่ะ”

 

“อาถ้าระดับนั้นก็น่าจะเป็นไปได้อยู่นะคะ”

 

ดูเหมือนว่าไวโอเล็ตจะกำลังคิดคำนวณเงินทุนสำหรับบริหารกิจการของร้านค้าเพลเลสในหนึ่งปีอยู่ละมั้ง

 

“จะไม่ใช้เงินทุนของร้านค้าเพลเลสหรอกค่ะ ไวโอเล็ต”

 

“แต่ถึงจะเป็นเหมืองถ่านหินที่เทียบแล้วถือว่าราคาถูกกว่า ยังไงราคาก็เกินหนึ่งพันเหรียญทองอยู่ดีนะคะ”

 

แรงงานทั่วไปที่ไม่มีความรู้เฉพาะด้าน ปกติแล้วหนึ่งเดือนจะได้รับเงินเดือนประมาณสามเหรียญเงิน และต้องเก็บให้ได้ครบสี่สิบเหรียญเงิน ถึงจะมีค่าแลกเป็นหนึ่งเหรียญทองได้

 

ถึงสถานการณ์ทั่วไปจะเป็นเช่นนั้น แต่ในฐานะบุตรหลานตระกูลลอมบาร์เดียเธอแค่หายใจทิ้งไปวันๆ ก็ได้รับเงินแปดเหรียญทองแล้ว

 

ถ้าบรรลุนิติภาวะก็จะได้เพิ่มขึ้นเป็นยี่สิบเหรียญทอง

 

แน่นอนว่าเงินที่จำเป็นในการใช้ชีวิตประจำวันทั่วไปยังได้แยกเพิ่มต่างหากอีก

 

นับตั้งแต่วันที่เธอเกิด เงินจำนวนนี้จะถูกเก็บรวบรวมไว้ในบัญชีของเธอที่ธนาคารลอมบาร์เดีย

 

หลังจากที่ท่านพ่อเริ่มทำกิจการเสื้อผ้าสำเร็จรูป และหลังจากที่ทำให้เครย์ลีบันกลายมาเป็นคนของเธอ

 

ที่ผ่านมาเธอได้เอาเงินทั้งหมดนั่นมอบให้เครย์ลีบัน เพื่อนำไปลงทุนในร้านขายเสื้อผ้าแคลอฮัน

 

ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้แน่นอนว่ามันประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก

 

“เครย์ลีบัน ตอนนี้พอจะคล่องตัวมั้ยคะ”

 

ฟีเรนเทียหันไปมองเครย์ลีบันที่กำลังดื่มด่ำกับกลิ่นหอมกรุ่นของชา ในขณะที่ถาม

 

“อืม ถ้าราคาของเหมืองไม่เกินกว่าสามพันเหรียญทองก็ไม่มีปัญหาครับ แต่ถ้าหากเกินกว่านั้นคงจะต้องหาเงินทุนเพิ่ม อาจจะใช้เวลาประมาณหนึ่งเดือนได้ครับ ยังไงก็ต้องหาเพิ่มเป็นเงินสดด้วยน่ะครับ”

 

“ถ้าอย่างนั้นก็ไม่มีปัญหาค่ะ”

 

ระหว่างที่เธอสนทนากับเครย์ลีบันโดยไม่คิดอะไรมาก ไวโอเล็ตที่ได้ยินบทสนทนาของพวกเราทำหน้าราวกับวิญญาณหลุดออกจากร่าง

 

“สามพันเหรียญทอง…”

 

มันเป็นเงินจำนวนมากที่ไม่เคยได้สัมผัสมาก่อน ทำให้นางได้แต่พึมพำเสียงแผ่ว

 

คงจะต้องใช้เวลาอีกสักพักถึงจะปรับตัวได้แหละนะ

 

“ยังไงถ้าต่อไปอยากจะทำธุรกิจโดยไม่ติดขัดเกินไป ก็คงต้องใช้โอกาสนี้หาเงินทุนเพิ่มให้ได้เยอะๆ แล้วละค่ะ”

 

ด้วยการลงทุนในครั้งนี้เพียงแค่เรื่องเดียว ก็จะทำให้ร้านค้าเพลเลสกลายมาเป็นกลุ่มการค้าอันดับต้นๆ ของอาณาจักรเลยทีเดียว

 

ฟีเรนเทียสามารถยืนยันได้

 

เครย์ลีบันเอ่ยถามเธอที่กำลังหัวเราะอย่างมีเลศนัย

 

