บทที่ 199 เมื่อศัตรูเป็นเสือ นางย่อมไม่ใช่คู่ต่อสู้ของมัน

ตื๊อรักแพทย์หญิง ฉบับท่านอ๋อง

เสียงร้องคำรามของเสือด้านหลังดังใกล้เข้ามาทุกขณะ แทบจะทำให้หูอื้อก็ไม่ปาน กลิ่นสาบสัตว์ใหญ่ชนิดหนึ่งพวยพุ่งมาจากด้านหลัง ผสมผสานปนเปไปกับกลิ่นสาบและน้ำลายของเสือดาวกระเด็นใส่ทั่วร่างของขันที เขาหวาดกลัวถึงที่สุดจึงส่งเสียงร้องโหยหวนอย่างทนไม่ไหว

เสือดาวตัวใหญ่ตัวนี้ได้รับอิสระอีกครั้ง มันกระหายในเนื้อมนุษย์ยิ่งนัก ยามนี้ไหนเลยจะยอมกลับไปอย่างเชื่อฟัง หางของมันสะบัดไปรอบทิศอย่างกระสับกระส่าย เดินวนรอบตนเองพร้อมกับดอมดมตามกลิ่นด้วยสัญชาตญาณแล้วย้อนกลับเข้าไปในสวนไป่โซ่ว

หลินชิงเวยเดิมทีนอนเอนกายพักผ่อนอยู่ใต้ร่มไม้ ทางหนึ่งรอการมาถึงของเซียวเยี่ยน มีเพียงเซียวเยี่ยนมาถึงแล้วจึงจะร่วมกันฝึกเพื่อหานกพิราบที่มีความโดดเด่น

ไหนเลยจะรู้ว่ามีเสียงร้องคำรามยาวๆ ครั้งหนึ่งดังเข้ามาในโสตประสาท ราวกับต้นไม้ใหญ่ข้างกายต้นนี้สั่นสะท้านไปสองคำรบ หลินชิงเวยลืมตาลุกขึ้นนั่ง ฝูงพิราบบนต้นไม้ล้วนไม่เป็นสุข

ต่อมาเสียงร้องคำรามนั้นใกล้เข้ามาทุกขณะ การได้ยินของหลินชิงเวยนั้นดียิ่งนัก ราวกับกำลังได้ยินเสียงของสัตว์ใหญ่มุ่งหน้ามาทางนี้

หลินชิงเวยพลันใจหนักอึ้ง รับรู้ได้ทันทีว่าไม่ดีแล้ว นางรีบลุกขึ้นไม่กล้าผิวปากสั่งการให้ฝูงพิราบไปที่ใด ได้แต่พยายามที่จะใช้สัญญาณมือสั่งการ

พิราบได้รับสัญญาณนั้น เมื่อแรกบินขึ้นบนต้นไม้ทีละสองตัวสามตัว ต่อมาฝูงพิราบทั้งหมดบินขึ้นสู่ที่สูงพร้อมกันเพื่อบินห่างไกลออกไป

จากนั้นเสือดาวตัวใหญ่ที่ทางหนึ่งกำลังมุ่งหน้ามาทางนี้ มันหันไปเห็นนกกลางอากาศ จึงวิ่งมาทางนี้อย่างคลุ้มคลั่ง

หลินชิงเวยได้ยินเสียงฝีเท้าหนักแน่นนั้นชัดเจน นางสูดลมหายใจเข้าลึก หันหน้าวิ่งเข้าไปยังทิศทางที่เซียวเยี่ยนพานางออกไปในวันแรก

หลินชิงเวยย่อมรู้ว่าเสี่ยวฉีเคยพูดว่า ในส่วนลึกของสวนไป่โซ่วแห่งนี้ยังมีสัตว์ใหญ่ดุร้ายถูกขังอยู่ นางไม่ต้องคิดก็รู้ว่าต้องมีสัตว์ดุร้ายออกมาจากด้านในแน่แล้ว

ยามนี้ทำอย่างไรดีเล่า?

