ตอนที่ 97-4 แปลงสมุนไพร

ยอดหญิงอันดับหนึ่ง

ห้องโถงด้านนอก ไม่มีใครอยู่สักคน

 

 

อวิ๋นหว่านชิ่นได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวดังมาจากห้องข้างๆ ที่ประตูปิดไม่สนิท

 

 

จึงให้เมี่ยวเอ๋อร์ยืนอยู่ที่เดิม ส่วนตนเดินเข้าไปคนเดียว

 

 

ตาไวกว่ามือ ยังไม่ทันเคาะประตู นางก็มองลอดช่องประตูเข้าไปก่อน

 

 

เห็นเยี่ยนอ๋องซื่อหนิงนั่งอยู่บนเก้าอี้พนักพิงทรงกลมลายดอกฉย๋งฮวา มองดูชายที่นั่งอยู่ตรงหน้าอย่างเย็นชา

 

 

ส่วนเหยากวงเหย้ากำลังตรวจลิ้น และฟังชีพจรของชายผู้นี้อยู่

 

 

ชายผู้นี้อายุไม่น่าจะถึงยี่สิบ สวมชุดผ้าไหมยาวแบบผู้สูงศักดิ์ แต่ผ้ายับยู่ยี่ ไม่เป็นระเบียบ หน้าซีดขาว ไม่มีเลือดฝาดแม้แต่น้อย ราวกับว่าตลอดชีวิตของเขาไม่เคยตากแดดมาก่อน ปากยังมีคราบอะไรบางอย่างที่น่าสงสัยติดอยู่ ดูสกปรกมอมแมม ตอนนี้เขานั่งวางศอกอยู่บนที่เท้าแขนทั้งสองข้างของเก้าอี้ ใบหน้าบิดเบี้ยวเล็กน้อย คล้ายทนไหว จึงขมวดคิ้ว จนตาแทบเหลือกทั้งสองข้าง ก่อนก้มหน้าลงไปในกระโถน ขากอยู่ในลำคอ เหมือนอยากอาเจียน แต่อย่างไรก็อาเจียนไม่ออก

 

 

เหยากวงเหย้าพลันยกสันมือขึ้น อาศัยจังหวะที่ชายหนุ่มไม่ทันตั้งตัว สับลงไปที่ท้ายทอยของเขา ลำคอจึงคลายตัวทันที เสียงอาเจียนดัง ‘โอ๊กอ๊าก’ ยังไม่ทันไร ก็อาเจียนของเสียออกมาหนึ่งกระโถน

 

 

เยี่ยนอ๋องเป็นคนรักสะอาด จึงยืนขึ้นอย่างรังเกียจ แล้วอุดจมูกไว้

 

 

“สวรรค์ ข้าต้องออกไปล่ะ พะอืดพะอมจริงๆ”

 

 

เหยากวงเหย้ากลับหัวเราะ “ท่านอ๋อง ไม่ต้องไปไหนหรอก ไม่เป็นไรแล้ว สิ่งที่ควรออก ก็ออกมาหมดละ” แล้วจึงหันไปบอกน้าอวี๋ให้เอากระโถนออกไป

 

 

และแล้ว พอชายหนุ่มอาเจียนเสร็จ สีหน้าก็มีเลือดฝาดขึ้นมาหน่อย เขาพิงพนักเก้าอี้ ก่อนบ้วนปากด้วยน้ำสะอาด แต่ยังไม่ทันหายตกใจ ก็ต้องดื่มยาถอนพิษที่เหยากวงเหย้าส่งมาให้ไปชามหนึ่ง

 

 

เยี่ยนอ๋องขมวดคิ้ว พยายามไม่นึกถึงภาพสิ่งสกปรกเมื่อครู่ กลับไปนั่งที่เดิม แล้วพูดกับชายหนุ่ม

 

 

“…เจ้าดูตัวเจ้าเองก็แล้วกันว่ามีสภาพอย่างกับอะไรดี ถึงขั้นนี้แล้ว เจ้ายังไม่ตายใจอีก ข้าจะคอยดูว่าปากเจ้าทนกว่า หรือร่างกายเจ้าทนกว่ากันแน่! ครั้งนี้เขาวางยาเจ้าไม่ตาย นับว่าเจ้าโชคดี ครั้งหน้าถ้าเจ้าห้าใช้วิธีอื่นอีก ดูซิว่าเจ้าจะมีชีวิตมากกว่าแมวหรือไม่! ทำไม ยังปากแข็ง ไม่ยอมพูดความจริงกับไทเฮา!”

