บทที่ 182 ผู้ประสงค์ร้าย

ไหปีศาจ

บทที่ 182
ผู้ประสงค์ร้าย

ณ คฤหาสน์หลักของตระกูลลั่วในเมืองหลวงของจักรวรรดิ

“อะไรนะสำนักโล่พิทักษ์เปิดแล้วงั้นเหรอ ? ใช่สำนักโล่พิทักษ์ของลั่วอู๋จริงๆหรือ ?” ลั่วฮันเชียงผู้เป็นหัวหน้าตระกูลคนใหม่ถามอย่างรีบร้อน
ลูกหลานที่มาจากหน่วยข่าวกรองข่าวรีบตอบกลับไป“ มันน่าจะเป็นเรื่องจริงนะขอรับ แม้ว่าข้าจะไม่เห็นตัวของลั่วอู๋ แต่คนงานและองครักษ์ในสำนักโล่พิทักษ์นั้นได้ถูกยืนยันแล้วว่าพวกเขาเป็นคนคนเดียวกันกับในสำนักโล่พิทักษ์ที่เขตหวงชา ”
ลั่วฮันเชียงรู้ดีว่าลั่วอู๋มีความสำคัญต่อท่านบรรพบุรุษของเขาแค่ไหน
และการที่เขาได้ขึ้นมาเป็นหัวหน้าตระกูลก็เป็นเพราะว่าลั่วอู๋

“ถ้าพวกเราจะส่งข่าวไปหาลั่วอู๋ที่มณฑลหมิงหนาน เจ้าไม่ควรมุ่งเป้าไปที่สำนักโล่พิทักษ์ในทันที พวกเจ้าควรติดต่อเขาอย่างเป็นมิตรและไม่ควรสร้างความขัดแย้ง” ลั่วฮันเชียงกล่าว
“ขอรับ?” ลูกหลานทุกคนที่ฟังต่างก็สับสน

เขามีเหตุผลอะไรงั้นเหรอ
อีกฝ่ายมาที่นี่เพื่อขโมยธุรกิจของตระกูลลั่ว
ลั่วฮันเชียงโบกมือ “พวกเจ้าไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้หรอก ไปบอกเจ้าของร้านศาลาไป่หยู่ในมณฑลหมิงหนาน เพื่อขอให้เขาเชิญลั่วอู๋กลับมาหาข้า ระวังอย่าให้คนนอกได้รู้โดยเด็ดขาดก็เพียงพอแล้ว”
“รับทราบขอรับ…”
หน่วยข่าวกรองรีบออกไปอย่างรวดเร็ว
……
……

ภายในสำนักโล่พิทักษ์

นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของสงครามทางธุรกิจอันร้อนแรง
มันทำให้ผู้คนดูตื่นเต้นมาก
อาฟูและเสี่ยวชามีศักดิ์ศรีของเจ้าของร้านเก่าที่แบกรับอยู่บนแผ่นหลัง พวกเขาจึงสามารถจัดการกับสิ่งต่าง ๆ ในร้านได้อย่างเป็นระบบ
ทีมคุ้มกันคมมีดต่างก็ตรวจสอบเฝ้ายามพื้นที่โดยรอบอย่างระมัดระวัง
นอกจากนี้ยังมีพันธมิตรผู้ล้างแค้น แต่พวกเขายังคงเป็นกลุ่มเล็ก ๆ ที่ยังไม่แข็งแกร่งเท่าไหร่ จึงมีผลเพียงเล็กน้อยและยังคงอยู่ในระหว่างเติบโต

อย่างไรก็ตามลั่วอู๋นั้นไม่ได้ปรากฏตัวขึ้นที่นี่
ตราบใดที่เขายังไม่ปรากฏตัวสำนักโล่พิทักษ์ในปัจจุบัน ก็จะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสำนักโล่พิทักษ์ในเขตหวงชาที่ครั้งหนึ่งเคยสังหารฝู้ใช้พลังวิญญาณระดับสูงทั้ง 15 คนจากตระกูลลั่ว

ราคาสินค้าในสำนักโล่พิทักษ์นั้นมีราคาถูกมากจริง ๆ มันจึงเป็นคู่แข่งที่น่ากลัวมาก
สินค้าขายดีในสำนักโล่พิทักษ์ก็คือ เทียนหยวนหนิงลิน, จิวปิน, ยาคูฉิน และผงลวงตา

