บทที่ 190 ไปอาละวาดที่บ้านตระกูลเนี่ย

ทะลุมิติไปเป็นแม่ม่ายสาวชาวสวน

บทที่ 190 ไปอาละวาดที่บ้านตระกูลเนี่ย

“อวี่หมิน เจ้าไม่ต้องกลัวนะ แม่จะผดุงความยุติธรรมให้เจ้าเอง รอให้จางซิ่วเอ๋อออกมาจากป่าผีสิงนั่นก่อนเถอะ แม่จะสั่งสอนจางซิ่วเอ๋อให้เจ้าเอง!” แม่เฒ่าจางปลอบจางอวี่หมิน

จางอวี่หมินพูดขึ้นด้วยความร้อนใจนิดหน่อย “ท่านแม่ แค่สั่งสอนจางซิ่วเอ๋อจะไปมีประโยชน์อะไร ตอนนี้นางไม่เห็นแม่อยู่ในสายตาสักนิด แม่พูดอะไรไปนางก็ไม่ฟังหรอก!”

แม่เฒ่าจางหน้าเสีย แต่นางต้องยอมรับว่าจางซิ่วเอ๋อในตอนนี้ยากจะต่อกรด้วย

“แต่ข้ามีวิธีอยู่เจ้าค่ะ เจอแบบนี้เข้าไปจางซิ่วเอ๋อคงได้โดนดีแน่” จางอวี่หมินพูดด้วยท่าทางมีเลศนัย

“วิธีอะไร?” แม่เฒ่าจางสงสัย ตอนนี้จางซิ่วเอ๋อดูอย่างกับหินในส้วม ทั้งเหม็นทั้งแข็ง จะจัดการอย่างไร?

จางอวี่หมินกล่าวต่อ “ท่านแม่ ขอแค่ท่านไปตระกูลเนี่ยสักครั้ง ไปคุยกับนายท่านเนี่ยและฮูหยินเนี่ย บอกเขาไปว่าจางซิ่วเอ๋อทั้งชั้นต่ำ แพศยา ชอบให้ท่าผู้อื่น คนตระกูลเนี่ยจะต้องไม่เอาจางซิ่วเอ๋อไว้แน่!”

แม่เฒ่าจางได้ยินแล้วตาเป็นประกาย “อวี่หมิน วิธีนี้ช่างดีจริง ๆ! เจ้าเป็นคนคิดรึ!”

จางอวี่หมินพูดทันที “ข้าเป็นคนคิดเจ้าค่ะ”

ที่นางพูดแบบนี้ใช่ว่าเป็นเพราะรับปากหลีฮวาไว้ว่าจะไม่บอกใคร เพียงแต่อยากเอาหน้ากับแม่เฒ่าจางเท่านั้น

แม่เฒ่าจางมองจางอวี่หมินอย่างปลื้มปริ่ม “เจ้านี่มีวิธีจริง ๆ เจ้าฉลาดขนาดนี้สมควรแต่งเข้าบ้านคนใหญ่คนโต โชคดีหน่อยอาจได้เป็นฮูหยินน้อยด้วยซ้ำ”

“ท่านแม่ รีบไปเถอะเจ้าค่ะ” จางอวี่หมินบอก นางทนรอดูจางซิ่วเอ๋อตกที่นั่งลำบากไม่ไหวแล้ว

ที่จริงนางจะไปเองก็ได้ แต่พอนึกถึงตระกูลเนี่ยแล้วจางอวี่หมินยังรู้สึกกล้า ๆ กลัว ๆ ตอนนี้จึงไม่กล้าไป

แม่เฒ่าจางเป็นคนหน้าด้าน นอกจากบ้านผีสิงของจางซิ่วเอ๋อแล้วนางก็ไม่เคยกลัวสถานที่ไหนมาก่อน

เรียกได้ว่าขอแค่เป็นสถานที่ที่แม่เฒ่าจางไม่เคยเสียเปรียบ นางกล้าไปหมด

“เช่นนั้นเรื่องนี้รอช้าไม่ได้แล้ว ข้าจะออกเดินทางเดี๋ยวนี้ล่ะ” แม่เฒ่าจางกล่าว

นางเปลี่ยนชุดและยืมแป้งของจางอวี่หมินไปทาบนหน้าตัวเอง เมื่อก่อนตระกูลจางไม่มีของมีราคาอย่างแป้งแต่งหน้าหรอก ที่ซื้อได้ก็เพราะขายจางซิ่วเอ๋อให้ตระกูลเนี่ยแล้วได้เงินมา ชีวิตที่บ้านสบายขึ้นถึงยอมซื้อ

