บทที่ 192 ขอตำลึงเงิน

และที่สำคัญที่สุดคือ นางต้องขอรางวัลเป็นตำลึงเงินด้วย

คิดได้ดังนั้นแม่เฒ่าจางจึงเอ่ยขึ้น “ข้านำข่าวสำคัญขนาดนี้มาให้ จะไม่ตกรางวัลตำลึงเงินให้ข้าหน่อยหรือ?”

ฮูหยินเนี่ยอยากจะรีบไล่แม่เฒ่าจางไปไกล ๆ แม้จะรู้สึกว่าคำขอของแม่เฒ่าจางนั้นประหลาดมาก แต่ก็บอกไปโดยไม่คิดอะไร “ตกรางวัล!”

สาวใช้ที่ยืนอยู่ด้านหลังฮูหยินเนี่ยจึงหยิบถุงเงินใบหนึ่งยื่นให้แม่เฒ่าจาง แม่เฒ่าจางยื่นมือไปลูบ ในนั้นเป็นของแข็ง ดูก็รู้ว่าเป็นตำลึงเงิน

แต่น้ำหนักตำลึงเงินนั้น….แม่เฒ่าจางรู้สึกว่าไม่น่าจะเกิน 2 ตำลึงเงิน

นางไม่พอใจขึ้นมาทันที ตระกูลเนี่ยมีเงินมากขนาดนี้ ทำไมจึงงกเช่นนี้เล่า?

ตัวเองอุตส่าห์มาที่นี่ พวกเขาตกรางวัลตำลึงเงินให้นางแค่นี้เองหรือ?

ฮูหยินเนี่ยดูจากสีหน้าของแม่เฒ่าจางก็รู้ในทันทีว่านางไม่พอใจ

“ทำไมเจ้ายังไม่ไปอีก?” ฮูหยินเนี่ยยิ่งมองแม่เฒ่าจางยิ่งรู้สึกรกหูรกตา

แม่เฒ่าจางถูมือไปมาพลางเอ่ยขึ้น “ตำลึงนี่น้อยไปรึเปล่าเจ้าคะ?”

นายทวารที่ยืนอยู่ด้านข้างอดมองบนไม่ได้ เป็นครั้งแรกที่เห็นคนที่ได้รางวัลไปแล้วรังเกียจหาว่ารางวัลน้อยไป

ฮูหยินเนี่ยสีหน้าเย็นเยียบ “ตกรางวัลอีก”

ฮูหยินเนี่ยกลัวว่าแม่เฒ่าจางจะไม่จบไม่สิ้น จึงเอ่ยขึ้นอีก “จวนของเราไม่เคยให้คนนอกอยู่ค้างคืนมาก่อน เจ้าได้รางวัลแล้วก็รีบไปเถอะ”

“ไม่ให้ข้าอยู่กินข้าวก่อนเหรอ?” แม่เฒ่าจางยังเพ้อฝันว่าจะได้กินอาหารมื้อดีที่ตระกูลเนี่ยสักมื้ออยู่เลย

ฮูหยินเนี่ยมองสาวใช้ตัวเอง

สาวใช้เข้าใจในบัดดล “ชิ! แม่เฒ่าผู้นี้ไม่รู้จักผิดชอบชั่วดีเลยนะ ฮูหยินของข้าจิตใจดี ไม่ได้ตำหนิเจ้าด้วยเรื่องหลานสาวของเจ้า แล้วยังตกรางวัลตำลึงเงินให้เจ้าอีก เจ้ายังมีหน้าทำกิริยาได้คืบจะเอาศอกอีกหรือ?”

คำพูดบางอย่างหากฮูหยินเนี่ยเป็นคนเอื้อนเอ่ยจะเป็นการลดตัว เวลาแบบนี้สาวใช้จึงเกิดประโยชน์

หลังติดตามฮูหยินเนี่ยมานาน สาวใช้ผู้นี้จึงเดาจากสายตาของฮูหยินเนี่ยได้ว่าฮูหยินเนี่ยต้องการให้ตัวเองพูดอะไรแบบไหน

แม่เฒ่าจางยังไม่อยากไป แต่ช่วยไม่ได้ที่สาวใช้ผู้นั้นสั่งให้คนเฝ้าประตูลากตัวนางออกไปแล้ว

เมื่อครู่นี้นายทวารคนนั้นถูกตำหนิเพราะเรื่องของแม่เฒ่าจาง เวลานี้จึงไม่สบอารมณ์ จะปฏิบัติต่อแม่เฒ่าใจอย่างเกรงใจได้อย่างไรกัน? เขาออกแรงลากแม่เฒ่าจางออกไปในบัดดล

แม่เฒ่าจางดิ้นไปพลางพูดไป “เจ้าปล่อยข้านะ!”