 

 

อวิ๋นหว่านชิ่นกลั้นหายใจ เยี่ยนอ๋องอายุยังน้อย เมื่อครู่ก็ยังพูดกับตนด้วยน้ำเสียงสดใสสบายๆ อยู่เลย แต่ตอนนี้น้ำเสียงกลับผิดแผกไปจากเดิม รุนแรงแบบองค์ชายวางอำนาจ

 

 

ชายผู้นั้นหัวเราะขมขื่น ก่อนเงยหน้าขึ้น พลางพูดด้วยเสียงที่อ่อนแรง

 

 

“ท่านอ๋อง ครั้งนี้ข้า ข้าอาจกินของผิดสำแดงไปเอง ไม่แน่ว่าเว่ยอ๋องจะเป็นคนทำ…ต่อไปข้าจะระวังให้มากขึ้น”

 

 

เยี่ยนอ๋องเห็นว่าเขายังคงหลอกผู้อื่นและหลอกตัวเอง ไม่กล้าที่จะเปิดโปงเว่ยอ๋อง จึงหัวเราะอย่างเย็นชา

 

 

จนตัวโยน ก่อนสะบัดแขนเสื้อ

 

 

ขณะชายผู้นั้นก้มศีรษะอาเจียน อวิ๋นหว่านชิ่นเห็นใบหน้าเขาไม่ชัดเจน แต่พอเขาเงยหน้าขึ้น ก็ให้ตกใจ คนผู้นี้คือซุนจวิ้นอ๋อง!

 

 

หลังจากเรื่องสุราดอกท้อในงานเลี้ยง ซุนจวิ้นอ๋องก็ถูกกักบริเวณให้อยู่แต่ในจวนจวิ้นอ๋อง โดยมีคนจากสำนักพระราชวังคอยเฝ้าดู มิใช่หรือ

 

 

เหตุใดถึงได้ถูกส่งตัวมาถอนพิษที่นี่ได้ล่ะ

 

 

ฟังจากเมื่อครู่ เรื่องของเรื่องก็คือ เว่ยอ๋องกลัวว่าซุนจวิ้นอ๋องจะถูกเค้นสอบ จนเล่าความจริงออกมาหมด จึงตัดสินใจฆ่าคนปิดปาก เพื่อความสบายใจ

 

 

ซึ่งขณะที่ซุนจวิ้นอ๋องถูกกักตัวไว้ในจวนจวิ้นอ๋อง เว่ยอ๋องไม่สามารถส่งนักฆ่าถือดาบบุกเข้าไปฆ่าคนในจวนกลางวันแสกๆ ได้ จึงน่าจะซื้อตัวบ่าวหรือพ่อครัวในจวนไว้ ให้วางยาลงไปในอาหาร

 

 

แต่ชะตาของซุนจวิ้นอ๋องน่าจะยังไม่ถึงฆาต จึงรอดชีวิตมาได้อย่างหวุดหวิด ตอนนี้ เยี่ยนอ๋องกำลังเกลี้ยกล่อมให้ซุนจวิ้นอ๋องสารภาพ และทนไม่ไหวที่ซุนจวิ้นอ๋องขี้ขลาด ไม่กล้าพูดความจริงออกมา

 

 

เมื่อคนจากสำนักพระราชวังเฝ้าจับตาดูซุนจวิ้นอ๋องอยู่ในจวนจวิ้นอ๋อง คนของฉินอ๋องก็ทำงานอยู่ในสำนักพระราชวัง จึงไม่ใช่เรื่องยากที่ฉินอ๋องจะรู้ว่าซุนจวิ้นอ๋องถูกพิษก่อนใครเพื่อน แล้วจึงลักลอบใช้แผนสับเปลี่ยนตัว พาซุนจวิ้นอ๋องออกมารักษานอกจวน และเกลี้ยกล่อม แบบนี้ก็มีโอกาสเป็นไปได้เช่นเดียวกัน

 

 

ขณะอวิ๋นหว่านชิ่นกำลังขบคิด น้าอวี๋ก็นำกระโถนออกมาพอดี พอเผชิญหน้ากัน นางก็ตกใจ

 

 

“คุณหนูอวิ๋น…”

 

 

เยี่ยนอ๋องถูกความขี้ขลาดและการวางเฉยของซุนจวิ้นอ๋องทำให้โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ พอเห็นว่าอวิ๋นหว่านชิ่นกำลังมองดูอยู่ด้านนอก ก็คร้านที่จะหลบเลี่ยง สะบัดแขนเสื้อแล้วว่า

 

 

“ไม่เป็นไร ให้คุณหนูอวิ๋นเข้ามาเถิด คุณหนูอวิ๋นเองก็อยู่ในงานเลี้ยงและรู้เรื่องนี้อยู่แล้ว!”

