“โอ้โห”

ไมเคิลอุทานออกมาอย่างประหลาดใจ ด้วยสีหน้าเป็นกังวล “นี่…ก็ออกจะเร้าใจมากจริงๆ”

เย่เฉินกล่าว “มีที่ตื่นเต้นกว่านี้อีกนะ สามีของหล่อนน่ะจะจะจับขู้พวกนาย”

“อย่า…อย่าเหลวไหลน่า”

ไมเคิลกลัวจนอุทานภาษาจีนออกมา

“เราเป็นเพื่อนกันมาตั้งหลายปี นายอย่าหาเรื่องให้ฉันล่ะ!”

ไมเคิลดูหวาดกลัวมากอย่างเห็นได้ชัด

เพราะถ้าเรื่องนี้เกิดขึ้นที่อเมริกาแล้ว สามีกลับไปที่บ้านแล้วพบว่าภรรยาของตนเองอยู่กับชายอื่น สามีคงจะลั่นปืนใส่ชายชู้ไปแล้ว

ถึงจะไม่ใช่ปืนแต่บ้านทุกหลังก็ต้องมีไม้เบสบอลแค่โดนหวดเข้าไปสักทีก็เจ็บเอาการ

เย่เฉินกล่าว “ไมเคิลนายไม่ต้องกลัวหรอกน่า พวกเราคนจีนไม่มีปืนที่บ้าน แล้วสามีของผู้หญิงคนนั้นก็นิสัยดีมากทีเดียว จับพวกนายได้อย่างมากก็คงร้องห่มร้องไห้ ไม่มีทางลงไม้ลงมือทำร้ายนายหรอก”

ไมเคิลได้ยินถึงตรงนี้ก็สบายใจขึ้น เขาจึงถาม “ผู้ชายคนนั้นมีความแค้นอะไรกับนาย นายถึงต้องทำแบบนี้?”

ไมเคิลรู้สึกว่าหากทำแบบนี้ก็คงจะโหดร้ายกับผู้ชายคนนั้นมากเกินไป

เย่เฉินส่ายหน้า “ตรงกันข้ามเลยล่ะ ผู้ชายคนนั้นเป็นคนดีมากๆ ฉันเห็นเขาเป็นเพื่อน ที่ทำแบบนี้ที่จริงแล้วก็เพื่อช่วยเขา ช่วยให้เขาได้เห็นนิสัยที่แท้จริงของภรรยาตนเอง!”

ในตอนแรกที่ได้ฟังคำพูดอีกฝ่าย ไมเคิลไม่ค่อยจะเข้าใจความคิดของเขา “ฉันชักจะกลัวจะเป็นเพื่อนนายแล้วแฮะ”

เย่เฉินเองก็รู้ว่าจะหาคนมาสวมเขาคนอื่นก็ถือเป็นการทำร้ายคนผู้นั้นเช่นกัน

แต่ผู้หญิงอย่างซ่งหงเย่นอกใจสามีมานับครั้งไม่ถ้วน อีกทั้งยังรู้จักปกปิดได้อย่างแนบเนียน คนซื่อตรงอย่างสามีขอหล่อนไม่มีทางจับได้แน่นอน

เย่เฉินทนเห็นเจิ้งปินโดนหลอกแบบนี้ต่อไปไม่ได้

ในเย็นวันนั้นไมเคิลลูกเศรษฐีที่ร่ำรวยก็ไม่ได้ไปryกที่โรงพยาบาห้าดาว แต่กลับพักที่โรงแรมแห่งเดียวกับเย่เฉิน

ทั้งสองคนจึงเปิดห้องพักมาตรฐาน ซื้อเบียร์สิบกว่ากระป๋อง ดื่มเบียร์กันในห้องแล้วย้อนคิดเรื่องในอดีตที่ผ่านมา รวมไปถึงสภาพในช่วงหลายปีที่ผ่านมา

เช้าวันที่สองเย่เฉินโทรหาหลิวเจิ้งคุน บอกให้เขาส่งคนไปสะกดรอยตามซ่งหงเย่

ตอนเช้าซ่งหงเย่ไม่ได้อยู่ที่ไหนเป็นระยะเวลานานๆ พอตอนเช้าซ่งหงเย่ก็จะไปที่ร้านกาแฟของตัวเอง

ร้านกาแฟร้านนี้ตั้งอยู่ที่ถนนจงซานจง ร้านชื่อร้านกาแฟเจี้ยนเจี้ยน เป็นร้านของซ่งหงเย่