หลังจากออกจากลานบ้านแล้ว นายทวารก็เอ่ยเสียงเย็น “นายท่านและฮูหยินไว้หน้าเจ้าเช่นนี้ เจ้าก็คิดว่าตัวเองเป็นคนสำคัญจริง ๆ เหรอ?”

แม่เฒ่าจางไม่พอใจมาก “เจ้าเป็นแค่บ่าวไพร่มีสิทธิ์อะไรมาว่าข้า!”

คนเฝ้าประตูเป็นบ่าวไพร่ แต่ก็ใช่ว่าชอบให้ใครเอาเรื่องนี้มาพูดตอกย้ำ เวลานี้จึงหยาบคายกับแม่เฒ่าจาง

อย่างไรซะต่อให้ล่วงเกินแม่เฒ่าจาง ฮูหยินก็ไม่ทำโทษตัวเองหรอก

แค่มองก็ดูออกแล้วว่าฮูหยินไม่ชอบแม่เฒ่าคนนี้มาก

ถึงอย่างไรนายทวารคนนี้ก็เป็นชายวัยฉกรรจ์ ต่อให้แม่เฒ่าจางจะปากเก่ง แต่สุดท้ายก็เป็นเพียงหญิงชราผอมแห้งคนหนึ่ง ไม่ใช่คู่มือของนายทวาร พอมาถึงหน้าประตูนางจึงถูกเขาโยนออกไป

แม่เฒ่าจางล้มลงกับพื้น สบถไปพลางลุกขึ้น นางสะบัดดินบนตัวก่อนจะจ้างเกวียนลากกลับ

นางแอบลูบตำลึงเงินแข็ง ๆ นั่น ก่อนจะคลี่ยิ้มอย่างอดไม่อยู่

เฮอะ ไม่ว่าอย่างไรนางก็ไม่ได้มาเสียเที่ยว!

คิดไม่ถึงว่าตำลึงเงินของตระกูลเนี่ยจะเรียกง่ายถึงเพียงนี้ ตัวเองแค่ไปวนเวียนอยู่ที่ตระกูลเนี่ยหนึ่งครั้งก็ได้ตำลึงมามากขนาดนี้ รู้อย่างนี้ตัวเองมานานแล้ว

หลังจากนี้หากจางซิ่วเอ๋อทำอะไรอีก นางต้องมาฟ้องตระกูลเนี่ยให้ทันท่วงทีเลยล่ะ!

ฮูหยินเนี่ยเหลือบมองสีหน้าของนายท่านเนี่ยก็รู้ว่าเขากำลังคิดถึงเนี่ยหย่วนเฉียว บางอย่างวูบไหวผ่านไปในแววตาของนาง ตอนเนี่ยหย่วนเฉียวมีชีวิตอยู่ก็เกะกะ ไม่คิดเลยว่าตายไปแล้วยังเป็นปัญหาอยู่

ฮูหยินเนี่ยปิดบังความคิดในใจ ถามอย่างหยั่งเชิง “นายท่าน เรื่องนี้เราจะเอาอย่างไรกันดีหรือเจ้าคะ”

สีหน้าของนายท่านเนี่ยขรึมลง พูดด้วยน้ำเสียงไม่เป็นมิตร “ต่อให้หย่วนเฉียวจากไปไว แต่จางซิ่วเอ๋อก็ยังเป็นคนของหย่วนเฉียว เรื่องนี้จะปล่อยให้ผ่านไปเช่นนั้นไม่ได้ ต้องจัดการให้ดี! ”

ฮูหยินเนี่ยมีแผนในใจแล้ว รู้ว่าตัวเองต้องทำอย่างไรนายท่านเนี่ยถึงจะพอใจ

นางจึงเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าจริงจัง “ข้าจะพาตัวจางซิ่วเอ๋อมาที่จวนแล้วทำการอบรมสั่งสอนให้ดีเจ้าค่ะ”

นายท่านเนี่ยพยักหน้าพลางเอ่ย “ก็ดี”

ฮูหยินเนี่ยยิ้ม “นายท่าน อย่าโมโหไปเลยเจ้าค่ะ เรื่องนี้ให้ข้าจัดการเอง ข้ารับรองว่าจะไม่ทำให้หย่วนเฉียวต้องได้รับความอยุติธรรม และไม่ทำให้ตระกูลเนี่ยของเราต้องอับอาย”