แม้ราคาของพวกมันจะมีราคามากกว่า 500 หยวน แต่ก็ถือว่าต่ำเกินไปสำหรับยาชั้นดีเหล่านี้
แม้ว่าจะเป็นที่อยู่ในเกรดต่ำที่สุดของชั้น แต่มันก็ถือเป็นยาระดับ 7และยังเป็นยาที่สามารถช่วยในการฝึกฝนได้อีกด้วย
ซึ่งในร้านค้าอื่น ๆ ขายยาระดับนี้ในราคาอย่างน้อย 7-8 พัน หินวิญญาณ ตรงกันข้ามสำนักโล่พิทักษ์ ที่ขายในราคาแทบไม่ต่างจากของราคาถูก
“สวัสดี ว่าแต่นี่เป็นยาระดับ 7 จริงๆ งั้นเหรอ ? ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรใช่ไหม ?” แขกคนหนึ่งถามอย่างสงสัย
คนงานเต็มไปด้วยความมั่นใจ “ท่านลูกค้าสามารถลองดูได้ตามที่ต้องการเลยขอรับ หากมันไม่มีผลของยาระดับ 7 แล้วละก็ ท่านจะไม่ถูกเรียกเก็บหินวิญญาณใด ๆ และจะได้รับเงินชดเชยขอรับ”

แขกที่ไม่เชื่อบางคนกลืนเทียนหยวนหนิงลินเข้าไป จากนั้นก็ทำให้ลูกตาทั้งคู่ของเขาก็ต้องตกตะลึงจนแทบจะหลุดออกจากเบ้า
แม้ผลจะไม่รุนแรงเท่ายาจิวปิน
แต่อย่างน้อยมันก็ดีกว่ายาระดับ 6 อยู่มาก
ราวกับว่าประสิทธิภาพในการดูดซับพลังวิญญาณเพิ่มขึ้นมาได้มากกว่า 50% ซึ่งเป็นผลที่ยอดเยี่ยม

ไม่มีใครสงสัยในผลของยาอีก
ในขณะเดียวกันผลกระทบของยาคูฉินก็ถูกแพร่กระจายโดยลูกค้าที่ลองมัน และส่งผลของมันกระจายไปทั่วพื้นที่ให้เหล่าลูกค้าที่เข้ามาในสำนักโล่พิทักษ์ได้เห็นประสิทธิภาพ

“นอกจากนี้ยาระดับปฐพี ระดับ 6 หรือที่พวกเราเรียกว่าผงลวงตา ซึ่งมีผลรบกวนอันรุนแรงเมื่อสูดดมเข้าไป และทำให้การรับรู้ถูกรบกวนอย่างมาก มีวางขายที่นี่ในราคา 500 หินวิญญาณ”
เกิดความโกลาหลขึ้น
การรบกวนประสาทการรับรู้มีประโยชน์อย่างมากในการต่อสู้
และราคาของมันก็ถูกเกินไปมาก ผลแบบนี้แถมยังเป็นยาระดับปฐพี ระดับ 6 นั้นต้องเป็นที่นิยมแน่ และไม่น่าจะถูกขายในราคานี้
ลูกค้าคนกลุ่มแรกเริ่มเร่งรีบหยิบยาไปคิดเงิน

จากนั้นคนงานฝ่ายขายก็เริ่มทำการโฆษณาสัตว์วิญญาณในร้าน

“อย่าพลาดนะท่านลูกค้า พวกเรามีส่วนลดมากมายสำหรับสัตว์วิญญาณระดับทองเหล่านี้”
“ตั๊กแตนแก่นแท้”
“ด้วงเฟ็งฮัว”
“วิญญาณมืดมิด”
“พวกท่านสามารถเลือกสัตว์วิญญาณเหล่านี้ได้ตามสะดวก ด้วยโปรโมชั่นเพิ่งเปิดธุรกิจของพวกเรา ทั้งหมดนี้ล้วนขายในราคาเพียง 1 หมื่นหินวิญญาณเท่านั้น พวกท่านไม่ควรพลาดพวกมันโดยเด็ดขาด”
แม้แต่ผู้ที่ไม่ได้คิดจะซื้อสัตว์วิญญาณก็ยังรู้สึกตื่นเต้น
เพราะแม้แต่สัตว์วิญญาณทองคำที่อ่อนแอที่สุด ก็ยังมีมูลค่าหลายหมื่นหินวิญญาณ แม้ว่าพวกเขาจะไม่ต้องการเก็บมันไว้เอง แต่พวกเขาสามารถซื้อเพื่อไปขายต่อหรือมอบให้กับผู้อื่นได้
ดังนั้นกลุ่มลูกค้าจึงเริ่มซื้อสัตว์วิญญาณด้วย

