บทที่ 158 ความหวาดกลัวก่อนการต่อสู้[รีไรท์]
ไม่นาน ข่าวเรื่องการทำลายล้างสำนักกระบี่ทองคำก็แทบกระจายไปทั่วยุทธภพ
เหตุการณ์นี้สร้างผลกระทบในวงกว้าง
ผู้คนในโลกยุทธภพล้วนพากันตกตะลึง
หลายคนคิดว่าฉู่ชวิ๋นลงมือด้วยความอำมหิตมากเกินไป เมื่อเขาลงมือครั้งใดก็จะต้องมีการกวาดล้างสำนักครั้งนั้น ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ผิดกฎสวรรค์
แต่บางคนก็มองต่างมุม พวกเขาคิดว่านี่สิจอมยุทธ์ที่แท้จริง ฉู่ชวิ๋นไม่ได้ถูกมองด้วยสายตาแห่งความเกลียดชัง คนฝ่ายนี้มองว่าสำนักกระบี่ทองคำสมควรพบเจอชะตากรรมเช่นนี้แล้ว จากพฤติการณ์ที่เป็นฝ่ายไปข่มขู่ข่มขวัญคนสนิทของฉู่ชวิ๋นก่อน
ในโลกยุทธภพ มีความเห็นต่อตัวฉู่ชวิ๋นอยู่มากมายแตกต่างกันไป
และบัดนี้ เรื่องราวของสำนักสวรรค์ฟ้า ก็ได้เลื่องลือไปทั่วโลกยุทธภพอีกครั้ง
“ฉู่ชวิ๋นลงมือด้วยความดุร้ายอำมหิต แถมยังเข่นฆ่าผู้บริสุทธิ์ สำนักสวรรค์ฟ้าจึงตัดสินใจที่จะฆ่าฉู่ชวิ๋นให้จงได้”
แม้จะมีคนของสำนักสวรรค์ฟ้าออกมาพูดแค่เพียงไม่กี่คน แต่ก็ทำให้ทั่วโลกยุทธภพสั่นสะเทือนได้เลย
แต่ก็มีข่าวมาก่อนหน้านี้ว่า สำนักสวรรค์ฟ้าได้ดำเนินการจับตัวพ่อแม่ของฉู่ชวิ๋นมาก่อน ฉู่ชวิ๋นจึงบอกให้พวกเขาปล่อยตัวพ่อแม่ออกมา ไม่อย่างนั้นจะเดินทางมาที่สำนักสวรรค์ฟ้าด้วยตัวเอง
ทุกคนทราบดีถึงความอำมหิตของฉู่ชวิ๋น เมื่อเขาไปเยือนหน้าประตูสำนักไหน ก็จะเกิดการนองเลือดที่สำนักนั้น
คนทั่วโลกยุทธภพต่างก็ให้ความสนใจ
บางคนคิดว่าฉู่ชวิ๋นมั่นใจในตัวเองมากเกินไป เนื่องจากสำนักสวรรค์ฟ้ามีอายุหลายร้อยปี สะสมกองกำลังไว้มากมาย ฉู่ชวิ๋นมีเพียงแค่ตัวคนเดียว จะไปต่อสู้กับอีกฝ่ายได้ยังไง?