แม่เฒ่าจางคิดว่าตัวเองจะไปตระกูลเนี่ยทั้งทีย่อมขายหน้าไม่ได้ จึงตั้งใจแต่งหน้าแต่งตัว

ไม่แต่งตัวยังไม่เป็นไร แต่พอแต่งแล้วดูอย่างไรก็ประหลาดพิกล

นางสวมชุดสีแดงสด ประดับดอกไม้สีแดงบนหัว ทาหน้าขาววอก แค่ขยับตัวนิดหน่อยแป้งบนหน้าก็จะฟุ้งกระจายออกมา ดูอย่างไรก็เหมือนเพิ่งคลานขึ้นมาจากโลงศพ

แต่แม่เฒ่าจางไม่เห็นเป็นเรื่องใหญ่ ออกจะภาคภูมินิด ๆ เสียด้วยซ้ำ

หญิงชราออกจากบ้านในสภาพนี้ และเพื่อประหยัดเวลา นางจึงกัดฟันจ้างเกวียนวัวมาคันหนึ่ง

ถ้าเป็นเมื่อก่อนนางไม่ยอมเสียเงินก้อนนี้แน่ แต่ตอนนี้นางคิดไปว่าการที่ตัวเองไปส่งข่าวสำคัญขนาดนี้ให้ตระกูลเนี่ย อย่างไรเสียตระกูลเนี่ยก็ต้องตกรางวัลเงินให้ตัวเองบ้าง

ต่อให้ตระกูลเนี่ยไม่ให้ หากนางเอ่ยขอทั้งที คนบ้านรวยที่กลัวเสียหน้าเป็นที่สุดเช่นนี้ต้องให้นางบ้างแน่นอน

แม่เฒ่าจางวางแผนไว้ดิบดีทีเดียว

บ้านของเจ้าของที่ตระกูลเนี่ยไม่ได้อยู่ในเมืองชิงสือ แต่อยู่ในเมืองข้าง ๆ ที่ใหญ่กว่าเล็กน้อย

แม่เฒ่าจางรีบเร่งมาถึงบ้านเจ้าของที่ตระกูลเนี่ยก่อนฟ้ามืดในที่สุด

นางมองประตูไม้แดงบานใหญ่ของบ้านตระกูลเนี่ยแล้วก็ตะลึงพรึงเพริดไป

นี่เป็นครั้งแรกที่นางมาบ้านเจ้าของที่ตระกูลเนี่ย

นางยื่นมือไปลูบห่วงประตูหัวอสูรทองแดงบนประตูไม้แดงบานใหญ่ ความประณีตของการสลักทำให้แม่เฒ่าจงแทบอยากจะแงะของสิ่งนี้ออกแล้วนำกลับบ้าน

ส่วนเอากลับไปแล้วทำอะไรได้นั้น แม่เฒ่าจางไม่ได้คิด นางแค่รู้สึกว่าเจ้าสิ่งนี้มีมูลค่า

นางลูบห่วงประตูหัวอสูรอยู่อย่างนั้น เนิ่นนานกว่าจะนึกเรื่องสำคัญของตัวเองขึ้นมาได้

นางกลั้นใจสักพัก ปากบ่นพึมพำไปว่าแค่ประตูใหญ่บานนี้ยังเลอค่าถึงเพียงนี้ ของดีข้างในต้องเยอะกว่านี้แน่ ด้วยความคิดนี้ นางก็ยกมือขยับห่วงหน้าประตู

ทันทีที่ประตูถูกเคาะจนเกิดเสียงดัง ก็มีนายทวารคนหนึ่งเดินออกมา

นายทวารชะโงกศีรษะมองออกมาด้านนอก พอมองก็เห็นแม่เฒ่าจางที่กำลังมองลอดผ่านช่องว่างระหว่างประตูเข้ามา

ทั้งสองคนเกือบจะชนกัน

นายทวารรีบกระโดดไปข้างหลังหนึ่งก้าว ด้วยอาการสะดุ้งตกใจกับแม่เฒ่าจางที่หน้าขาววอกและทาปากแดงแจ๋!

แม่เฒ่าจางกำลังเอียงตัวพยายามเบียดเข้ามาจากช่องว่างระหว่างประตูที่เปิดออกเล็กน้อย

นายทวารเห็นดังนั้นก็ร้อนใจขึ้นมา รีบตรึงประตูไว้แน่น

แม่เฒ่าจางจึงโดนหนีบอยู่ตรงกลางระหว่างช่องว่างประตู

“โอ๊ยย! เจ้าทำอะไรเนี่ย? เจ้าจะหนีบยายแก่อย่างข้าให้ตายเลยใช่ไหม” แม่เฒ่าจางร้องโหยหวน

นายทวารถลึงตาใส่ “คณะงิ้วจากไหนกันนี่? ไม่ดูหน่อยรึว่าจวนของเราเป็นเช่นไร เจ้าคิดว่าใครก็เข้ามาได้หรือ?”