ทว่าซ่งหงเย่ไม่ค่อยมาที่ร้านกาแฟของตนเอง ไม่ได้ใส่ใจร้านของตนเองมากมายนัก

อย่างไรเสียกำไรของร้านกาแฟก็เป็นเพียงแค่เศษฝุ่นของธุรกิจนมผงของสามีเจ้าหล่อน

ร้านกาแฟร้านนี้หล่อนแค่เปิดเล่นๆ คาดว่าใช้เพื่อล่อเด็กหนุ่มๆ

เพราะร้านกาแฟร้านนี้ถูกอออกแบบอย่างสวยงาม ทว่าไม่ใช่สไตล์นุ่มนิ่มหวานแหววแบบที่ผู้หญิงชอบ แต่เป็นสไตล์ที่ไม่เหมือนใครและทำให้ผู้ชายมีความรู้สึกสบายๆ

“คุณชายตอนนี้ซ่งหงเย่อยู่ที่ร้านกาแฟเจี้ยนเจี้ยน”

เย่เฉินได้รับข่าวจากหลิวเจิ้งคุน

“ซ่งหงเย่ไม่ค่อยมาร้านกาแฟตัวเอง ถ้ามาแล้วอย่างน้อยๆ ก็จะอยู่ประมาณหนึ่งชั่วโมงเป็นอย่างน้อย”

เย่เฉินมองไมเคิล “เพื่อนรักถึงตานายแล้ว”

ครึ่งชั่วโมงต่อมา

ไมเคิลสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวตัวหนึ่ง และใส่กางเกงขายาวสบายๆ ตัวหนึ่งไปที่ร้านกาแฟเจี้ยนเจี้ยน

ร้านกาแฟเจี้ยนเจี้ยนคนไม่เยอะ ทันทีที่ไมเคิลก้าวเข้ามา พนักงานสองคนที่บาร์ก็รีบผุดลุกขึ้น

“มาดูเร็วๆ ฝรั่งคนนั้นหน้าเหมือนเสี่ยวหลี่จื่อเลย!”

“กรี๊ด สูงมาก หล่อมาก ฉันจะต้องขอวีแชทเขาให้ได้เลย!”

เถ้าแก่เป็นแบบไหนพนักงานก็เป็นแบบนั้น ซ่งหงเย่โง่งม พนักงานของหล่อนก็เช่นกัน

ซ่งหงเย่ที่นั่งอยู่ด้านข้างได้ยินเสียงพนักงาน แหงนหน้าขึ้นมองทางประตูเช่นกัน แล้วหล่อนก็หัวเสียอย่างรุนแรง

จากนั้นหล่อนจึงรีบผุดลุกยืนขึ้นเดินไปที่หน้าบาร์ เพื่อไปตำหนิพนักงาน

“พวกเธอดูสภาพเข้า หมดสภาพแล้วเนี่ย! ไปเช็ดโต๊ะเลย”

หลังจากซ่งหงเย่ไล่คนอื่นไปแล้ว ตนเองก็รับหน้าที่เป็นพนักงานบริการ เพื่อต้อนรับชาวต่างชาติสุดหล่อคนนี้

“สวัสดีค่ะคุณผู้ชาย มีอะไรให้ดิฉันรับใช้ไหมคะ?”

ซ่งหงเย่ใช้ภาษาอังกฤษที่ถือได้ว่าคล่องแคล่วถามไมเคิล

ภาษาอังกฤษของซ่งหงเย่และหวังเจียเหยาถือว่าใช้ได้ดี อีกทั้งมักจะไปเที่ยวเมืองนอก ขอแค่ไม่ใช่ไม่ใช่ศัพท์เฉพาะทางก็แทบไม่มีปัญหาอะไร

ไมเคิลเห็นคนที่พยายามอทอดสะพานหาเขาเป็นเป้าหมายที่เล็งเอาไว้ “อ้าว คุณพูดภาษาอังกฤษได้ ดีจริงๆ เลยผมอยากได้อเมริกาโน่มอคคา”

หลังจากสั่งเสร็จแล้วก็กล่าวชมซ่งหงเย่ “โห อวิ๋นโจวเป็นสถานที่ที่สวยจริงๆ กระทั่งพนักงานร้านกาแฟยังสวยขนาดนี้เชียว!”

ซ่งหงเย่ถูกชาวต่างชาติชมว่าสวย ทันใดนั้นเองก็ยิ้มออกมา

หล่อนไม่รู้สึกว่านี่เป็นคำโกหก เพราะใบหน้าของหล่อนเดิมทีก็เป็นสไตล์ของชาวต่างชาติอยู่แล้ว

ซ่งหงเย่กล่าว“ขอบคุณที่ชมนะคะคุณผู้ชาย ที่จริงแล้วฉันเป็นเจ้าของร้านกาแฟ เอาแบบนี้แล้วกัน มอคคาแก้วนี้ฉันเลี้ยงคุณก็แล้วกัน ”

ไมเคิลกล่าวอย่างตื่นเต้น “ว้าวจริงเหรอ? แต่ว่าคนจีนมีคำกล่าวเอาไว้ว่าไม่ควรรับอะไรมาฟรีๆ คุณเลี้ยงกาแฟผม ผมควรจะสั่งอะไรมาเลี้ยงคุณดีไหม?”

