เมื่อวานเซี่ยวอวี่เซวียนถูกมีดฟันจำนวนไม่น้อย วันนี้พันแผลอันแน่นหนามาเข้าเรียน ดูเหมือนว่าเขายังคงขุ่นเคืองพร้อมด้วยใบหน้าอันมุ่ยนั้น

กู้ชูหน่วนสะกิดแขนของเขาแล้วกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “เจ้าก็ทุ่มสุดตัวไปแล้วบาดเจ็บสาหัสเช่นนี่ก็ยังมา”

เซี่ยวอวี๋เซวียนเงยหน้าขึ้นและยกใบหน้าขึ้นท้องฟ้าโดยไม่ใส่ใจนาง

“โอ๋ ยังโมโหอยู่หรือ เอาหล่ะลูบเอาใจเจ้าเสียหน่อยนะ เมื่อวานเจ้าได้รับบาดเจ็บสาหัสข้าเกรงว่าเจ้าจะตายอยู่ตรงนั้นจึงได้ให้ฝูกวงส่งเจ้ากลับไป”

เมื่อเห็นว่าเซี่ยวอวี๋เซวียนยังคงไม่สนใจนางกู้ชูหน่วนจึงได้ชิดใกล้เข้าหาพร้อมกับใช้สายตาเหลือบมองเยี่ยเฟิงซึ่งนั่งฟังวิชาอย่างตั้งใจอยู่ข้างๆและกล่าวด้วยเสียงเบาว่า ” เสี่ยวเซวียนเซวียนเจ้าว่าชายหนุ่มเมื่อวานนั้นจะใช่เยี่ยเฟิงหรือเปล่า?”

ร่องรอยของความสงสัยปรากฏขึ้นบนใบหน้าอันเย่อหยิ่งของเซี่ยวอวี๋เซวียนและตอบด้วยเสียงเบาว่า “ข้าก็สงสัยเช่นนี้เช่นกัน”

“งั้นพวกเราจะทำให้แน่ใจดูไหม?”

“จะทำให้แน่ใจยังไง?”

“เมื่อวานเขาได้ถูกฟันหลายแผลไม่ใช่หรือ? ข้าจำได้ว่าที่แขนของเขามีแผลหนึ่ง ฉีกเสื้อผ้าของเขาดู?”

“คนมากมายเช่นนี้ถูกเห็นเข้าไม่ค่อยดีมั้ง?”

กู้ชูหน่วนเขกเขาทีหนึ่ง “คิดอะไรอยู่ ข้าบอกให้พับแขนเสื้อเขาขึ้น”

“เจ็บเจ็บเจ็บ เมื่อวานหัวข้าโขกกับกำแพงจนถึงตอนนี้ก็ยังบวมอยู่ เจ้าช่วยเบามือหน่อยได้ไหม”

ทักษะด้านฉินเป็นความภาคภูมิใจของกู้ชูอวิ๋นมาโดยตลอด ไม่ได้เข้าร่วมการแข่งขันชุมนุมวิชาการในใจของนางนั้นเต็มไปด้วยกองไฟอันอัดอั้น

ครั้งนี้ลูกศิษย์ทุกคนต้องขึ้นไปบรรเลงคนละหนึ่งบทเพลง นางนั้นเต็มไปด้วยความมั่นใจและต้องการให้พวกเขาตกตะลึงกัน

เป็นจริงตามนั้นทุกๆคนฟังกันอย่างหลงใหลนัก

กู้ชูหน่วนและเซี่ยวอวี๋เซวียนกระซิบกระซาบกันกู้ชูอวิ๋นก็รู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อยทำให้ระดับเสียงการบรรเลงผิดเพี้ยนไปบ้าง

ในขณะทุกคนฟังกันอย่างหลงใหลจู่ๆกู้ชูหน่วนก็ก้าวไปข้างหน้าและชักแขนเสื้อของเยี่ยเฟิงขึ้น ไม่รู้ว่าเรี่ยวแรงของนางมากเกินไปหรือว่าเสื้อผ้าของเยี่ยเฟิงแย่เกิน แค่ชักแขนเสื้อแขนเสื้อทั้งแขนก็ถูกกระชากออกมา

แขนของเยี่ยเฟิงเปิดออกมาต่อหน้าทุกคน

ไร้รอยมีดฟันแต่มีร่องรอยบรรจบกับของแส้ รอยแผดเผา รอยดาบจำนวนไม่น้อย แทบจะไม่มีจุดว่างบนแขนทั้งแขนนั้นรอยแผลเก่าและแผลใหม่ผสมปนเปกันจนน่าตกใจ

เยี่ยเฟิงตกใจ ปรากฏประกายของความตื่นตระหนกผ่านแววตาไปแล้วรีบฉีกมุมหนึ่งของเสื้อผ้ามาปกปิดแขนที่มีร่องรอยบาดแผลมากมายนั้น

เขานั้นว่องไวแต่กู้ชูหน่วนและเซี่ยวอวี๋เซวียนก็เห็นทุกสิ่งทุกอย่างโดยไร้สิ่งใดบดบังหมดแล้ว

ศีรษะของทั้งสองคนกระแทกกันดังปังจนเกือบจะหมดสภาพ

เกิดอะไรขึ้นกับแขนของเยี่ยเฟิง?

เหตุใดถึงได้มีบาดแผลมากมายเช่นนี้?

ความเคลื่อนไหวนี้ได้ดึงดูดความสนใจของทุกคน ทุกๆคนจ้องมองกู้ชูหน่วนซึ่งถือแขนเสื้อของเยี่ยเฟิงด้วยความรู้สึกว่างเปล่าเป็นเวลานานก็ยังไม่ตอบสนอง

อาจารย์หรงกล่าวอย่างโกรธเคืองว่า “กู้ชูหน่วนเจ้าทำอะไร?”

เมื่อเห็นประกายแสงแปลกประหลาดในแววตากู้ชูหน่วนก็รีบขว้างแขนเสื้อออกและอธิบายว่า “พวกท่านเข้าใจผิดแล้ว ข้าไม่ได้ถอดเสื้อผ้าของเยี่ยเฟิง ข้า……ข้าแค่ดึงออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจ?”

กู้ชูหน่วนไม่กล่าวก็ยังกล่าวออกมา เมื่อกล่าวเช่นนี้ทุกคนก็ยิ่งสงสัยกันมากขึ้น

มีข่าวลือว่าคุณหนูสามตระกูลกู้เห็นชายหนุ่มรูปงามในดวงตาก็จะเป็นประกาย หรือว่านางตกหลุมรักเยี่ยเฟิง……

ดังนั้นจึงได้กระทำเรื่องที่ไม่เหมาะสมในระหว่างเวลาเล่าเรียน?

คุณหนูสามกู้ช่างกล้าหาญเกินไปแล้ว

“เจ้า……เจ้ามันบ้าบอจริงๆ เลิกเรียนแล้วไปวิ่งรอบสำนักศึกษายี่สิบรอบ”

“อะไรนะ……ลงโทษไปวิ่งอีกแล้วเหรอ?”

มีอะไรผิดพลาดหรือเปล่า นางเพิ่งถูกลงโทษให้วิ่งเมื่อวานนี้เอง

และระหว่างทางที่ถูกลงโทษให้วิ่งนางก็เจอมือสังหาร ช่วยนึกถึงความปลอดภัยในชีวิตของนางหน่อยได้ไหม?