“มีเหมืองที่เล็งเอาไว้แล้วสินะครับ”

 

ว่าแล้วเชียว เครย์ลีบันอ่านใจเธอออกได้อย่างทะลุปรุโปร่งจริงๆ

 

“รู้สึกว่าเขตแดน ‘ลีลาร์’ ทางตอนเหนือจะมีการประมูลสัมปทานเหมืองแร่ถ่านหินนะคะ ขนาดของตัวเหมืองเองก็ถือว่าค่อนข้างใหญ่ แต่คาดการณ์ว่าปริมาณถ่านหินที่ขุดได้คงจะมีไม่มากเท่าไหร่ เหมืองนั้นของตระกูลเลงคันต้าน่ะค่ะ”

 

เรื่องเหมืองถ่านหินลีลาร์ ในชีวิตก่อนกลายเป็นประเด็นที่ฮือฮากันให้ทั่วอาณาจักรพักใหญ่เลยทีเดียว

 

ตระกูลเลงคันต้าเจ้าของเขตแดนลีลาร์ไม่อาจทำการเพาะปลูกได้ดี เนื่องจากฤดูแล้งที่กินเวลายาวนานติดต่อกันมาหลายปี

 

แต่เพราะต้องจ่ายภาษีที่ทางราชวงศ์กำหนดทุกปี พวกเขาจึงได้ทำการยืมเงินจำนวนมากจากตระกูลอื่นๆ ที่อยู่ในละแวกนั้นและเพื่อจ่ายหนี้ที่เริ่มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จึงต้องนำเอาหนึ่งในเหมืองแร่ที่มีอยู่ในครอบครองออกมาทำการประมูลขาย

 

มันเป็นเหมืองแร่ถ่านหินที่ไม่ได้มีค่าอะไรเท่าไหร่นักจริงๆ

 

ครั้งสุดท้ายที่ได้ลงมือขุดเจาะหาแร่ก็ตั้งแต่หลายสิบปีก่อน แต่เหมืองแร่ที่ถูกปล่อยทิ้งร้างมาเนิ่นนานนั้น ข้างใต้กลับมีแร่อัญมณีที่ตลอดเวลาที่ผ่านมาไม่เคยถูกค้นพบฝังเอาไว้อยู่

 

อัญมณีชนิดนั้น ที่หากถูกเจียระไนด้วยฝีมือของช่างดีๆ สักคนแล้วละก็ ทั้งเชื้อพระวงศ์ ทั้งชนชั้นสูง ต่างก็กระหายอยากจะครอบครองมันกันทั้งสิ้น

 

“ถ้าระดับนั้นแค่หนึ่งพันเหรียญทองก็น่าจะประมูลได้สำเร็จแล้วสินะคะ”

 

ไวโอเล็ตเริ่มตั้งสติได้ นางเอ่ยพูดอย่างระมัดระวัง

 

“หากไม่มีคู่แข่ง บางทีอาจจะลดต่ำลงไปได้ถึงหกร้อยเหรียญทองเลยก็ได้ครับ”

 

เครย์ลีบันเองก็มองในแง่ดีเช่นกัน

 

แต่เธอส่ายหน้าปฏิเสธ

 

“สองพันเหรียญทองค่ะ”

 

เดิมทีราคาที่ชนะการประมูลอยู่ที่หนึ่งพันแปดร้อยเหรียญทอง

 

เธอคิดว่าจะเพิ่มราคาให้สูงขึ้นอีกสักสองร้อยเหรียญทอง

 

เพราะเป็นการประมูลที่ให้โอกาสเขียนราคาเพียงแค่คนละครั้งเท่านั้น หากรู้ว่าคู่แข่งจะเขียนราคาเท่าไหร่ การชนะประมูลย่อมถือว่าเป็นเรื่องง่าย

 

“ถ้าจะประมูลให้ชนะ ต้องเขียนลงไปประมาณสองพันเหรียญทองค่ะ”

 

“ครับ/คะ?”