แน่นอนว่าก็มีคนที่ไม่ชอบสำนักสวรรค์ฟ้าด้วยเช่นกัน สำนักใหญ่ในโลกยุทธภพเช่นนี้ กลับกระทำการจับตัวพ่อแม่คนอื่นมาได้อย่างหน้าไม่อาย
สิ่งที่ควรรู้ก็คือในยุทธภพย่อมมีกฎเกณฑ์ กฎเกณฑ์ที่สำคัญก็คือคนในยุทธภพห้ามทำร้ายคนธรรมดา ส่วนหนึ่งนั้นก็เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาที่จะเกิดขึ้นกับทางการนั่นเอง
แน่นอนว่า กฎทุกกฎถูกร่างขึ้นมาสำหรับคนอ่อนแอ กับบรรดาผู้ยิ่งใหญ่ทั้งหลาย ย่อมมีต้นทุนพอที่จะไม่ต้องสนใจกฎเกณฑ์เท่าไหร่
ทุกคนทราบดีว่าการต่อสู้ระหว่างฉู่ชวิ๋นกับสำนักสวรรค์ฟ้าจะต้องเกิดขึ้นแน่
ฉู่ชวิ๋นจอมอำมหิต ฉู่ชวิ๋นจอมมาร เป็นชื่อที่โด่งดังในโลกยุทธภพ แต่ไม่มีใครรู้จักฉายาเหล่านี้ในโลกมนุษย์
บัดนี้ มีกลุ่มคนจำนวนมากรีบเดินทางไปที่สำนักสวรรค์ฟ้า เพราะอยากรับชมฝีมือของฉู่ชวิ๋น
แต่ก็มีข้อมูลที่เชื่อถือได้แจ้งออกมาว่าฉู่ชวิ๋นไปปรากฏตัวอยู่ที่เมืองเซี่ยเฟย ดังนั้น พวกเขาจึงเข้าใจว่าเป้าหมายของฉู่ชวิ๋นก็คือสำนักความหวังใหม่
หลายคนจึงรีบเดินทางไปที่สำนักความหวังใหม่ เพราะอยากจะเห็นฝีมือของฉู่ชวิ๋นด้วยสายตาตัวเอง
สำนักความหวังใหม่ก็ได้ข่าวนี้เช่นเดียวกัน สมาชิกหลายร้อยคนของสำนักเกิดความตื่นกลัวขึ้นมาแล้ว
จ้าวอู๋ฉีเป็นเจ้าสำนักคนใหม่เหมือนกับหยานซง จัดเป็นจอมยุทธ์ระดับสูง แต่ส่วนใหญ่จะทำงานเป็นสมองของสำนัก ไม่ค่อยออกหน้าออกตาสักเท่าไหร่
มองจากภาพโดยรวมก็คือ สำนักความหวังใหม่อ่อนแอกว่าสำนักกระบี่ทองคำ แม้แต่สำนักกระบี่ทองคำยังถูกกวาดล้างไปแบบนั้น แล้วพวกเขาจะหยุดฉู่ชวิ๋นได้อย่างไร?
แต่ในตอนที่พวกเขากำลังหวาดวิตกนั้นเอง สำนักสวรรค์ฟ้าก็ได้ลุกขึ้นมาประกาศตัวว่าจะคุ้มครองสำนักความหวังใหม่เอง
แต่จ้าวอู๋ฉีกลับไม่มีความสุขสักเท่าไหร่ เนื่องจากสำนักสวรรค์ฟ้าออกหน้า แต่กลับไม่ส่งกำลังคนมาช่วยเหลือ จึงเข้าใจได้ว่าสำนักสวรรค์ฟ้าอยากจะฮุบสำนักความหวังใหม่นั่นเอง
ถ้าอยากให้สำนักสวรรค์ฟ้าช่วยเหลือ ก็จงมาเป็นของสำนักสวรรค์ฟ้าเสีย
จ้าวอู๋ฉีต้องรอคอยมาเนิ่นนานกว่าที่จะได้ตำแหน่งเจ้าสำนักมาอยู่ในมือ แล้วแทนที่เขาจะดำรงตำแหน่งเจ้าสำนักต่อไป ทำไมเขาต้องมอบมันให้กับสำนักสวรรค์ฟ้าด้วย?
แต่ฉู่ชวิ๋นมีฝีมือร้ายกาจแค่ไหน ไม่ว่าใครก็ทราบดี ถ้าหมอนั่นมายืนอยู่หน้าประตู สำนักความหวังใหม่ได้เกิดการนองเลือดขึ้นแน่ๆ
นี่คือการหนีเสือปะจระเข้ชัดๆ แล้วจ้าวอู๋ฉีจะทำอย่างไรดี?
จ้าวอู๋ฉีถึงกับเสียใจไปไม่น้อย ทำไมสำนักความหวังใหม่ต้องไปมีเรื่องกับฉู่ชวิ๋นด้วยนะ?
แต่เขาก็เข้าใจเช่นกันว่า นั่งกลุ้มไปตอนนี้ก็ไร้ประโยชน์ ยังไงมีชีวิตอยู่ก็ดีกว่าตาย
ด้วยเหตุนี้ เขาจึงยอมเข้าร่วมกับสำนักสวรรค์ฟ้า
ในเวลาเดียวกัน หุบเขาราชาพิษ สำนักไร้เงาและสำนักกระบี่ฟ้า ต่างก็กระวนกระวายใจเป็นที่สุด
เนื่องจากพวกเขาก็อยู่ร่วมในเหตุการณ์ปิดล้อมภูเขาเฉียนหลง และพยายามฆ่าคนสนิทของฉู่ชวิ๋น
ในขณะนี้ ฉู่ชวิ๋นตามล้างแค้นทีละสำนัก พวกเขาก็คงหนีไม่พ้นเช่นกัน
หรือว่าจะไปเข้าร่วมสำนักสวรรค์ฟ้า เหมือนสำนักความหวังใหม่ดี?
