ทันทีที่เฉินชางเสิร์ชหาในไป่ตู้ เขาก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งใจ มิน่าเล่า ไม่เคยได้ยินชื่อมาก่อน ที่แท้ยังห่างชั้นจากฮาร์ดวาร์ดมาก ดูแล้วไม่ใช่เพราะว่าตนความรู้ตื้นเขิน แต่ต้องโทษที่ชื่อเสียงไม่โด่งดังพอ

อืม เมื่อดูจากการจัดอันดับมหาวิทยาลัยแพทย์ทั่วโลกแล้วก็ไม่นับว่าโดดเด่นนัก ก็แค่ติดหนึ่งในสิบอันดับแรกของโลกเท่านั้นเอง

มหาวิทยาลัยก็ไม่เชี่ยวชาญด้านใดเป็นพิเศษ ก็แค่มีสมัชชาโนเบลแห่งสถาบันแคโรลินสกา ปกติไม่มีอะไร และในทุกปีจะรับผิดชอบเป็นผู้พิจารณาและมอบรางวัลโนเบลสาขาสรีรวิทยาหรือการแพทย์แค่นั้นเอง

เฉินชางถึงกับร้าวราน…

คุณก็แค่นักศึกษาปริญญาเอกของมหาวิทยาลัยแคโรลินสกาแค่นั้นเอง!

คุณมาทำอะไรที่มณฑลตงหยางเนี่ย

นี่เป็นสถานที่ที่คุณคู่ควรหรือไง

แล้วเฉินชางก็ดูชื่อของอาจารย์ท่านนี้ เมิ่งซี

ก็ยังดูไม่เหมือนคนที่เก่งกาจอะไรขนาดนั้นอยู่ดี ผมยังคิดว่าคุณต้องแซ่ตงฟาง ซีเหมิน หนานกง โอวหยาง อะไรเทือกนี้ซะอีก…

หน้าตา…ความสวยระดับเดียวกันฉินเยว่คนขี้ประจบ

แต่จะเก่งสู้ฉินเยว่ไม่ได้แน่ ถึงอย่างไรก็เป็นสาวคัพเอ ใครๆ ก็กลัวกันทั้งนั้น เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ เฉินชางก็เอามือกุมหน้าผาก ค่อนข้างรู้สึกหวาดกลัว

แต่หลังจากที่เฉินชางดูคำแนะนำตัวโดยย่อของเมิ่งซีแล้ว เขาก็ถึงกับชะงักงันในทันใด!

ผู้หญิงคนนี้…ไม่ธรรมดา…

ปริญญาเอก สาขาศัลยกรรมหัวใจ?

ถ้าพูดถึงเรื่องผลงานวิจัยที่เคยตีพิมพ์…

อืมมม…

มีผลงานวิจัยที่ได้ตีพิมพ์ลงในวารสาร ‘เดอะแลนซิต’ กับวารสาร ‘การแพทย์นิวอิงแลนด์’

เฉินชางปิดวารสารแล้วเอาวารสารฟาดลงที่โต๊ะหนึ่งที คนนี้แหละ!

พอใช้ได้ ตกลงตามนี้!

เฉินชางคิดว่าตนไม่ควรเรื่องมากจนเกินไปนัก ถึงแม้ว่าอาจารย์ที่ปรึกษาท่านนี้จะอายุน้อยไปสักนิด แต่ก็ใช่ว่าเขาจะรับไม่ได้

ในตอนนี้เอง กวนเหว่ยกลับเข้ามาแล้ว

เมื่อเขาเห็นว่าเฉินชางนั่งอยู่ตรงนั้น เขาก็ยิ้มพร้อมถามขึ้นว่า “เป็นไงบ้างครับ มีอาจารย์ที่เลื่อมใสมั้ย ถ้ามีแล้วละก็ ผมจะช่วยสอบถามให้คุณ”

เฉินชางพยักหน้า “นี่ครับ…อาจารย์กวน ผมว่าอาจารย์ท่านนี้พอใช้ได้ อายุสามสิบ ปริญญาเอกมหาวิทยาลัยแพทย์แคโรลินสกา แล้วสิ่งที่อาจารย์ท่านนี้ชำนาญมากที่สุดก็คือการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ อีกทั้งยังจบด้านศัลยกรรมหัวใจด้วย ทุกสิ่งทุกอย่างเหมาะสมมากครับ”

