บทที่ 157 เรียกข้าว่านายท่าน[รีไรท์]
ชายหนุ่มกล้ามใหญ่นอนแน่นิ่งอยู่บนหลุมคอนกรีตบนพื้น สภาพของเขาถ้าไม่เรียกว่าตายก็ไม่รู้จะเรียกว่าอะไรแล้ว
สมาชิกของสำนักสวรรค์ฟ้าหันมองหน้ากันเลิ่กลั่ก พวกเขามาที่นี่ด้วยจิตใจอันหาญกล้าอำมหิต ใครจะรู้เลยว่ายังไม่ทันจะลงมือก็ถูกอีกฝ่ายสังหารเสียแล้ว
ตอนแรกทุกคนคิดว่าเมื่อฉู่ชวิ๋นไม่อยู่ที่นี่ การฆ่าล้างคนในคลับจื่อจู๋หลินก็ไม่ต่างจากการฆ่าเป็ดฆ่าไก่
แต่ทำไมไม่มีใครบอกเลยว่า ยังมีชายชราคนนี้อยู่ด้วยอีกทั้งคน?
“แกเป็นใครกันแน่?” ชายชราชุดดำทำใจเย็นต่อไปไม่ไหวแล้ว เขาสูญเสียคนไปถึงสองคน ไม่กล้าหันไปมองหน้าผู้ติดตามคนอื่นๆอีกแล้วด้วยซ้ำ
“มันไม่ใช่เรื่องของแก!” หลงอ๋าวตอบมาพร้อมกับยิงฟันยิ้มกว้าง
เฉินฮั่นหลงเคารพอีกฝ่ายอย่างสุดหัวใจ ตัดสินใจแล้วว่าต่อจากนี้ไป นอกจากฉู่ชวิ๋นแล้ว หลงอ๋าวก็จะเป็นอีกคนหนึ่งที่เขาให้ความเคารพนับถือ
ชายชราในชุดดำโกรธจนจมูกแทบเบี้ยว ผู้อาวุโสอย่างเขาถูกดูหมิ่นดูแคลนอย่างซึ่งหน้า ดูท่าวันนี้จะไม่ใช่วันของพวกเขาแล้วจริง ๆ
“แกอยากจะเป็นศัตรูกับสำนักสวรรค์ฟ้ามากใช่ไหม?” ผู้อาวุโสในชุดดำเจ็บใจจนแทบจะกระอักเลือดออกมาแล้ว
น้ำเสียงของเขาไม่ได้แสดงออกถึงการข่มขวัญเลยแม้แต่น้อย
“ก็บอกแล้วไงว่ามันไม่ใช่เรื่องของแก!” หลงอ๋าวยังคงตอบคำถามคำเดิม
ชายชราในชุดดำยิ้มมุมปาก สูดหายใจลึก และกัดฟันพูดออกมาว่า “คนถามไม่ยอมตอบคำถาม ที่บ้านแกเป็นถิ่นไร้อารยธรรมหรือยังไง”
พูดจบก็พยายามเค้นน้ำเสียงให้ดูน่ากลัวมากยิ่งขึ้น “ไอ้แก่ แกคงอยากตายมากสินะ…”
ชายชราในชุดดำสะกดกลั้นอารมณ์ไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว
ดวงตาของหลงอ๋าวเป็นประกายวาวโรจน์ พูดด้วยความเดือดดาลว่า “เจ้าหนู แกกล้าขึ้นเสียงใส่ข้าหรือ?”
พูดจบ กลุ่มคนที่ยืนอยู่รอบตัวของชายชราชุดดำก็รีบถอยหลบไปทันที
ชายชราชุดดำหัวเราะเยาะเย้ยหยัน วาดฝ่ามือปล่อยพลังใส่หลงอ๋าว คลื่นพลังคมกริบเหมือนคมมีด
พลั่ก!
ฝ่ามือของชายชราชุดดำสัมผัสกับร่างกายของหลงอ๋าว แต่แล้วเขาก็ทำหน้าเหมือนเจอผี ชายชราชุดดำร้องอุทานออกมาในขณะที่ร่างกระเด็นออกไป ส่งเลือดเป็นสายสาดกระจายในอากาศ
หลงอ๋าวรีบตามติดไปเป็นเงาตามตัว ใช้มือซ้ายจับแขนของชายชราชุดดำเอาไว้ “กร๊อบ” เสียงนี้ดังขึ้นเมื่อหลงอ๋าวบิดแขนของชายชราชุดดำอย่างแรง
กร๊อบ!
