ตอนที่ 176 อาจารย์ของหลิงเซียว!

I’M THE BOSS ลูกพี่หุ่นเทวะ

‘ถึงแม้ฉันไม่รู้ว่าลูกพี่สังเกตเห็นนายตั้งแต่เมื่อไหร่…’ เขาพลันนึกถึงคำพูดที่ฉีหลงกล่าวกับเขาตั้งแต่เริ่มแรก ราวกับว่าคนที่สังเกตเห็นเขาคนแรกคือหลิงหลาน ไม่ใช่พวกเขา…

แววตาของเซี่ยอี๋มั่นคง เขามองไปที่ฉีหลงและถามด้วยความจริงจังว่า “เมื่อตะกี้นี้ นายบอกว่าคนที่สังเกตเห็นฉันคนแรกคือลูกพี่ของนาย? หมายถึงหลิงหลานเหรอ?”

ฉีหลงพยักหน้าพูดว่า “แน่นอนอยู่แล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะลูกพี่บอกฉันว่า นายอยู่ที่นี่ พวกเราคงไม่มีทางเข้ามาดูการต่อสู้ได้เหมือนกัน”

คำพูดของหลิงหลานทำให้เซี่ยอี๋ตระหนักขึ้นมาได้ทันที ในที่สุดเขาก็รู้แล้วว่าใครทำเขาตกลงมาจากต้นไม้ ต้องเป็นหลิงหลานแน่นอน!

สีหน้าของเซี่ยอี๋แดงฉานขึ้นมาทันใด เดิมทีเขาคิดว่าต่อให้ตัวเองจะเป็นอันดับหนึ่งในปีเจ็ดไม่ได้ แต่เขาก็สามารถสูสีกับคนที่แข็งแกร่งที่สุดได้หลายคน แต่ความเป็นจริงกลับตบหน้าเขาทันที เขาโดนหลิงหลานที่ใช้วิธีการแยบยลโจมตีใส่จนร่วงลงมา ไม่เพียงเขาไม่สังเกตเห็นอีกฝ่าย เขายังคิดว่าตัวเองทำพลาดด้วย…

เห็นได้ว่าความสามารถของหลิงหลานเหนือกว่าเขาไปไกล ปากของเซี่ยอี๋รู้สึกขมฝาดเล็กน้อย “ความสามารถของหลิงหลานแข็งแกร่งมากเลยใช่ไหม?”

ฉีหลงมองเซี่ยอี๋ด้วยความประหลาดใจแวบหนึ่ง ความแข็งแกร่งของหลิงหลานเป็นที่ยอมรับกันทั่วชั้นปี ทำไมเซี่ยอี๋ถึงทำหน้าเหมือนเพิ่งรู้ล่ะ อย่างไรก็ตาม ฉีหลงยังคงตอบเซี่ยอี๋ว่า “แน่นอนอยู่แล้ว ถ้าลูกพี่ต่อสู้จริงจังละก็ ฉันไม่รู้ว่าจะทนเขาได้สิบกระบวนท่าหรือเปล่า…” ฉีหลงลอบไขว้นิ้วที่ด้านหลังอย่างเงียบๆ ในใจก็ขอขมาเทพเซียนที่เดินทางผ่านมาว่าให้อภัยที่เขาจำเป็นต้องพูดเรื่องโกหกด้วย

ที่แท้ฉีหลงจงใจบอกเพิ่มมาหลายกระบวนท่า ไม่ว่ายังไงเขาก็เป็นอันดับหนึ่งของชั้นปี เขาต้องรักษาหน้านิดหน่อยจะพูดตามสัตย์จริงไม่ได้ว่า แม้กระทั่งกระบวนท่าเดียวของลูกพี่เขาก็ยังต้านรับไม่ไหว…นั่นมันน่าขายหน้าเกินไปแล้ว