กวนเหว่ยก็ถึงกับชะงักงันเช่นกัน เขายิ้มอย่างกระอักกระอ่วน “เสี่ยวเมิ่งเหรอ…”

“…เมิ่งซีเป็นคนที่มีความสามารถมาก เพิ่งกลับมาอยู่ประเทศจีนเมื่อปีที่แล้ว เดิมทีเธอไม่ได้คิดจะรับลูกศิษย์ แต่ทางมหาวิทยาลัยเชียร์ให้เธอรับลูกศิษย์สักคน ถึงอย่างไรเสียคุณสมบัติของเธอก็ดีมาก มีจุดแข็งในการทำวิจัยทางวิทยาศาสตร์ หลังจากที่เข้ามาทำงานในโรงพยาบาลในสังกัดของมหาวิทยาลัยแล้ว ในปีเดียวกันนั้นเธอทำเรื่องยื่นใบสมัครขอทุนวิจัยกับทางมูลนิธิวิจัยวิทยาศาสตร์ธรรมชาติแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนแทนโรงพยาบาล!…”

“…ปีนี้ได้รับการตีพิมพ์บทความวิจัยเกี่ยวกับการบาดเจ็บไขสันหลัง (Spinal cord injury SCI) ลงในวารสารชื่อดัง ‘เดอะแลนซิต’ จะว่าไปแล้ว คนคนนี้ค่อนข้างมีความสามารถโดดเด่นในการทำวิจัยทางวิทยาศาสตร์ แต่…ระดับความสามารถในการวินิจฉัยโรคถือว่าทั่วไป เป็นผลการประเมินจากโรงพยาบาล…”

“…เมิ่งซีเป็นคนที่มีศักยภาพแข็งแกร่งคนหนึ่งอย่างแน่นอน ได้เธอเป็นอาจารย์ที่ปรึกษา การพัฒนาจะต้องดีมากแน่ อีกอย่าง คนที่ให้ความสนใจในความสามารถของเธอมีเยอะมาก ทั้งยังมีคนที่มีเส้นสายจำนวนไม่น้อยที่เข้าหาเธอ แต่…คนเหล่านั้นกลับไม่อยู่ในสายตาเธอ…”

“…เมื่อสองวันก่อนหน้านี้ เธอโทรศัพท์มาหาผม บอกว่าถ้าหาลูกศิษย์ที่เหมาะสมกับเธอไม่ได้ ก็ค่อยรับปีหน้า เหมือนว่า…เธอไม่มีความปรารถนาที่จะรับลูกศิษย์มากนัก…”

[ติ๊ง! พบภารกิจลับ: กราบอาจารย์เมิ่งซี หลังจากกราบอาจารย์สำเร็จแล้ว เปลี่ยนอาชีพเป็นอาชีพลับพิเศษได้]

เฉินชางชะงักงัน!

ว้อท?

ภารกิจลับ?

อาชีพลับ?

นี่เขาไม่ใช่ตัวละครหลักของเรื่องหรือไง

หลังจากที่กวนเหว่ยพูดจบ เขาก็นั่งลงตรงข้ามเฉินชาง “อันที่จริงแล้ว ผมไม่แนะนำให้คุณสมัครเป็นศิษย์ของเมิ่งซี เธอเป็นอาจารย์ที่ปรึกษาครั้งแรก ประสบการณ์น่าจะยังไม่มากพอ อีกอย่าง…ข้อเสียของอาจารย์ที่ปรึกษาที่มีอายุน้อยคือ อาจารย์อายุน้อยยังอยู่ในช่วงสร้างความก้าวหน้าในสายงาน ไม่ค่อยห่วงใยลูกศิษย์สักเท่าไหร่ ต่างจากอาจารย์ที่ปรึกษาที่อายุมากแล้ว ตอนนี้อยู่ในจุดที่สูงสุดของสายงานแล้วไม่มีตำแหน่งให้ปีนขึ้นไปอีกแล้ว หน้าที่สำคัญก็เลยเป็นการอบรมชี้แนะบรรดาลูกศิษย์…”