เลือดสาดกระจายเต็มใบหน้า เลือดสาดกระจายไปทุกหนทุกแห่ง
กร๊อบ!
ริมฝีปากของชายชราชุดดำบิดเบี้ยว ดวงตาโปนถลนเหมือนกับจะหลุดออกมานอกเบ้า
ผลั่ก!
เมื่อตบไป 3 ครั้ง เลือดสีแดงสดก็พุ่งออกมาจากปากของชายชราชุดดำเหมือนกับน้ำพุ พร้อมกับฟันที่อยู่ในปากซึ่งพุ่งกระเด็นไปทุกทิศทุกทาง
โครม!
หลังจากนั้น ชายชราชุดดำก็ลงไปนอนกองอยู่บนพื้น แรงกระแทกของเขาทำให้พื้นคอนกรีตยุบตัว และร่างกายครึ่งหนึ่งก็จมหายลงไปใต้พื้นคอนกรีต
หลงอ๋าวยกเท้าขึ้นและกระทืบลงไปเต็มแรง
กร๊อบ!
กระดูกหน้าอกแตกหักไม่เหลือชิ้นดี ชายชราชุดดำกระอักเลือดออกมาเต็มปาก
หลงอ๋าวยกเท้าขึ้นและกระทืบลงไปอีกครั้ง
โครม!
พื้นคอนกรีตยุบตัวลงไปอีก หลุมขนาดใหญ่ที่รับน้ำหนักด้วยเหล็กเส้นพลันขาดออกจากกัน ร่างที่ไร้วิญญาณของชายชราห้อยต่องแต่งลงไปจะร่วงหล่นสู่ชั้นล่าง
ถ้ามีใครสักคนอยู่ที่ชั้นล่างในตอนนี้ เมื่อเงยหน้ามองขึ้นมาบนเพดาน ก็จะพบกับร่างของชายชราชุดดำที่ห้อยต่องแต่งเหมือนกับกระสอบใบหนึ่ง
แม่เจ้า!
สมาชิกของสำนักสวรรค์ฟ้าได้แต่อุทานคำนี้ขึ้นมาในใจ ทุกคนหวาดกลัวจนวิญญาณแทบหลุดลอยออกจากร่าง
ขั้นปรมาจารย์ระดับ 6 ถูกกำราบสิ้นในไม่กี่กระบวนท่า นี่คือฝีมือที่น่ากลัวเกินไปแล้ว
หลายคนหวาดกลัวจนปัสสาวะราด สองขาอ่อนยวบเหมือนกับเส้นก๋วยเตี๋ยว
เมื่อนึกย้อนถึงจุดเริ่มต้นที่ทำให้พวกเขามาที่นี่ เดิมทีพวกเขารู้ว่าเมื่อฉู่ชวิ๋นไม่อยู่คอยคุ้มครอง บรรดาบริวารที่เหลืออยู่ก็ไม่ต่างจากเป็ดไก่ที่รอการถูกเชือด สำนักสวรรค์ฟ้าพังประตูเข้ามาอย่างอาจหาญ และหมายมั่นว่าคืนนี้จะต้องเกิดการสังหารหมู่ขึ้นอย่างแน่นอน
แต่ผู้ชนะกลับเป็นฝ่ายของฉู่ชวิ๋นอยู่ดี
และคนที่จะต้องตายก็เป็นฝ่ายของพวกเขาเอง
หลงอ๋าวหันหน้าไปมองชายหนุ่มในชุดดำ
“ข้าล่ะเกลียดไอ้พวกหนุ่มหน้าขาวที่สุด ไอ้พวกหนุ่มหน้าขาวมันไม่ใช่ตัวดี ฉู่ชวิ๋นเป็นไอ้หนุ่มหน้าขาวจิตใจโหดเหี้ยม จิตใจของมันเต็มไปด้วยเล่ห์กลอันตราย ไอ้หมอนั่นเป็นคนอำมหิต กล้าดียังไงมาฟาดข้า.…”
เมื่อพูดถึงฉู่ชวิ๋น หลงอ๋าวก็มีสีหน้าเคียดแค้นสุดขีด ทุกครั้งที่พูดถึงบัญชีแค้นระหว่างฉู่ชวิ๋น หลงอ๋าวก็จะเหมือนกับลืมเลือนไปสิ้นทุกสิ่งทุกอย่าง
“ว่าแต่ข้ามาบอกพวกแกทำไมนะ” หลงอ๋าวพูด สายตาที่เขามองชายหนุ่มในชุดดำเต็มไปด้วยความโกรธแค้น
ชายหนุ่มในชุดดำอยากจะร้องไห้ออกมาแล้ว มันไม่ใช่ความผิดของเขาสักหน่อยที่เกิดมาหน้าขาว อีกอย่าง เขาไม่ได้อยากรู้เรื่องที่หลงอ๋าวกำลังพูดอยู่เลยแม้แต่น้อย
พลั่ก!