ต้องยอมรับว่าผู้คนในมณฑลนี้มีอัตราการบริโภคและฐานะที่สูงกว่าทางเขตหวงชา เพราะก่อนหน้านี้การขายสินค้าในราคานี้นั้นมีเพียงลูกค้าไม่กี่คนที่สามารถซื้อพวกมันได้ในร้านที่เขตหวงชา
การที่เต็มไปด้วยผู้คนและเสียงเฮฮายิ่งทำให้ที่นี่ดึงดูดผู้คนเข้ามา มีลูกค้าจำนวนมากแวะเดินเข้ามาเพื่อดูผลิตภัณฑ์สินค้าต่าง ๆ ของสำนักโล่พิทักษ์
หลายคนรู้สึกว่าสำนักโล่พิทักษ์นั้นน่าจะบ้าไปแล้วและพวกเขาต้องกำลังขาดทุนอยู่แน่ ๆ
แต่มีเพียงคนในสำนักโล่พิทักษ์เท่านั้นที่รู้ว่าสินค้าเหล่านี้ถูกสร้างขึ้นโดยนายน้อย และดูเหมือนว่าราคาต้นทุนของพวกมันจะต่ำมาก

สำนักโล่พิทักษ์ทำเงินได้มากมายจริง ๆ
ทันใดนั้นชายวัยกลางคนก็ก้าวเข้าไปในฝูงชน

เขาคือหยางกู่หลงเจ้าของร้านใหญ่ของสาขาศาลาไป่หยู่ ในมณฑลหมิงหนาน
ท่าทางของหยางกู่หลงนั้นสงบมาก เขามีรอยยิ้มที่ดูใจดีบนใบหน้าและมีแสงแห่งความชาญฉลาดในดวงตา ซึ่งมักจะพบเห็นได้ในเหล่านักธุรกิจทั่วไป

ฝูงชนดูตื่นเต้นขึ้นมา
นี่คือการเข้ามาเอาคืนอย่างนั้นเหรอ?
เรื่องนี้เข้าใจได้ไม่ยาก ศาลาไป่หยู่เป็นร้านค้าขนาดใหญ่อีกแห่งนอกจากคฤหาสน์ชวนเทียน และมีชื่อเสียงในธุรกิจนี้
แต่ตอนนี้กลับมีร้านเล็ก ๆ กล้ามาเปิดร้านอย่างโจ่งแจ้งอยู่ตรงข้าม ซึ่งดูเหมือนเป็นการยั่วยุและในวันแรกของการเปิดกิจการก็ช่างร้อนแรงมากเสียด้วย

ไม่แปลกใจเลยที่ศาลาไป่หยู่ไม่สามารถนั่งทนดูอยุ่เฉย ๆ ได้
ทีมคุ้มกันคมมีดค่อยๆรวมตัวกันรอบ ๆ หยางกู่หลงพวกเขาตื่นตัวกันมาก
“อย่าประหม่าไปเลยทุกท่าน” หยางกู่หลงยิ้มอย่างเป็นมิตร “ข้าแค่อยากมาทักทาย แค่อยากจะถามพวกท่านน่าจะเป็นสำนักโล่พิทักษ์ร้านเดียวกันกับในเขตหวงชาใช่หรือเปล่า ?”