เซี่ยอี๋ไม่รู้ว่าฉีหลงรักษาหน้าตัวเองเลยจงใจพูดเพิ่มมาหลายกระบวนท่า แต่คำตอบว่าสิบท่านี้ก็สะกดเขาไว้แล้ว เพราะเขายอมรับว่าความสามารถตัวเองไม่มีทางเหนือกว่าฉีหลง ถ้าหากฉีหลงยังต้านสิบกระบวนท่าไม่ได้ เขาก็ทำไม่ได้เหมือนกัน

จากความสามารถของหลิงหลานในเวลานี้ ต่อให้เข้าโรงเรียนทหารชายที่หนึ่งตอนนี้ก็ไม่มีทางด้อยไปกว่าลูกรักของสวรรค์เหล่านั้น มีหัวหน้าทีมที่แข็งแกร่งขนาดนี้ ทีมของพวกเขาไม่มีทางตกสู่ทีมพื้นๆ ธรรมดาแน่นอน

หัวใจของเซี่ยอี๋หนักแน่นขึ้นมาทันที เขาเงยหน้าขึ้นกล่าวว่า “ฉันเข้า!”

คำตอบที่ทรงพลังและดังก้องของเซี่ยอี๋ทำให้ฉีหลงกับหานจี้จวินสบตากันด้วยความประหลาดใจแกมยินดี ถึงแม้ว่าตอนนี้พวกเขายังไม่เข้าใจเซี่ยอี๋ แต่อีกฝ่ายพิจารณาอย่างจริงจังมาแล้ว จนสุดท้ายค่อยทำการตัดสินใจ พวกเขาเชื่อว่าอีกฝ่ายใคร่ครวญอย่างลึกซึ้งรอบคอบแล้ว ไม่มีทางเปลี่ยนแปลงง่ายๆ แน่นอน สมาชิกทีมแบบนี้ถึงจะเป็นสมาชิกทีมที่พวกเขาต้องการ…

แน่นอนว่าถ้าอยากกลายเป็นเพื่อนที่แท้จริงของพวกเขา เซี่ยอี๋ยังต้องผ่านการทดสอบชุดหนึ่งก่อน ก็เหมือนกับดั่งเช่นหลินจงชิงในตอนนั้น…เพียงแต่ตอนนี้เซี่ยอี๋ยังไม่รู้เท่านั้น

ตอนนี้เซี่ยอี๋ยังไม่สามารถเข้าร่วมทีมหลิงหลานได้อยู่แล้ว เนื่องจากเวลานี้ยังเป็นช่วงเวลาต่อสู้ประจัญบานอยู่ ฟังก์ชั่นต่างๆ ส่วนใหญ่ของอุปกรณ์สื่อสารอยู่ในสภาพปิดตาย ได้แต่รอให้การต่อสู้ประจัญบานสิ้นสุดลงถึงจะสามารถได้รับจดหมายเชิญของทีมหลิงหลาน…

หลังจากที่ฉีหลงกับหานจี้จวินที่ปฏิบัติภารกิจสำเร็จได้สอบถามความตั้งใจของเซี่ยอี๋แล้ว พวกเขาก็แยกทางกับอีกฝ่าย เนื่องจากเซี่ยอี๋ใช้ความทรหดอดทนไปหมดแล้ว จำเป็นต้องหาสถานที่เพื่อฟื้นฟูร่างกาย ส่วนพวกฉีหลงต้องการสู้ต่อ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พวกเขาอยากหาพวกเด็กห้องเอที่แข็งแกร่งที่สุดของปีสิบแล้วเอาชนะพวกเขาให้ได้ทั้งหมด ไม่อย่างนั้นปีเจ็ดไม่มีทางเอาชนะการต่อสู้ประจัญบานครั้งนี้ได้เลย

เซี่ยอี๋รอให้พวกฉีหลงจากไปแล้วค่อยเตรียมตัวจัดการหยวนเฉินที่สลบไสลไม่ได้สติท่ามกลางเสียงหัวเราะชั่วร้าย ทว่ายังไม่ทันที่เขาจะได้ลงมือ จู่ๆ อาจารย์ที่ตรวจตราสถานที่แห่งนี้ก็ปรากฏตัวขึ้นแบกอีกฝ่ายไปทันที ทำให้เซี่ยอี๋พลาดโอกาสลงมือไป