โชคร้ายที่ชายหนุ่มยังไม่ได้ทันจะพูดอะไร ร่างของเขาก็ถูกซัดปลิวกระเด็นไปกระแทกกำแพง และหมดสติไปในวินาทีนั้นเอง
“ขอคนที่เก่งๆ หน่อยไม่มีหรือไง” หลงอ๋าวพึมพำ
เฉินฮั่นหลงและคนอื่นๆ ผงะถอยหลังอย่างไม่รู้ตัว เนื่องจากสงสัยว่าหลงอ๋าวอาจมีปัญหาทางสมอง ไม่แน่ว่าอาจเป็นโรคอัลไซเมอร์ก็ได้
หลงอ๋าวหันขวับไปมองสมาชิกของสำนักสวรรค์ฟ้าที่เหลืออยู่ และพูดด้วยความโกรธแค้นว่า “พวกแก…”
ยังไม่ทันที่หลงอ๋าวจะพูดจบประโยค ทุกคนที่อยู่ตรงหน้าก็คุกเข่าลงทันที
“ให้อภัยผมด้วยครับ นายท่าน…”
“พวกเราผิดไปแล้ว พวกเรามารบกวนนายท่าน ได้โปรดให้อภัยพวกเราด้วยนะครับ…”
“ได้โปรดอย่าถือสาพวกเราเลยนะครับ นายท่าน”
หลายคนตกใจกลัวจนส่งเสียงร่ำร้องขอความเมตตา พวกเขาหวาดกลัวจนปัสสาวะราดแล้วจริงๆ ดูเหมือนว่าชายชราคนนี้จะมีปัญหาทางสมอง แต่ฝีมือของเขาร้ายกาจเหมือนปีศาจร้าย ไม่มีใครรู้ว่าเขาจะทำอะไรต่อไปอีก
หลงอ๋าวเลิกคิ้วขึ้นสูง สีหน้ายังเต็มไปด้วยความเดือดดาลขณะที่พูดว่า
“พวกแกมันใช้ไม่ได้ ไม่ว่าอยู่ที่ไหนจอมยุทธ์ก็ต้องยึดมั่นในกฎเกณฑ์เสมอ แต่พวกแกละทิ้งกฎเกณฑ์ ต่อให้คุกเข่าไปทั้งชาติก็คงไม่ช่วยอะไร ฉันคนเดียวเท่านั้นที่มีสิทธิ์จัดการฉู่ชวิ๋น ไอ้เด็กบ้านั่นจะไปจะมาไม่ลากันสักคำ ทำไมมันถึงหยาบคายได้ขนาดนี้ หรือว่ามันไม่กลัวข้าคนนี้เลยนะ…”
หลงอ๋าวยิ่งพูดก็ยิ่งโกรธ จนต้องปล่อยพลังออกไป เสียงกรีดร้องดังกึกก้อง เลือดสาดกระจายเต็มไปหมด
ไม่กี่อึดใจต่อมา สมาชิกทุกคนของสำนักสวรรค์ฟ้าก็อยู่ในสภาพแขนหัก ขาหัก ริมฝีปากบิดเบี้ยว ใบหน้าผิดรูป
“เฮ้อ ใช้การไม่ได้กันเลยสักคน” หลงอ๋าวส่ายหน้าด้วยความระอาใจ
เฉินฮั่นหลงปากกระตุก รู้ซึ้งถึงก้นบึ้งหัวใจแล้วว่า หลงอ๋าวควรค่าต่อการเรียกว่านายท่านจริงๆ
“จะจัดการยังไงต่อก็ตามสบายนะ อย่ามารบกวนฉันอีกก็แล้วกัน” หลงอ๋าวพูดทิ้งท้าย ก่อนจะเดินหายเข้าไปในห้องของตัวเอง
ทุกคนหันมองหน้ากันด้วยความสับสน ตาแก่คนนี้ช่างเอาแต่ใจตัวเองเหลือเกิน