หลินชิงเวยไม่รู้ว่าเจ้าสิ่งนั้นพบเห็นตนเองแล้วหรือไม่ นางรู้เพียงว่าต้องวิ่งไปข้างหน้าให้เร็วที่สุดเท่าที่ตนเองจะทำได้ ทว่าไม่ต้องสงสัยว่าการได้กลิ่นและการได้ยินของสัตว์ป่านั้นว่องไวแม่นยำเพียงใด ยังไม่รอให้หลินชิงเวยวิ่งออกไปจากสวนไป่โซ่วแห่งนี้ย่อมต้องถูกพบเข้าแน่ๆ

ทันทีที่หลินชิงเวยวิ่งออกไปข้างหน้าสุดชีวิต อีกด้านหนึ่ง เสือตัวใหญ่ไปถึงสนามหญ้าที่หลินชิงเวยเลี้ยงพิราบเมื่อสักครู่ ยามนี้พิราบทั้งหมดบินหนีไปแล้ว นอกจากล่วมยาใต้ต้นไม้แล้วไม่มีสิ่งของอย่างอื่นอีก

เสือตัวนั้นดอมดมสูดกลิ่นของล่วมยานั้น มิใช่เพราะมันสนใจสิ่งของนั้นแล้วไปเดินวนรอบบ้านนกก็ไม่พบเป้าหมายที่มันกำลังตามหาอยู่ มันขยับจมูกฟุดฟิดไปมาแล้วส่งเสียงคำรามขึ้นสองครั้ง มันเห็นข้างๆ สนามหญ้ามีถนนสายเล็กอีกสายหนึ่ง ทันทีที่ลมพัดมาดอกไม้ใบหญ้าข้างทางล้วนไหวเอนตามแรงลม กลิ่นอายของมนุษย์ที่คล้ายมีคล้ายไม่มีนั้นปนเปอยู่ในชั้นบรรยากาศ ราวกับเพิ่งจะมีคนเดินผ่านทางนั้นไปอย่างไรอย่างนั้น

ร่างของเสือตัวนั้นกระตือรือร้นขึ้นมาในชั่วพริบตา มันร้องคำรามสองครั้งแล้ววิ่งไล่ตามเข้าไปในเส้นทางเล็กๆ สายนั้น

ต่อมามันวิ่งไปข้างหน้าพร้อมกับความกระตือรือร้นที่มากขึ้นทุกขณะ เพราะมันคิดว่าถูกต้องแล้ว กลิ่นอายสิ่งมีชีวิตที่อยู่เบื้องหน้าเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ

แม้เสือดาวตัวนี้จะแก่มากแล้ว หากเทียบกับเสือหนุ่มขึ้นมาแล้วมันอาจจะเป็นเสือเชื่องช้าและโง่งม ทว่ายามนี้เมื่อเทียบกับมนุษย์แล้วแทบจะไม่ต้องเปรียบเทียบ ด้วยมันเป็นสัตว์ล่าเนื้อโดยกำเนิด

กระโปรงของหลินชิงเวยถูกกิ่งไม้ใบหญ้าที่ที่ยื่นออกมากรีดขาดเหวอะหวะ ความแหลมคมของมันกรีดลงบนผิวของนาง ทิ่มแทงเจ็บปวดยิ่งนัก ทว่านางไม่มีเวลาหยุดฝีเท้า

ด้วยรูปร่างของตนร่างนี้ เล็กแบบบาง วิ่งได้เร็วขนาดนี้ถือว่าสุดกำลังของนางแล้ว ในเมื่อเป็นเช่นนี้นางชิงชังเหลือเกินที่ไม่อาจมีปีกคู่หนึ่งที่กางออกแล้วบินได้ กลิ่นสาบของสัตว์ดุร้ายพวยพุ่งขึ้นมาจากด้านหลัง ทำให้จิตใจของหลินชิงเวยหนาวเยือก นางไม่มีเวลาแม้แต่จะหันหน้าไปดู เพียงแค่วินาทีที่นางหันกลับไปมองก็อาจจะทำให้นางเสียโอกาสที่จะหนีรอดไปได้ นางได้แต่วิ่งไปข้างหน้าเท่านั้น