อย่างไรก็ตาม เซี่ยอี๋ไม่ได้รู้สึกหงุดหงิดเลย ถึงยังไงอีกฝ่ายก็ไม่ใช่ศัตรูคู่อาฆาต ถ้าไม่ใช่เพราะอีกฝ่ายต้องการฆ่าเขาก่อน เขาเองก็ไม่คิดจัดการฝ่ายตรงข้าม เขาแค่ไม่อยากเก็บปัญหาในอนาคตไว้เท่านั้น นี่เป็นจุดที่คนแสร้งเป็นหมูต้องจำไว้ขึ้นใจ แต่ในเมื่ออาจารย์ออกหน้า เขาก็ไม่มีทางดื้อดึงไม่ให้อภัย คนที่แสร้งเป็นหมูจำเป็นต้องเข้าใจให้ชัดเจนว่าตัวเองเป็นเพียงหมูปลอมเท่านั้น ไม่ใช่หมูจริง ดังนั้นจะต้องไม่หวาดกลัวกับการท้าประลองใดๆ ก็ตาม

ว่าแต่ที่พวกฉีหลงเข้าร่วมการต่อสู้ต่อก็เพราะว่าทีมอันดับหนึ่งของปีสิบแทบจะถูกจัดการโดยหลิงหลานทั้งหมด สมาชิกที่เหลืออยู่แค่สองคนก็ถูกหลิงหลานลงมืออย่างลับๆ นี่ทำให้ความกดดันของนักเรียนปีเจ็ดห้องเอลดลงไปมาก

ว่าไปแล้วสองคนที่โดนหลิงหลานลงมือใส่อย่างลับๆ นั้นก็ได้เจอกับทีมห้าคนของปีเจ็ดห้องบี พวกเขาต่อสู้กันอย่างดุเดือด ถึงแม้ว่าความสามารถของแต่ละคนในทีมห้าคนของห้องบีจะด้อยกว่าลูกทีมสองคนนั้น แต่พวกเขากลับร่วมมือกันได้ค่อนข้างรู้ใจกัน ต้านทานการโจมตีอย่างรุนแรงเป็นชุดของอีกฝ่ายได้ หลังจากที่ช่วงเวลาต่อสู้ยาวนานขึ้น กระบวนท่าที่หลิงหลานลงมืออย่างลับๆ ก็ยิ่งแสดงอานุภาพของมันมากขึ้นเรื่อยๆ สุดท้ายสมาชิกทีมที่ถูกเซี่ยอี๋ไล่มาก็พบสัญลักษณ์ลับที่สมาชิกทีมทิ้งไว้ ในที่สุดเขาก็ตามมาทัน เวลานี้เขาปรับตัวได้แล้ว และทีมห้องบีปีเจ็ดที่มีสมาชิกครบก็เปิดจังหวะตอบโต้คืนอย่างเป็นทางการ…

และเนื่องจากแรงกดดันของอีกฝ่าย นักเรียนสองคนจากในสี่คนของทีมที่เดิมทีพรสวรรค์ยังไม่ตื่นนั้นก็ได้ปลุกพรสวรรค์ขึ้นมาแล้ว ถึงแม้ว่าความสามารถของพรสวรรค์ที่ตื่นขึ้นจะธรรมดามากๆ แต่เมื่อพรสวรรค์ตื่นก็หมายความว่าควบคุมหุ่นรบได้ เขาเดินไปไกลกว่านักเรียนที่พรสวรรค์ยังไม่ตื่นแล้ว…แน่นอนว่ายิ่งพรสวรรค์ที่ตื่นขึ้นมาเหมาะสมกับการควบคุมหุ่นรบ มันก็จะยิ่งเพิ่มประสิทธิภาพด้านหุ่นรบในระดับหนึ่ง