“เราจะทำยังไงดีครับ คุณผู้หญิง” ชายชราคนหนึ่งถามขึ้น
“ให้ผมจัดการเถอะครับ!” เฉินฮั่นหลงอาสาทั้งที่ท้องไส้ยังคงปั่นป่วนอยู่ไม่หาย
ฮวาชิงหวู่พยักหน้าเล็กหน่อย กล่าวว่า “มอบให้พี่หลงจัดการก็แล้วกัน” หลังจากนั้นเธอก็หันหลังเดินหายไป
เฉินฮั่นหลงยิ้มกว้างด้วยความชอบใจ พับแขนเสื้อขึ้น ดวงตาเป็นประกาย
“พี่หลง ลุยกันเลยเถอะ” ซุนหยิงพูดด้วยแววตาเอาเรื่อง
ไท้ถานเดินออกมาข้างหน้าอย่างคันไม้คันมือเต็มที่
โม่ซิงเหอก็พร้อมลงมือแล้วเช่นกัน
“เคยได้ยินไหม ขิงยิ่งแก่ก็ยิ่งเผ็ด” ชายชราในกลุ่มบริวารยิ้มออกมาอย่างเริงร่า
“จากนี้ไป ได้เวลาสนุกของพวกเราแล้วโว้ย!” เฉินฮั่นหลงคำรามเสียงดัง และพุ่งตรงเข้าไปหาพวกของชายชราเครายาวที่นอนจมกองเลือด
ในขณะที่หลายคนยิ้มมุมปากด้วยสีหน้าเย้ยหยัน หมั่นไส้ที่เฉินฮั่นหลงทำตัวโง่เง่า แต่พูดจาเหมือนคนฉลาด และตั้งตัวเองเป็นแกนนำหน้าตาเฉย
แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่มีใครติดใจเอาความ ทุกคนพับแขนเสื้อขึ้นมา เลือกเป้าหมายของตัวเอง และพุ่งเข้าไปเล่นงานทันที
เป็นเวลาอึดใจใหญ่ ที่ทั่วทั้งชั้นเต็มไปด้วยความโกลาหล
“เป็นไงล่ะ!” เฉินฮั่นหลงรัวกำปั้นไม่ยั้ง
“พี่หลง อย่าเพิ่งรีบฆ่ามันนะ เหลือไว้ให้ฉันเล่นสนุกด้วย” ซุนหยิงตะโกน
“ฝั่งนายเป็นยังไงบ้าง?”
“คนเยอะขนาดนี้ ผมเหนื่อยแล้วอะ ผมขอพักก่อนได้ไหม” ซุนหยิงว่า
“ไม่ต้องหักโหม เบามือกันก่อนก็ได้” เฉินฮั่นหลงออกคำสั่ง
“ไอ้ยักษ์ เจ้าโง่ เบามือหน่อยสิวะ อย่าเพิ่งฆ่าใคร…”
เฉินฮั่นหลงและซุนหยิงไม่รู้เลยว่าไท้ถานไปเก็บกดมาจากไหน
โม่ซิงเหอทนความหมั่นไส้ไม่ไหว พุ่งเข้าไปจับกดเฉินฮั่นหลงให้นอนอยู่บนพื้นและรัวกำปั้นใส่ไม่ยั้ง
“ใครสั่งให้แกทำตัวเป็นหัวหน้า ฉันจะเรียกสติแกกลับคืนมาเดี๋ยวนี้แหละ…”
ชายชราในกลุ่มบริวารวิ่งเข้ามาช่วยโม่ซิงเหอ
ซุนหยิงและไท้ถานวิ่งเข้ามาช่วยเฉินฮั่นหลง
ในขณะนี้ ทุกอย่างชุลมุนวุ่นวายไปหมดแล้ว