เขาได้รับคำสั่งมาจากทางเบื้องบน
แม้ว่าเขาจะไม่เข้าใจเท่าไหร่ แต่เขาก็ต้องทำตาม
ที่ยากก็คือเขาไม่สามารถบอกเป้าหมายของตนออกมาอย่างโจ้งแจ้ง
“ไม่!”
“ไม่ใช่เลย”
“พวกเราไม่เคยไปเขตหวงชา” เหล่าคนงานในสำนักโล่พิทักษ์ส่ายหัว
หยางกู่หลงตะลึง
เขารู้อยู่แล้วว่ายังไงอีกฝ่ายก็ต้องปฏิเสธ แต่มันก็น่าจะดูเรียบร้อยมากกว่านี้สิ
นี่มันเต็มไปด้วยจิตมุ่งร้ายมากเกินไป

หยางกู่หลงหัวเราะสองครั้ง “แต่สินค้าในร้านที่ท่านขาย ดูเหมือนว่ามีหลายชิ้นเคยปรากฏในเขตหวงชานะ”
“บังเอิญ มันก็แค่บังเอิญ” เหล่าคนงานของสำนักโล่พิทักษ์ส่ายหัวอีกครั้ง

ดวงตาของหยางกู่หลงกระตุก
ทำไมคนเหล่านี้ถึงได้ไม่ทำตามสามัญสำนึก
ช่างมันไปก่อน อย่าไปยุ่งกับปัญหานี้มากเกินไป เขาควรสร้างความสัมพันธ์ที่ดีก่อน

“ธุรกิจของสำนักโล่พิทักษ์นั้นไปได้ด้วยดีมาก ข้าไม่คาดเลยว่าคิดว่าร้านใหม่ขนาดเล็กจะสามารถขโมยลูกค้าจำนวนมากจากศาลาไป่หยู่ของข้าไปได้ ข้าขอชื่นชม” หยางกู่หลงกล่าวชื่นชมอย่างจริงใจ

ในขณะเดียวกัน เจ้าของร้านอย่างอาฟูและเสี่ยวชาก็มองไปที่เขาด้วยสายตารังเกียจ
ตามคาดเจ้าหมอนี่ไม่ได้มาดีแน่
แม้จะมีท่าทางดูเหมือนว่าสายลมอันอบอุ่นในฤดูใบไม้ผลิ แต่ในความเป็นจริงมีมีดอยู่ในรอยยิ้มที่เป็นมิตรนั่น

“เจ้าของร้านหยาง ท่านสามารถทำธุรกิจได้ตามความสามารถที่ท่านมี แต่ถ้าหากท่านมาทำให้เกิดความเสียหายใด ๆที่เป็นการล่วงเกินพวกเรา พวกเราจะให้ท่านชดใช้แน่” อาฟูกล่าวอย่างใจเย็น

หยางกู่หลงกำลังสับสน
อ๊ะ?
ข้าไม่ได้มาหาเรื่อง
ข้าไม่ได้มาล่วงเกินจริง ๆ
อย่ามองว่าพวกเจ้าเป็นเหยื่อสิ ข้ายังไม่ได้ทำอะไรเลย
ข้าแค่มาที่นี่เพื่อทักทาย
อย่าไปคิดมากกับมันนักสิ

“ข้าได้ยินเรื่องเจ้าของร้านลั่วมานานมากแล้ว วันนี้ข้าจะมีเกียรติได้พบเขาหรือไม่” หยางกู่หลงพยายามทำตัวเหมือนเป็นผู้มีคุณธรรม
แต่ใครจะคิดว่าเมื่อได้ยินดังนั้นทีมคุ้มกันคมมีดก็เตรียมหยิบอาวุธที่เอวขึ้นมา
ดูเหมือนว่าพวกเขามองว่าหยางเป็นอันตรายและพร้อมที่จะโจมตีได้ทุกเมื่อ

“เจ้าของร้านลั่วอะไร ? ที่นี่เราไม่มีเจ้าของร้านชื่อลั่ว ที่นี่เรามีเพียงเจ้าของร้านฟู และเจ้าของร้านชา เท่านั้นท่านมาผิดที่แล้ว” หลิวหูกล่าวอย่างเย็นชา
คนของสำนักโล่พิทักษ์ต่างก็ยืนยันเป็นเสียงเดียวกัน

ชายคนนี้ไม่เพียงมาที่นี่เพื่อจับผิด แต่ยังต้องการสร้างความเดือดร้อนให้กับนายน้อยอีกด้วยอย่างนั้นเหรอ ?
ดูเหมือนตระกูลลั่วไม่มีความคิดที่จะปล่อยนายน้อยไปจริง ๆ

หยางกู่หลงอยากจะร้องไห้ในใจ
อย่าทำแบบนี้สิ ข้ามาด้วยความปรารถนาดีจริง ๆ ข้าไม่ได้มาที่นี่เพื่อต่อสู้