 

 

อวิ๋นหว่านชิ่นจึงเดินเข้าไป พลางแอบสำรวจมองซุนจวิ้นอ๋อง แต่ไม่ได้พูดจาอะไร

 

 

เยี่ยนอ๋องยังตักเตือนเขาไปอีกหลายประโยค แต่ซุนจวิ้นอ๋องก็ยังคงตีหน้าเศร้า หลุบตาต่ำ ก้มหน้าก้มตา คล้ายเป็ดที่ถูกหักคออย่างไรอย่างนั้น ยังถอนหายใจเป็นระยะอีก

 

 

เรื่องมีอยู่ว่า วันนี้หลังจากที่ซุนจวิ้นอ๋องทานมื้อเที่ยงเสร็จได้ไม่นาน ก็รู้สึกเจ็บหน้าอก จุกเสียดแน่นท้อง จึงรู้สึกว่าไม่ถูกต้อง ซึ่งถือว่าไม่โง่ เขารีบเรียกเด็กรับใช้คนสนิทให้นำน้ำเกลือมาหนึ่งกะละมัง แล้วดื่มลงไปจนหมด จากนั้นก็ใช้ตะเกียบล้วงคอตัวเองไม่หยุด จนอาเจียนออกมาบ้าง นับว่ารอดตายได้หวุดหวิด แต่ยังคงรู้สึกไม่ค่อยสบาย จึงคิดจะบอกบ่าว ให้ไปเชิญหมอมาตรวจดู แต่เนื่องจากตนอยู่ระหว่างการกักตัว ซึ่งตามกฎแล้ว ต้องแจ้งให้คนของสำนักพระราชวังทราบก่อน

 

 

แต่คนของสำนักพระราชวังที่อยู่ในจวนจวิ้นอ๋องเป็นคนของฉินอ๋องพอดี จึงไม่พูดพล่ามทำเพลง รีบแจ้งให้ฉินอ๋องทราบทันที

 

 

ซย่าโหวซื่อถิงครุ่นคิดสักพัก ก็มิได้ให้คนไปตามหมอมา รีบให้คนส่งซุนจวิ้นอ๋องมาที่นี่อย่างลับๆ โดย

 

 

บอกแต่เพียงว่า จำเป็นต้องส่งเขาไปโรงหมอ

 

 

พอซุนจวิ้นอ๋องขึ้นรถม้า ก็ถูกคนใช้ผ้าดำปิดตาไว้ แล้วรถม้าก็บึ่งไปสวนซิ่งทันที

 

 

ซุนจวิ้นอ๋องคิดว่า ขนาดตนหุบปากเสียสนิทและรับผิดแทนแล้ว เว่ยอ๋องนั่นก็ยังไม่วาย ไม่ปล่อยตนไว้อีก ต้องรีบฆ่าตนให้ตายๆ ไปเสีย แล้วเช่นนี้จะไม่ให้ตนตกใจกลัวได้อย่างไรเล่า แต่ถ้าให้ตนเปิดโปงเว่ยอ๋อง ตนก็ยังลังเลใจอยู่

 

 

ช่างเถอะ อย่างมากต่อไปตนก็แค่ระวังให้มากหน่อย! ก่อนกินข้าวดื่มน้ำ ล้วนต้องทดสอบพิษก่อน

 

 

พอคิดได้เช่นนี้ ซุนจวิ้นอ๋องจึงไม่ตอบเยี่ยนอ๋อง ยิ่งก้มศีรษะให้ต่ำลงไปอีก ราวกับหัวไก่ผอมๆ ก็ไม่ปาน

 

 

เยี่ยนอ๋องหน้าเปลี่ยนสี หัวสมองของเจ้านี่เต็มไปด้วยอะไรกันแน่ เจ้าห้าก็แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนแล้วว่า ไม่ทำให้เจ้าตายไม่ยอมเลิกรา

 

 

“เจ้าต้องตายก่อนใช่ไหม ถึงจะกลัวตาย!”

 

 

ใช่ ต้องตายก่อนสิ ถึงจะรู้สึกว่าไม่อยากตาย อวิ๋นหว่านชิ่นนึกอะไรขึ้นได้ จึงก้าวเข้าหาเยี่ยนอ๋องที่กำลังหัวเสีย ก่อนกระซิบที่ข้างหูเขา

 

 

เยี่ยนอ๋องจ้องมองอวิ๋นหว่านชิ่น พลางขยับคิ้ว สีหน้าผ่อนคลายลง แล้วจึงหันหาซุนจวิ้นอ๋อง ครั้งนี้น้ำเสียงของเขาอ่อนโยนลงมาก สะบัดแขนแล้วว่า

 

 

“เอาล่ะๆ ปากของเจ้านี่มัน แข็งยิ่งกว่าแผ่นหินบนหลุมในห้องสุขาเสียอีก! ข้ายอมแพ้แล้วจริงๆ! ให้คนส่งเจ้ากลับจวนจวิ้นอ๋องตอนนี้เลยก็แล้วกัน เจ้ารีบกลับๆ ไปเถิด ถ้าคนในจวนหาเจ้าไม่เจอ จะกล่าวโทษพี่สามได้”