เมื่อเผชิญหน้ากับการบุกโจมตีอย่างดุเดือดของทีมปีเจ็ดห้องบี ในที่สุดสมาชิกทีมสองคนนั้นก็ไม่มีแรงจะต้านทานแล้ว หนึ่งในนั้นถูกทีมห้องบีร่วมมือกันโจมตีจนหมดสติตรงนั้นเลย ส่วนอีกคนเห็นว่าท่าไม่ดีก็หนีไปทันที…ทว่าเขาก็โดนทีมห้องเอปีเจ็ดที่ผ่านมาโดยบังเอิญซัดใส่จนล้มไป

การต่อสู้แบบนี้ปรากฏขึ้นในพื้นที่ต่างๆ ของสถาบัน คนที่ถูกกำจัดอาจจะเป็นเด็กปีเจ็ดและก็อาจจะเป็นเด็กปีสิบ มีเพียงรอให้การต่อสู้ประจัญบานสิ้นสุดลงเท่านั้นถึงจะรู้ได้ว่าผลสุดท้ายเป็นยังไง ทว่าตอนนี้ทุกคนพยายามอย่างหนักเพื่อให้อยู่ในการต่อสู้ประจัญบานต่อไป

ทว่าเรื่องพวกนี้ไม่เกี่ยวกับหลิงหลานแม้แต่น้อย หมายเลขเก้าควบคุมร่างกายหลิงหลานมาถึงเขตที่พักภายใต้คำแนะนำของเสี่ยวซื่อ

ขอเพียงกดปุ่มยอมแพ้ก็จะสามารถเข้ามาในเขตที่พักปลอดภัยได้ แน่นอนว่าเสี่ยวซื่อสามารถใช้ออปติคัลคอมพิวเตอร์หลักให้หลิงหลานเข้าไปได้โดยที่ไม่ต้องยอมแพ้เหมือนกัน แต่ว่าเสี่ยวซื่อจำคำเตือนของหลิงหลานได้ว่า ห้ามทิ้งร่องรอยใดๆ ที่อาจจะถูกค้นพบได้ ถ้าหากเขาทำแบบนี้ขึ้นมาละก็ จะเป็นการเปิดโปงลูกพี่ต่อหน้าทุกคนอย่างไม่ต้องสงสัย

หมายเลขเก้ากดปุ่มยอมแพ้โดยไม่ลังเล ร่างกายของหลิงหลานฝืนประคองไว้ได้ไม่นานแล้ว ถ้าหากไม่กลับไปยังสถานที่ปลอดภัยที่สุดละก็ เธอก็ไม่วางใจเรื่องปัญหาความปลอดภัยของหลิงหลานเหมือนกัน และสำหรับหมายเลขเก้ากับเสี่ยวซื่อแล้ว ผลสรุปของการต่อสู้ประจัญบานไม่ได้สำคัญเท่ากับชีวิตของหลิงหลาน

หมายเลขเก้าเข้าไปในเขตที่พักอย่างรวดเร็ว พุ่งกายไปไม่กี่ทีก็มาถึงบ้านพักของหลิงหลาน เธอเข้าไปในบ้านทันที ตอนนี้ร่างกายของหลิงหลานเกิดการพังทลายแล้ว ทั่วทั้งร่างนองไปด้วยเลือด ฉากที่น่าหวาดหวั่นเช่นนี้ทำให้หลานลั่วเฟิ่งที่กำลังนั่งอยู่บนโซฟาในห้องรับแขกมองดูรายงานข่าวสดของสถานการณ์การต่อสู้ประจัญบานสะดุ้งขึ้นมาด้วยความตกใจ

“คุณน้าหนาน!” หลานลั่วเฟิ่งกอดร่างกายของหลิงหลานที่กำลังล้มลงพื้นพลางตะโกนเสียงดังลั่น

“คุณชายหลาน! เกิดเรื่องอะไรขึ้นคะ” พริบตาเดียวหลิงหนานอีก็ปรากฏตัวขึ้นในห้องรับแขก ฉากนี้ทำให้หมายเลขเก้ารู้ว่าอย่างน้อยที่สุดอีกฝ่ายก็เป็นยอดฝีมือระดับพลังปราณ