 

ทั้งสองคนสะดุ้งตกใจ

 

“เหมืองถ่านหินที่ถูกปล่อยทิ้งไว้นานแบบนั้น ไม่มีค่ามากขนาดสองพันเหรียญทองหรอกครับ ท่านฟีเรนเทีย”

 

เครย์ลีบันเอ่ยห้ามเธอ

 

แน่นอน

 

หากเป็นเหมืองแร่ถ่านหินที่มีการขุดเจาะกันมากมาย

 

เงินจำนวนสองพันเหรียญทองย่อมเป็นยอดเงินที่มากเกินไป

 

“เมื่อครู่นี้ข้าบอกแล้วนี่ครับ ถ้าไม่มีคู่แข่งเผลอๆ อาจจะลดราคาลงได้ต่ำกว่านี้อีก”

 

เครย์ลีบันย้ำประโยคที่เพิ่งพูดไปเมื่อครู่

 

“กลับกันมันน่าจะมีคู่แข่งนะคะ ดังนั้นก็ต้องเพิ่มราคาขึ้นอีก มันช่วยไม่ได้ไม่ใช่เหรอคะ”

 

“ต่อให้มีคู่แข่งก็เถอะ แต่นี่มัน…”

 

“อังเกนัสจะเข้าประมูลด้วยค่ะ”

 

ในชีวิตก่อน คนที่ชนะการประมูลเหมืองแร่ถ่านหินลีลาร์แล้วได้รับแจ็กพ็อตแตกก็คือ ตระกูลอังเกนัสนั่นเอง

 

สาเหตุที่ทั้งๆ ที่ความสัมพันธ์กับองค์จักรพรรดิเริ่มแย่ลง แต่จักรพรรดินีราวีนี่ก็ยังคงรักษาอำนาจเอาไว้ได้ และยังสามารถซื้อตัวขุนนางทั้งหลายให้มาเป็นพวกคอยส่งเสริมอาสทาน่าได้ทั้งหมดก็เป็นเพราะอัญมณีที่ค้นพบในลีลาร์ทั้งนั้น

 

ฉับพลันภายในห้องทำงานก็เงียบลงทันที

 

แล้วเครย์ลีบันก็พึมพำขึ้นมา

 

“หากต้องสู้กับอังเกนัส ก็อาจจะต้องกรีดเลือดกันบ้าง…”

 

ระยะหลังมานี้ตระกูลอังเกนัสเริ่มลงทุนในกิจการเหมืองแร่อย่างเต็มรูปแบบ และกำลังวางรากฐานให้กับฝ่ายตัวเองอย่างรวดเร็ว

 

“หรือจะไม่ใช่เหมืองถ่านหินธรรมดาคะ”

 

“ทำไมคิดแบบนั้นล่ะคะ ไวโอเล็ต”

 

“ก็อังเกนัสมีเหมืองแร่ถ่านหินมากพอแล้วนี่คะ ต่อให้บอกว่ายังมีแร่ถ่านหินที่ยังไม่ถูกขุดอยู่อีก แต่เทียบกับเงินที่ต้องใช้ในการขุดเจาะ มันไม่มีเหตุผลให้อังเกนัสต้องพยายามขนาดนั้นเลยค่ะ”

 

ไวโอเล็ตใช้ปลายนิ้วช้อนจับใต้คาง นางเริ่มครุ่นคิดประเมินความเป็นไปได้

 

“แต่การแอบส่งตัวผู้เชี่ยวชาญไปทำการลอบประเมินเหมืองแร่ใหม่ก่อนการประมูลก็เป็นเรื่องทั่วไปเหมือนกัน เพราะฉะนั้นบางทีทางนั้นอาจจะได้ข้อมูลอะไรบางอย่างมาจากทางตระกูลเลงคันต้าก็ได้ค่ะ”

 

เธอเฝ้ามองไวโอเล็ตคิดคำนึงถึงเหตุผลที่น่าจะเป็นไปได้ด้วยความสนุกสนาน

 

“แร่ทองคำ? แต่ถ้าเป็นแร่ทองคำก็น่าจะกระตือรือร้นกว่านี้ ไม่ว่ายังไงก็ต้องแย่งชิงมาไว้ในกำมือให้ได้ บางทีอาจจะเห็นว่าราคาประมูลเป็นเรื่องอ่อนไหวง่ายเกินไป เลยพยายามไม่แสดงออกให้ได้มากที่สุด…”

 

และฟีเรนเทียก็เห็นจากใบหน้าของไวโอเล็ตได้ชัดเจนเลยว่านางตระหนักถึงอะไรบางอย่างขึ้นมาได้

 

“อืม…”

 

แต่อีกฝ่ายกลับปิดปากเงียบ

 

เพราะฉะนั้นเธอจึงช่วยตอบให้แทน

 

“เหมืองเหล็ก”

 

“แต่เหมืองเหล็กมัน…”

 

“เป็นสิ่งที่ไม่อนุญาตให้อังเกนัสครอบครองใช่มั้ยล่ะคะ”