บทที่ 193 เรื่องวุ่นมาถึงตัว

ทะลุมิติไปเป็นแม่ม่ายสาวชาวสวน

บทที่ 193 เรื่องวุ่นมาถึงตัว

นางลอบรำพึงในใจว่าแย่แล้ว “ชุนเถายังอยู่ที่บ้าน!”

พอคิดได้แบบนี้ จางซิ่วเอ๋อจึงวิ่งไปทางบ้านผีสิงด้วยความเร็วสูงสุด

ครั้นเพิ่งถึงหน้าประตูบ้านผีสิง นางก็เห็นจางชุนเถาโดนแม่เฒ่าแปลกหน้าสองคนจับกดไว้ ซึ่งตอนนี้น้องสาวของนางกำลังออกแรงดิ้น

จางซิ่วเอ๋อยังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เมื่อเห็นจางชุนเถาโดนรังแกแบบนี้ก็ทนไม่ได้ จึงพุ่งพรวดเข้าไป

พอมาถึงตรงหน้าแล้วจางชุนเถาจึงเห็นนาง

จางชุนเถาตะโกนเสียงดัง “พี่! หนีไปเร็ว! อย่ากลับมา!”

จางซิ่วเอ๋อชะงักเล็กน้อย

“นังเด็กนี่! ถึงตอนนี้ยังคิดจะส่งข่าวอีก!” แม่เฒ่าคนหนึ่งจิกผมของจางชุนเถาอย่างโหดร้าย เอ่ยเสียงเย็น

จางชุนเถาร้องเสียงหลง โดนจิกผมแบบนี้ช่างเจ็บปวดยิ่งนัก!

จางซิ่วเอ๋อตาแดง นางมองคนเหล่านั้นพลางถามเสียงเย็น “พวกเจ้าเป็นใครกัน? ทำอะไรกับน้องสาวของข้า! ข้าจะบอกพวกเจ้าให้นะ กลางวันแสก ๆ เช่นนี้หากพวกเจ้าบังอาจทำอะไรน้องสาวข้า ข้าไม่ปล่อยพวกเจ้าไปแน่นอน!”

“อุ๊ยแหม องอาจดีนี่! เด็ก ๆ! จับจางซิ่วเอ๋อไว้! จะให้นางหนีไปไม่ได้เด็ดขาด!” แม่เฒ่าที่เป็นหัวหน้ายิ้มเย็น

อายุนางดูแล้วน่าจะราวสี่สิบนิด ๆ ท่าทางกำยำ ดูจากเสื้อผ้าก็พอจะดูออกว่าเป็นบ่าวรับใช้ของตระกูลใหญ่ แต่ไม่น่าจะเป็นบ่าวรับใช้ระดับธรรมดา

บนศีรษะนางประดับด้วยปิ่นเงินอันหนึ่ง อย่าว่าแต่บ่าวรับใช้เลย คนอายุเท่านี้ในหมู่บ้านชิงสือมีสักกี่คนที่มีของประดับเช่นนี้บ้าง?

จางซิ่วเอ๋อคิดในใจอย่างรวดเร็ว นางไปล่วงเกินใครไว้กันนะ? คนพวกนี้ถึงรู้ว่านางชื่อจางซิ่วเอ๋อ เห็นได้ชัดว่าเป้าหมายของพวกนางก็คือตัวนางเอง

จางชุนเถาเคยออกจากบ้านไปเพียงไม่กี่ครั้ง ไม่มีโอกาสไปล่วงเกินใครหรอก

และดูก็รู้ว่าคนพวกนี้ตั้งใจมารอตัวเองที่นี่

จางซิ่วเอ๋อถอยหลังหนึ่งก้าว นางไม่อยากโดนคนพวกนี้จับไปหรอกนะ

และในเวลานั้นเอง แม่เฒ่าคนนั้นก็แค่นเสียง “ข้าจะบอกเจ้าให้นะ ถ้าตอนนี้เจ้าหนีไป ก็อย่าหวังว่าน้องสาวของเจ้าจะรอด!”

จางชุนเถายังอายุน้อย ไม่เคยเผชิญโลกกว้าง เวลาแบบนี้จึงหวาดกลัวจนร้องไห้ไปแล้ว นางสะอึกสะอื้นและร้องโวยวาย “พี่! ไปเร็ว! ไม่ต้องสนใจข้า!”