“ศัตรูที่ไม่รู้จักปลอมตัวเป็นอาจารย์ลอบฆ่าผม! แจ้งหลิงฉินส่งยอดฝีมือระดับแนวหน้าในตระกูลมาคุ้มครอง…” หลังจากที่หมายเลขเก้าทิ้งท้ายประโยคนี้ด้วยความเร่งร้อน เธอก็กลับไปที่มิติการเรียนรู้ด้วยความเสียใจ ไม่ใช่เธอไม่อยากพูดให้เข้าใจ แต่ร่างกายของหลิงหลานฝืนทนการปรากฏตัวของเธอไม่ไหวแล้ว ถ้าหากรั้งอยู่ต่อ ร่างกายของหลิงหลานจะพังแล้วจริงๆ

หลานลั่วเฟิ่งเบิกตาโตมองดูร่างของหลงหลานหมดสติไปในอ้อมกอดของเธอ ในแววตาเผยความคั่งแค้นอำมหิตออกมาวูบหนึ่ง ไม่มีแม่สักคนที่ยอมให้ลูกตัวเองได้รับบาดเจ็บได้ ต่อให้เป็นแม่ที่อ่อนแอเปราะบางอีกสักแค่ไหน เวลานี้ก็สามารถเปลี่ยนเป็นแม่สิงโตที่ดุร้ายได้

“คุณน้าหนาน ให้คุณอาหลิงส่งคนมา ส่งคนที่แข็งแกร่งที่สุดมา ไม่เพียงแค่นั้น ให้หน่วยหุ่นรบในตระกูลเคลื่อนพลออกมาทั้งหมด ฉันต้องการให้สถาบันมีคำอธิบายให้กับตระกูลหลิงของเรา!” ใบหน้าของหลานลั่วเฟิ่งเย็นเยียบ ความอ่อนแอบอบบางแต่เดิมถูกกวาดไปไม่เหลือ แววตาเต็มไปด้วยไอสังหาร

ความประหลาดใจฉายวูบขึ้นมาในแววตาของหลิงหนานอี เธอพยักหน้าหนักๆ กล่าวว่า “เข้าใจแล้วค่ะ คุณนาย!” นี่ค่อยเป็นกิริยาท่าทางที่คุณนายของตระกูลควรมี เดิมทีเธอคิดมาตลอดว่าหลานลั่วเฟิ่งอ่อนแอมากเกินไปหน่อย

“หลิงเซียว ฉันไม่มีทางให้ใครทำร้ายลูกรักของพวกเราแน่นอน ไม่ให้ใครทั้งนั้น…” หลานลั่วเฟิ่งกอดหลิงหลานแน่นอนราวกับว่าทำแบบนี้แล้วเธอถึงจะปกป้องลูกของเธอไว้ได้

“คุณนายคะ แจ้งไปแล้วค่ะ อีกหนึ่งชั่วโมงให้หลัง พวกเขาจะมาถึง” หลิงหนานอีใช้วิธีการติดต่อที่มีเฉพาะของตระกูลหลิงทำการติดต่อหลิงฉิน

“ นอกจากนี้ ฉันให้เสี่ยวอิงเปิดใช้งานแคปซูลรักษาเอาไว้แล้ว ตอนนี้ให้คุณชายหลานเข้าไปในแคปซูลรักษาจะเป็นการเหมาะสมที่สุดนะคะ…” หลิงหนานอีเพิ่งจะตรวจสอบร่างกายของหลิงหลาน นอกจากกล้ามเนื้อร่างกายที่เกิดการแตกสลายเป็นพื้นที่กว้างแล้ว อวัยวะภายในก็ปรากฏความเสียหายในระดับที่แตกต่างกัน แต่โชคดีที่อาการบาดเจ็บเหล่านี้ไม่ถือว่าเป็นอาการบาดเจ็บถึงแก่ชีวิตอะไรสำหรับเทคโนโลยีในตอนนี้ ขอเพียงส่วนสมองไม่ได้เกิดปัญหาก็สามารถรักษาอาการบาดเจ็บของหลิงหลานในแคปซูลรักษาได้แน่นอน มีเพียงปัญหาเรื่องระยะเวลาเท่านั้น