ซ่งหงเย่ยิ้มออกมาเดิมทีหล่อนก็อยากจะหาข้ออ้างอะไรบางอย่างเพื่อจะได้พัฒนาความสัมพันธ์กับสุดหล่อคนนี้

คิดไม่ถึงว่าชาวต่างชาติคนนี้จะเสนอเงื่อนไขแบบนี้ออกมา นี่ไม่ใช่ว่าเนื้อเข้าปากเสือเหรอ?

ซ่งหงเย่มองเสี้ยวหน้าที่หล่อเหลาของไมเคิลอมยิ้มแล้วกล่าว “เรื่องที่คุณทำให้ฉันได้มีเยอะแยะเลยล่ะค่ะ”

……

คืนวันนั้นเย่เฉินก็ได้รับภาพจากไมเคิล เป็นภาพพวกเขาสองคนเปิดโรงแรมด้วยกัน

“ชิ ผู้หญิงแบบซ่งหงเย่ใช้ได้เลยนี่หว่า เจอผู้ชายแปลกหน้าวันแรกก็นอนด้วยกันเลย พอเทียบหวังเจียเหยากับซ่งหงเย่ หวังเจียเหยาดูเป็นคนดีขึ้นมาเลยแฮะ!”

เย่เฉินเหยียดหยามซ่งหงเย่อย่างมาก หล่อนฉวยโอกาสตอนที่สามีตัวเองไปทำงานต่างจังหวัด แล้วทำเรื่องทรยศชีวิตแต่งงานของตัวเองง

หวังเจียเหยาสนิมสนมกับซ่งหงเย่อย่างมาก เย่เฉินไม่กล้าจะจินตนาการว่าในอนาคตหวังเจียเหยาจะกลายไปเป็นคนแบบไหนเมื่อได้รับผลกระทบโดยไม่รู้ตัว

แต่ถ้าเป็นแบบนี้จริงๆ ก็จะไม่เกี่ยวอะไรกับเย่เฉินอีกแล้ว คนที่ซวยก็คือสามีคนต่อไปของหล่อนต่างหาก

ไมเคิลล่อลวงซ่งหงเย่ได้สำเร็จ ขั้นต่อไปก็คือรอให้เจิ้งปินสามีของซ่งหงเย่กลับมา แล้วพาชายหนุ่มไปจับพวกเขาคาหนังคาเขา!

นี่ไม่ใช่เรื่องสลักสำคัญ เย่เฉินต้องการให้เจิ้งปินได้หลักฐาน เพื่อให้ซ่งหงเย่กลายเป็นคนผิด เพื่อจะฟ้องหย่าหญิงสาว!

มีเพียงแบบนี้เท่านั้นถึงจะบรรลุเป้าหมายในการล้างแค้น

ดังนั้นเย่เฉินก็ส่งวีแชทหาเจิ้งปิน “มีเวลามาคุยกันหน่อยไหม?”

ตอนนี้เย่เฉินไม่ใช่ประธานบริษัทแล้ว ผ่านไปครึ่งชั่วโมงกว่าที่เจิ้งปินจะตอบเขา “ตอนนี้ยุ่งนิดหน่อย เดี๋ยวผมโทรหา”

เย่เฉินรออยู่เต็มๆ เป็นเวลาครึ่งชั่วโมงกว่าที่เจิ้งปินจะโทรกลับมา

“คุณเย่มีอะไรหริอเปล่าครับ?” เจิ้งปินถามอย่างเกรงใจ

เย่เฉินกล่าว “ผมไม่ใช่ประธานบริษัทแล่ว เรียกชื่อผมเลยก็ได้ครับ”

เจิ้งปินกล่าวพลางหัวเราะ “ฮ่าๆ ผมได้ยินมาว่าถึงจะลาออกจากตำแหน่งประธานบริษัท แต่คนระดับสูงของบริษัทหัวเซิ่งกรุ๊ปก็ยังคงเคารพนายอยู่มาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งคุณฉินหงเยียนสนิทสนมกับนายมากทีเดียว ถ้ามีโอกาสล่ะก็ น้องชาย นายพอจะจัดแจงแนะนำให้ฉันรู้จักกับฉินหงเหยียนหน่อยสิ”