ในสำนักงานใหญ่ของหุบเขาราชาพิษ ราชาพิษและผู้อาวุโสภายในสำนัก กำลังถกเถียงกันอย่างเร่งด่วนอยู่ภายในห้องโถงใหญ่ที่อื้ออึงไปด้วยเสียงคนจำนวนมาก
“ท่านราชาพิษ ผมว่าเราควรรีบเข้าร่วมกับสำนักสวรรค์ฟ้าให้เร็วที่สุดที่ทำได้ ฉู่ชวิ๋นมันกำลังบ้าเลือด ถ้าหลีกเลี่ยงได้เราก็ควรหลีกเลี่ยง จะได้ไม่ต้องมีชะตากรรมเดียวกับสำนักกระบี่ทองคำ” นี่คือคำแนะนำจากผู้อาวุโสหลายคน
“เหลวไหล ไม่สู้ก็เท่ากับยอมแพ้ แบบนั้นเราก็ไม่เหลือศักดิ์ศรีจอมยุทธ์อีกต่อไป หุบเขาราชาพิษของเราไม่ใช่สำนักกระบี่ทองคำ ฉู่ชวิ๋นมีฝีมือร้ายกาจก็จริง แต่หุบเขาราชาพิษก็ไม่ได้มีฝีมืออ่อนด้อยสักหน่อย”
“พวกนายยังจะกลัวเสียหน้าอีกเหรอ เราก็แค่หลีกเลี่ยงคมดาบที่จะมาถึงตัวเท่านั้น มีใครไม่รู้จักความอำมหิตของฉู่ชวิ๋นบ้าง ไม่ว่ามันไปที่ไหนแม้แต่เป็ดไก่สักตัวก็ไม่มีเหลือ หรือว่าพวกนายอยากให้หุบเขาราชาพิษที่ก่อตั้งขึ้นมานับร้อยปี ต้องล่มสลายไปเพราะมัน?”
“แต่การเข้าร่วมกับสำนักสวรรค์ฟ้าจะช่วยพวกเราได้จริงหรือ? สำนักสวรรค์ฟ้าไม่ได้อยากจะปกป้องพวกเราสักหน่อย พวกเขาอยากจะฮุบสำนักของพวกเราต่างหาก ฉันว่าเราลองเสี่ยงตายสู้กับฉู่ชวิ๋นดีกว่านะ ต่อให้ตาย อย่างน้อยเราก็ยังมีหน้าไปพบบรรพบุรุษของหุบเขาราชาพิษได้”
กลุ่มคนเริ่มโต้เถียงกันอย่างเผ็ดร้อน
ราชาพิษมีดวงตาเป็นประกาย ไม่สนใจการต่อล้อต่อเถียงที่เกิดขึ้นอยู่ตรงหน้า ไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่
ผู้คนก็รู้สึกตัวเช่นกัน การโต้เถียงจึงค่อยๆ เงียบเสียงลงไป
“ท่านราชาพิษ เราจะสู้หรือไม่สู้ ขึ้นอยู่ที่การตัดสินใจของท่านคนเดียว”
เสียงของใครคนหนึ่งดังขึ้นเหมือนต้องการการตัดสินใจขั้นสุดท้าย ราชาพิษกวาดตามองรอบตัวและพูดว่า “ฉันอยากให้ทุกคนฟังให้ดี”
ทุกสายตาจับจ้องไปที่ราชาพิษ
“ฉันตัดสินใจแล้วว่าเราจะสู้!” ราชาพิษประกาศกร้าว
“ท่านราชาพิษ ไม่ได้นะ! หุบเขาราชาพิษของพวกเราก่อตั้งมานับร้อยปี จะมาถูกทำลายในยุคของเราไม่ได้ แล้วเราจะมีหน้าไปพบบรรพบุรุษได้อย่างไร”
“หึ พวกแกนี่มันกลัวตายกันจนน่าหัวเราะจริงๆ”
เมื่อเห็นว่ากำลังจะเกิดการโต้แย้งขึ้นอีกครั้ง ราชาพิษก็คำรามเสียงดังว่า “ทุกคนหยุดเดี๋ยวนี้!”