“…ดังนั้น คุณสมัครเป็นศิษย์ของเถามี่ยังดีเสียกว่าสมัครเป็นศิษย์ของเมิ่งซี หัวหน้าเถาตำแหน่งสูง อีกทั้งยังเคยมีปฏิสัมพันธ์กันมาก่อน เขาเป็นคนใช้ได้ อีกทั้งยังทำงานอยู่โรงพยาบาลอันดับสองด้วย ติดต่อกันก็ง่าย”

เฉินชางถอนหายใจออกมาหนึ่งเฮือก ผมไม่ได้อยากสมัคร แต่…ผมตัดใจทิ้งภารกิจลับในมือไม่ได้จริงๆ ครับ!

แถมยังมีอาชีพลับด้วย?

จะพิเศษมากขนาดไหนกันนะ

คงจะเปลี่ยนอาชีพไปเป็นอุลตร้าแมนไม่ได้หรอกมั้ง!

แต่ทำไมถึงรู้สึกตั้งตารอคอยอยู่นิดๆ นะ

เฉินชางคิดใคร่ครวญอย่างรอบคอบหนึ่งรอบ เป้าหมายหลักในการกราบอาจารย์ไม่ใช่การเรียนรู้ทักษะในการวินิจฉัยโรค ถึงอย่างไรเสียตนก็มีระบบช่วยวินิจฉัยโรคอยู่แล้ว ขอแค่ได้ใบรับรองเปลี่ยนอาชีพมา เมื่อเปิดหนังสือทักษะ ไม่ว่าจะทักษะอะไร เขาก็เข้าถึงได้อย่างง่ายดาย?

แต่การวิจัยทางวิทยาศาสตร์ เฉินชางรู้สึกว่าตนยังอ่อนหัดนัก

แล้วเมิ่งซีก็มีจุดแข็งในเรื่องการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ เฉินชางรู้สึกว่าเป้าหมายหลักที่เขาเรียนต่อปริญญาโทก็คือทำวิจัยเป็น เมื่อชั่งน้ำหนักเปรียบเทียบแล้ว เขาคิดว่าถ้าเขาเลือกสมัครเป็นศิษย์ของเมิ่งซี ก็น่าจะเป็นการเลือกที่ถูกต้อง

เมื่อนึกถึงตัวละครหลักของนิยายเรื่องอื่นที่ใช้เวลาเพียงไม่นานก็เปลี่ยนอาชีพไปเป็นจอมยุทธ์พลังเวทที่มีความเชี่ยวชาญในการการใช้เวทมนตร์และการต่อสู้ได้แล้ว

หรือว่าอาชีพพิเศษของตนจะเป็นความเชี่ยวชาญแบบทรีอินวัน? เชี่ยวชาญในด้านอายุรกรรม เชี่ยวชาญในด้านศัลยกรรม เชี่ยวชาญเป็นพิเศษในด้านการวิจัยทางวิทยาศาสตร์?

เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ เฉินชางคิดว่ามีโอกาสเป็นไปได้น้อยมาก

แต่ก็รู้สึกว่าถ้าตนไม่พยายามสักหน่อย ด็อกเตอร์เมิ่งซีคงจะรู้สึกเสียแรงเปล่าที่ข้ามน้ำข้ามทะเลมาจากมหาวิทยาลัยแพทย์แคโรลินสกา เมืองสตอกโฮล์ม ประเทศสวีเดน ซึ่งอยู่อีกฟากหนึ่งของมหาสมุทร เพื่อมามอบภารกิจลับนี้ให้กับตนโดยเฉพาะ!

เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ เฉินชางก็ยิ้มพร้อมกล่าวว่า “อาจารย์กวนครับ ผมอยากจะลองดู คุณดูว่าผมจะผ่านไปได้ยังไง”

กวนเหว่ยชะงักงัน เขาหัวเราะออกมาพร้อมยกนิ้วโป้งให้เฉินชาง!