เขาเป็นนายทวารมานานจึงพอจะดูคนออก คนอย่างแม่เฒ่าจางจะไปมีความสัมพันธ์อะไรกับจวนนี้ได้

แม่เฒ่าจางแค่นเสียง “เจ้าดูถูกข้ารึ? ข้าจะบอกให้นะ! ข้าเป็นแขกทรงเกียรติของจวนเจ้า! หลานสาวของข้าแต่งเข้าตระกูลเนี่ยของพวกเจ้า!”

นายทวารตกใจกับสิ่งที่นางพูด ชะงักไปเล็กน้อย แรงที่มือผ่อนลง

แม่เฒ่าจางฉวยโอกาสนี้เบียดเข้ามา มองนายทวารแล้วก่นด่าชุดใหญ่ “เจ้าเป็นแค่คนเฝ้าประตูบังอาจไร้มารยาทกับข้าเช่นนี้ ประเดี๋ยวข้าเจอนายท่านเนี่ยแล้วเจ้าโดนดีแน่!”

แม่เฒ่าจางด่าไปพลางพิจารณาจวนตระกูลเนี่ยไป

หลังจากเข้าประตูมาแล้ว ด้านหน้ามีภูเขาจำลองที่มีเถาวัลย์พันยั้วเยี้ย บดบังด้านในไว้อย่างพอดิบพอดี ทว่าไม่ทำให้รู้สึกอึดอัด กลับให้ความรู้สึกสงบและลึกลับ

สองด้านเป็นระเบียงทางเดิน ยาวออกไปทางด้านใน ไม่รู้ว่าตรงไปยังที่ใด

อิฐบนหลังคาก็เป็นอิฐหลิวหลีเปล่งประกาย ปลายมุมหลังคางุ้มขึ้น ละเอียดประณีต

แม่เฒ่าจางทึ่งไปชั่วขณะ พึมพำกับตัวเอง “แม่เอ๊ย นี่น่ะหรือบ้านคนรวย?”

เมื่อได้เห็นความโอ่อ่าของตระกูลเนี่ยแล้ว แม่เฒ่าจางก็มีเพียงความคิดเดียว นั่นก็คือต้องให้จางอวี่หมินได้แต่งเข้าตระกูลมั่งคั่งเช่นนี้ให้ได้ แบบนี้นางจะได้ได้ดิบได้ดีไปด้วย

บ้านคนรวยเช่นนี้ แค่มีเศษเหลือกระเด็นมาก็พอให้นางกินและใช้แล้ว!

นายทวารได้สติกลับมา มองแม่เฒ่าจางด้วยสายตาโกรธเกรี้ยว “เจ้าเป็นยายบ้ามาจากที่ไหนกัน!”

ถ้าเป็นคนจากบ้านฮูหยินน้อยจริง ๆ จะไม่เคยมาที่ตระกูลเนี่ยเลยหรือ?

อีกอย่าง คนที่บ้านฮูหยินน้อยจะเป็นยายบ้าเช่นนี้ได้อย่างไร!

“เจ้าพูดอะไรน่ะ ใครเป็นยายบ้าหา! วันนี้ข้าจะบอกให้นะ ข้าดองกับคุณผู้ชายของเจ้าจริง ๆ เจ้ารีบไปตามนายท่านของเจ้ามาเสีย!” แม่เฒ่าจางวางมาดเต็มที่

นายทวารเห็นท่าทางของแม่เฒ่าจางแล้วก็โมโหสุดขีด “ยายบ้าอย่างเจ้านี่ฝันกลางวันอยู่หรือไร? ให้ข้าไปตามนายท่านของข้ารึ! แค่ไปแจ้งให้ข้าก็ไม่ทำให้หรอก!”

ให้ยายบ้าเช่นนี้ไปเจอนายท่านนี่นะ ไม่แน่ใจเลยว่านายท่านจะไม่สบอารมณ์ขนาดไหน!

“ข้าจะบอกให้เจ้าได้กระจ่างนะ หลานสาวของข้าแต่งงานกับคุณชายใหญ่ของเจ้า ต่อให้นายท่านของเจ้ามาเจอข้าก็ต้องเคารพข้าเป็นผู้ใหญ่” แม่เฒ่าจางพูดอย่างไม่พอใจ