เสือตัวใหญ่ข้างหลังพบเป้าหมายในที่สุด มันจึงเร่งเท้าทั้งสี่ของมันให้วิ่งเข้าหาเงาร่างแบบบางเบื้องหน้าให้เร็วขึ้นอีก

หลินชิงเวยวิ่งพรวดเดียวก็ออกไปนอกประตูใหญ่ของสวนไป่โซ่วพร้อมกับหันหลังกลับไปปิดประตูอันหนักอึ้งของประตูใหญ่โดยไม่ต้องคิด เสือดาวตัวนั้นไล่ตามขึ้นมาติดๆ ทว่ามันกลับพบว่าประตูใหญ่ขวางทางออกของมัน ดังนั้นมันจึงยื่นกรงเล็บออกไปตะกายบนประตูใหญ่นั้นพร้อมกับส่งเสียงร้องคำรามสะเทือนฟ้าสะท้านดิน

ร่างของหลินชิงเวยแนบติดอยู่กับประตู นางรู้ว่านี่ไม่ใช่ทางออกระยะยาว ร่างของนางเล็กแบบบางเช่นนี้ไหนเลยจะใช่คู่ต่อสู้ของเสือเล่า หากจะเทียบเรื่องพละกำลังตนเองคงต้องถูกสะบัดกระเด็นไปตกอยู่บนถนนอีกหลายสายถัดไป

หลินชิงเวยเห็นแม่กุญแจดอกใหญ่ที่แขวนอยู่บนกรอบประตู ทางหนึ่งรวบรวมกำลังดันเอาไว้ อีกทางหนึ่งใช้แม่กุญแจคล้องประตูไว้ เสือดาวที่อยู่ข้างในราวกับโมโหเดือดดาล มันเริ่มวิ่งเข้าชนประตูใหญ่ครั้งแล้วครั้งเล่าอย่างเอาเป็นเอาตาย ส่งผลให้หลินชิงเวยถึงกับล้มลุกคลุกคลาน

หลินชิงเวยหอบหายใจสองครั้งพบว่าแม่กุญแจดอกใหญ่คล้องประตูใหญ่เอาไว้แล้ว จึงรีบวิ่งออกไปข้างหน้าอีกพักหนึ่งแล้วหันกลับไปมอง เสือดาวตัวใหญ่ยังคงพุ่งเข้าชนประตูอย่างบ้าคลั่งไม่หยุด ประตูบานใหญ่นั้นสั่นสะเทือนไปทั้งบาน

หลินชิงเวยมองไปรอบๆ ทำอย่างไรดี นางควรจะวิ่งไปทางไหนดี ที่นี่ไม่มีรถม้า นางวิ่งช้ากว่าเสือจะวิ่งไปทางไหนก็เป็นเรื่องยาก

ยิ่งตกอยู่ในสถานการณ์คับคันยิ่งต้องใจเย็น โดยเฉพาะอย่างยิ่งการวิ่งไปข้างหน้าอย่างไร้จุดหมาย ไม่สู้ออมแรงเอาไว้ดีกว่า

ขณะที่หลินชิงเวยกำลังใคร่ครวญตัดสินใจก็ได้ยินเสียงดังโครม ประตูใหญ่บานนั้นถูกเสือตัวใหญ่ทำลายลงในที่สุด

เสือดาวตัวใหญ่ยืนอยู่กึ่งกลางของประตู มันเงยหน้าขึ้นร้องคำรามอย่างคลุ้มคลั่งหลายครั้ง