“เสี่ยวเฉิน ยอดเยี่ยมจริงๆ งั้นผมโทรหาเมิ่งซีดู ดูว่าต้องมีคุณสมบัติประมาณไหนถึงตรงกับที่เธอต้องการ ผมโทรศัพท์ก่อน”

หลังจากพูดจบกวนเหว่ยก็ยกหูโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรออกเลย

เสียงรอสายดังอยู่นานมากแต่ก็ไม่มีคนรับสาย

กวนเหว่ยยิ้มกระอักกระอ่วน “น่าจะไปเข้าห้องน้ำ…”

เฉินชางพยักหน้า

หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง กวนเหว่ยก็โทรออกอีกครั้ง

ยังคงไม่มีคนรับสาย…

“คงจะกำลังผ่าตัดอยู่…”

ตอนบ่ายห้าโมงเย็นกว่าๆ ใบหน้าของกวนเหว่ยเริ่มแดง “ผมลองโทรอีกครั้ง”

หลังจากพูดจบ เขาก็โทรออกอีกครั้ง

ในครั้งนี้มีคนรับสายแล้ว

“ฮัลโหล หัวหน้ากวน ฉันเพิ่งผ่าตัดเสร็จค่ะ”

น้ำเสียงค่อนข้างเหนื่อยล้า

กวนเหว่ยถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งใจ สีหน้ากลับมาปกติ “ครับ ไม่เป็นไรครับ หัวหน้าเมิ่ง ลำบากคุณแล้ว”

“หัวหน้ากวนมีอะไรหรือเปล่าคะ”

กวนเหว่ยพยักหน้า “ครับ…คืออย่างนี้ครับ หัวหน้าเมิ่ง ตอนนี้ใกล้จะเปิดเทอมแล้ว หัวหน้าเมิ่งมีนักศึกษาที่เหมาะสมที่เลือกไว้เป็นลูกศิษย์แล้วหรือยังครับ”

เมิ่งซีนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง “ตอนนี้ยังไม่มีค่ะ ถ้าวันที่หนึ่งยังไม่มีก็ยกเลิกโควต้าของฉันไปก็ได้ค่ะ รบกวนหัวหน้ากวนด้วยนะคะ”

กวนเหว่ยหัวเราะ “ไม่รบกวนครับหัวหน้าเมิ่ง ผมแนะนำนักศึกษาให้คุณดีกว่า มีนักศึกษาที่มีประสบการณ์ทำงานในแผนกฉุกเฉินมาสามปี ระดับความสามารถในการวินิจฉัยโรคใช้ได้เลยทีเดียว คุณลองหาเวลามาเจอเขาสักครั้ง?”

เมิ่งซีลังเลใจอยู่ครู่หนึ่ง “คุณให้นักศึกษาคนนั้นมาหาฉันที่ห้องทำงานวันจันทร์ช่วงเช้า เจอหน้ากันแล้วค่อยว่ากัน นักศึกษาชายหรือนักศึกษาหญิงคะ”

กวนเหว่ย “ชายครับ เด็กหนุ่ม มีความสามารถสูงมาก!”

เมื่อเมิ่งซีได้ยินเช่นนี้ เธอก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งใจ

“ค่ะ งั้นตกลงตามนี้ค่ะ หัวหน้ากวนคะ ฉันไปทำงานก่อนนะคะ”

หลังจากที่พูดจบ ก็วางสายไป

กวนเหว่ยยิ้มพร้อมบอกกับเฉินชางว่า “วันจันทร์คุณไปที่แผนกศัลยกรรมหัวใจโรงพยาบาลตงต้า สักหน่อยนะ ไปพบหัวหน้าเมิ่ง!”

เฉินชางพยักหน้า ตอนที่กวนเหว่ยคุยโทรศัพท์ โทรศัพท์อยู่ใกล้เขามาก เขาได้ยินทั้งหมดชัดเจนมาก…

แต่ทำไมตอนที่กวนเหว่ยบอกว่าเป็นเด็กหนุ่มมีความสามารถสูงมาก ฝ่ายนั้นถึงค่อยตอบตกลงล่ะ?

นี่มีความหมายอะไรพิเศษหรือเปล่านะ

ป.ล. นักศึกษาปริญญาโทไม่มีเวลาสนใจเรื่องรักใคร่ อาจารย์ที่ปรึกษาเลยชอบรับเด็กหนุ่มๆ มาเป็นลูกศิษย์ ถึงอย่างไรเสียก็เป็นคนที่มีความสามารถจริงแท้ หนักเอาเบาสู้