นายท่านเนี่ยมองฮูหยินเนี่ยอย่างพิจารณา เขารู้ว่าฮูหยินเนี่ยทำอะไรรู้ขอบเขต มิฉะนั้นเขาคงไม่มอบหมายให้ฮูหยินเนี่ยดูแลตระกูลเนี่ยอันใหญ่โตหรอก

“เช่นนั้นก็รบกวนฮูหยินแล้ว” น้ำเสียงของนายท่านเนี่ยอ่อนลง

ฮูหยินเนี่ยมีรอยยิ้มระบายอยู่เต็มหน้า พูดอย่างอ่อนโยนสุภาพ “แบ่งเบาภาระให้นายท่านได้ นับเป็นวาสนาของข้าแล้วเจ้าค่ะ”

นายท่านเนี่ยพยักหน้าอย่างพอใจ

ฮูหยินเนี่ยเอ่ยขึ้นอย่างถูกจังหวะ “นายท่าน หมิงจื้อของเราเก่งขึ้นเยอะเลยนะเจ้าคะ”

หมิงจื้อเป็นลูกที่เกิดจากฮูหยินเนี่ยและนายท่านเนี่ย

นายท่านเนี่ยจึงสบายใจขึ้นอีกนิดหน่อย แม้ว่าเขาจะเสียลูกไปหนึ่งคน แต่โชคดีที่เขาไม่ได้มีลูกเพียงคนเดียว

“อีกเดี๋ยวให้หมิงจื้อมานี่ ข้าจะทดสอบเขาหน่อย หากตอบได้ดี ข้าจะได้ชมเชยเขา” นายท่านเนี่ยพูดอย่างพอใจ

นายท่านเนี่ยรักเนี่ยหย่วนเฉียวมาก แต่ในเมื่อตอนนี้เขาตายไปแล้ว นายท่านเนี่ยจึงทำใจได้แล้วว่าคนที่ยังมีชีวิตอยู่สำคัญกว่า

ฮูหยินเนี่ยได้ยินแล้วก็ยินดีปรีดา ในที่สุดในใจของนายท่านก็มีหมิงจื้อแล้ว

ตอนที่เนี่ยหย่วนเฉียวยังอยู่ในจวน ต่อให้นอนซมอยู่บนเตียงทำอะไรไม่ได้ แต่ในใจของนายท่านอย่างกับมีเนี่ยหย่วนเฉียวเป็นลูกเพียงคนเดียว รักและเอ็นดูเนี่ยหย่วนเฉียวมากกว่า

ในใจของเขาเหมือนกับจะมีหรือไม่มีหมิงจื้อก็ได้

ตอนนี้สิดี ในที่สุดเนี่ยหย่วนเฉียวก็ตายไปแล้ว ตระกูลเนี่ยเป็นของพวกเขาแม่ลูก

จางซิ่วเอ๋อในตอนนี้รู้เสียที่ไหน ว่ามีเรื่องมากมายเกิดขึ้นลับหลังนาง

หลีฮวาใช้จางอวี่หมินเป็นปืน จางอวี่หมินใช้แม่เฒ่าจางเป็นปืน แต่ไม่ว่าจะอ้อมไปสักแค่ไหน สุดท้ายแล้วคนที่ต้องโชคร้ายไม่ใช่ใครอื่น หากแต่เป็นตัวนางเอง

สามวันต่อมา

จางซิ่วเอ๋อขึ้นภูเขาไปหาเห็ด จางชุนเถาแยกเห็ดไม่ค่อยได้จึงไม่ได้ไปกับจางซิ่วเอ๋อ

จางซิ่วเอ๋อจึงให้จางชุนเถาอยู่เฝ้าบ้าน

ตอนที่จางซิ่วเอ๋อกลับมาถึงละแวกบ้านตัวเอง ก็ได้ยินเสียงเอะอะโวยวาย

นางขมวดคิ้วเป็นปม ก่อนจะสังหรณ์ใจไม่ดี ปกติที่บ้านตัวเองไม่มีใครมาหรอกนะ ฟังจากเสียงแล้วคราวนี้มากันไม่น้อยเลย

แล้วจางซิ่วเอ๋อก็นึกไปถึงพวกหวังกลากเกลื้อน

………………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

ได้กลิ่นดราม่ามาตุ ๆ แล้ว แง ใครก็ได้ช่วยน้องด้วย

ซิ่วเอ๋อและน้อง ๆ จะเป็นอย่างไรต่อไป ติดตามต่อพรุ่งนี้นะคะ

ไหหม่า(海馬)