หลานลั่วเฟิ่งรู้ว่าเธอไม่สามารถอุ้มหลิงหลานวัยสิบสามขึ้นด้วยกำลังของตัวเอง ดังนั้นเธอจึงปล่อยหลิงหลานมอบให้หลิงหนานอีจัดการโดยไม่ลังเล ในเมื่อช่วยอะไรไม่ได้ ก็ไม่ต้องทำเรื่องที่เป็นอุปสรรค หลานลั่วเฟิ่งรู้ดีอย่างยิ่งว่าตัวเองต้องทำอะไรบ้าง

เธอมองหลิงหลานที่ถูกวางลงไปในแคปซูลรักษาด้วยดวงตาแดงก่ำ ดูแคปซูลรักษาปิดฝาลง และมีแค่เวลานี้เท่านั้นที่สีหน้าของหลานลั่วเฟิ่งดูอ่อนแออยู่บ้าง อีกทั้งยังแฝงไปด้วยความเสียใจและความเจ็บปวด

แต่เมื่อแคปซูลรักษาปกปิดทั่วทั้งร่างของหลิงหลาน สีหน้าของหลานลั่วเฟิ่งก็เปลี่ยนเป็นเย็นชาเหี้ยมโหดขึ้นมา เธอหันตัวไปพูดกับหลิงหลานอีฉับพลันว่า “คุณน้าหนาน พวกเรารอคอยขบวนเสด็จของท่านผู้อำนวยการด้วยความเคารพกันเถอะ…”

“ค่ะ! คุณนาย!” หลิงหนานอีเอ่ยด้วยความนอบน้อม

หนึ่งชั่วโมงให้หลัง บ้านพักของหลิงหลานก็มีชายชราผมขาวลึกลับคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้น หลานลั่วเฟิ่งเคยเห็นเขามาก่อน หลิงเซียวเคยพาเธอไปเยี่ยมเขามาแล้วครั้งหนึ่ง เขาคือมู่สุ่ยชิง หนึ่งในอาจารย์แรกเริ่มของหลิงเซียว

“อาจารย์มู่…” หลานลั่วเฟิ่งเห็นอีกฝ่าย ดวงตาสองข้างพลันแดงขึ้นมาจนแทบจะหลั่งน้ำตา นับตั้งแต่ที่หลิงเซียวพลีชีพไป มู่สุ่ยชิงก็ขังตัวเองอยู่ในคฤหาสน์ตระกูลหลิง ไม่ออกมาสิบกว่าปีแล้ว คราวนี้เป็นเพราะหลิงหลานถูกลอบสังหารจึงเป็นปัญหาถึงเขาในที่สุด

“ตอนนี้หลิงหลานอยู่ที่ไหน?” มู่สุ่ยชิงเอ่ยถามด้วยความร้อนใจ

หลานลั่วเฟิ่งรีบพามู่สุ่ยชิงมาที่แคปซูลรักษาของหลิงหลาน และเปิดแคปซูลรักษาออก มู่สุ่ยชิงตรวจสอบร่างกายของหลิงหลานอย่างละเอียด จากนั้นสีหน้าก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย “ยังเหลือร่องรอยกลิ่นอายธาตุน้ำของยอดฝีมือระดับเขตแดนอยู่ ดูท่าคนที่อยากฆ่าเจ้าหนูหลานจะเป็นยอดฝีมือระดับเขตแดน”

ใบหน้าของมู่สุ่ยชิงอดเผยร่องรอยความยินดีออกมาไม่ได้ “ถึงแม้ไม่รู้ว่าเขาหนีออกมาจากเงื้อมมือของอีกฝ่ายได้ยังไง แต่สามารถเอาชีวิตรอดจากในมือของยอดฝีมือระดับเขตแดนได้ก็คือปาฏิหาริย์แล้ว”

………………………………..