เมื่อราชาพิษแสดงความไม่พอใจ การโต้เถียงก็เงียบเสียงไปทันที
“ฉันไม่ได้หมายความว่าหุบเขาราชาพิษของเราจะสู้แค่เพียงลำพัง” ดวงตาของราชาพิษเป็นประกายระยิบระยับ
ผู้อาวุโสทุกคนถึงกับประหลาดใจไม่น้อย
“ถ้าเราเป็นพันธมิตรร่วมมือกับสำนักอื่นๆ ต่อให้มันมี 3 เศียร 6 กร ยังไงก็ต้องพ่ายแพ้” ราชาพิษพูดด้วยน้ำเสียงมั่นอกมั่นใจ
ร่วมมือกับสำนักอื่นงั้นหรือ?
ทุกคนที่อยู่ที่นี่ไม่ใช่คนโง่ พวกเขาเข้าใจความหมายของราชาพิษทันที
“ยอดเยี่ยม!”
“นั่นสินะ มีหลายคนก็ดีกว่าสู้คนเดียวอยู่แล้ว”
“เป็นกลยุทธ์ที่ดีมากเลยครับ ถ้าเราร่วมมือกับสำนักอื่นๆ สู้กับฉู่ชวิ๋น เราก็ไม่ต้องกลัวมันอีกแล้ว”
“ถูกต้อง ในขณะที่ฉู่ชวิ๋นกำลังเดินทางไปสำนักความหวังใหม่แบบนี้ เรายังมีเวลาอีกหลายวันให้รวมกำลังกับสำนักอื่นๆ ถ้าเราทำได้สำเร็จ เราจะแข็งแกร่งยิ่งกว่าสำนักสวรรค์ฟ้าด้วยซ้ำ ต่อให้ฉู่ชวิ๋นมันกล้ามาจริงๆ ก็อย่าหวังเลยว่าจะได้กลับออกไป”
“ถ้ามันได้รู้ว่าเราผนึกกำลังกับสำนักอื่น ฉู่ชวิ๋นก็คงไม่กล้ามาหาพวกเราอีกแล้วละ ฮ่าๆ…”
กลุ่มผู้อาวุโสของหุบเขาราชาพิษดูจะผ่อนคลายขึ้นมาไม่น้อย จนเริ่มพูดจาเยาะเย้ยฉู่ชวิ๋นได้อย่างสบายใจ ไม่ได้หวาดกลัวอย่างก่อนหน้านี้อีกแล้ว
กล่าวได้ว่ากลยุทธ์ของราชาพิษมีความแยบคายเป็นอย่างยิ่ง หลังจากร่วมผนึกกำลังกับอีกหลายสำนักแล้ว จำนวนของผู้อาวุโสที่เป็นจอมยุทธ์ระดับ 7 หรือสูงกว่าก็จะเพิ่มมากขึ้น ต่อให้ฉู่ชวิ๋นเป็นเทพเจ้า ก็อย่าหวังเลยว่าจะรอดชีวิตกลับไปได้
“เอาเป็นว่า ฉันจะรีบส่งข้อความให้กับสำนักพันธมิตรของเราทันที” ราชาพิษพูดแล้วก็ลุกขึ้นยืน “ทุกคนแยกย้ายกันไปประจำตำแหน่งของตัวเอง เรามารอจัดการฉู่ชวิ๋นกันดีกว่า!”
บรรดาผู้อาวุโสระเบิดเสียงหัวเราะด้วยความชอบใจ ณ บัดนี้ ฉู่ชวิ๋นไม่ได้อยู่ในสายตาของพวกเขาอีกต่อไปแล้ว
ในขณะนี้ ทุกถ้อยคำที่พวกเขาพูดถึงฉู่ชวิ๋น จะเต็มไปด้วยการเสียดสีและเย้ยหยัน
แต่ในวินาทีนั้นเอง เสียงโครมครามก็ดังขึ้น
อาคารของหุบเขาราชาพิษสะเทือนไปทั้งหลัง
เพล้ง!
ถ้วยน้ำชาลายครามที่ตั้งอยู่บนโต๊ะข้างบัลลังก์ของราชาพิษตกลงไปแตกกระจายอยู่บนพื้น
เกิดอะไรขึ้น? มีแผ่นดินไหวหรืออะไรกันแน่?
ในขณะที่สมาชิกของหุบเขาราชาพิษลนลานด้วยความตื่นกลัว ชายคนหนึ่งก็วิ่งเลือดท่วมตัวเข้ามารายงานในสภาพที่แขนหักห้อยข้างตัวว่า
“ทะ…ท่านราชาพิษ ฉู่ชวิ๋นมาหาพวกเราแล้วครับ!”