จางซิ่วเอ๋อมองจางชุนเถา รู้สึกปวดใจอย่างสุดแสน

“ถ้าเจ้าฉลาดก็จงไปกับเราเสียโดยดี ข้ารับประกันว่าจะไม่แตะต้องน้องสาวของเจ้าแม้แต่ปลายเล็บ!” แม่เฒ่าคนนั้นขู่

จางซิ่วเอ๋อมองคนคนนั้นอย่างหวาดระแวง นางไม่อาจทนเห็นจางชุนเถาต้องเจอเรื่องไม่ดีอยู่แล้ว แต่นางก็ไม่ได้โง่ ต่อให้นางยอมติดกับแล้วคนพวกนี้จะยอมปล่อยจางชุนเถาไปจริง ๆ เหรอ?

จางซิ่วเอ๋อมองคนเหล่านี้พลางเอ่ย “ทำไมข้าต้องเชื่อพวกเจ้าด้วย? พวกเจ้าปล่อยน้องสาวข้าก่อน! แล้วข้าจะไปกับพวกเจ้า”

แม่เฒ่าคนนั้นครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะมองจางซิ่วเอ๋อพลางเอ่ยขึ้น “ได้ แต่ข้าขอเตือนว่าเจ้าอย่าตุกติกจะดีกว่า ในแคว้นชิงสือแห่งนี้ ไม่ว่าเจ้าจะหนีไปที่ไหนพวกเราก็จับตัวเจ้ากลับมาได้!”

“หากถึงตอนนั้นพวกเราไม่เกรงใจอย่างในตอนนี้แล้วนะ!” แม่เฒ่าพูดอย่างมุ่งร้าย

ในขณะที่พูดอยู่นางก็โบกมือ คนที่จับตัวจางชุนเถาอยู่จึงปล่อยตัวนางไป จากนั้นจางชุนเถารีบวิ่งเข้าไปหาจางซิ่วเอ๋อ

จางซิ่วเอ๋อมองจางชุนเถาพลางเอ่ย “ชุนเถา พวกนางทำอะไรเจ้าบ้างไหม?”

“ไม่เลย พี่รีบไปเร็ว! หนีไป! คนพวกนี้พุ่งเป้ามาที่พี่!” จางชุนเถาออกแรงผลักจางซิ่วเอ๋อ

ถ้าเป็นคนทั่วไป เด็กสาวอายุเท่าจางซิ่วเอ๋อคงโดนขู่จนกลัวหัวหดแน่นอน แต่จางซิ่วเอ๋อเป็นใครกัน? ต่อให้นางเป็นฝ่ายเสียเปรียบ นางก็ไม่กลัว

จางซิ่วเอ๋อมองแม่เฒ่าผู้นั้นด้วยสายตาเย็นยะเยือกพลางกล่าว “ข้าจะไปกับเจ้าทั้งที เจ้าต้องให้ข้ารู้หน่อยหรือไม่ว่าเจ้าเป็นใครกัน?”

คนพวกนี้ไม่ได้มาดี จางซิ่วเอ๋อจึงหาทางล้วงประวัติของคนเหล่านี้อยู่

“พวกเราเป็นคนตระกูลเนี่ย” แม่เฒ่าเห็นว่าจางซิ่วเอ๋อเลิกต่อต้านแล้วจึงเอ่ยออกมา แม้ว่าน้ำเสียงยังไม่เป็นมิตรอยู่แต่ก็อ่อนลงบ้าง

จางซิ่วเอ๋อได้ฟังแล้วแค่นเสียงเย็น “ข้าในตอนนี้เหมือนจะไม่มีความเกี่ยวพันธ์อะไรกับตระกูลเนี่ยแล้วไม่ใช่เหรอ?”

แม่เฒ่าที่เป็นหัวหน้าเหลือบมองจางซิ่วเอ๋อ “เกี่ยวพันหรือไม่เจ้าไม่มีสิทธิ์ตัดสิน ที่มาหาเจ้าครั้งนี้ก็เพราะฮูหยินของเราต้องการเชิญเจ้าไปเป็นแขก”

จางซิ่วเอ๋อได้ฟังแล้วหัวเราะเย็น ๆ ในใจ

ไปเป็นแขกที่ตระกูลเนี่ย?

ตระกูลเนี่ยจะใจดีขนาดนั้นเชียวหรือ? ดูจากสภาพการณ์ของคนเหล่านี้ก็รู้ว่าไม่ได้มาดีแน่

จางซิ่วเอ๋อดึงมือจางชุนเถา ตั้งใจจะพาจางชุนเถาวิ่งออกไปข้างนอกด้วยกัน

จางชุนเถาอยู่กับจางซิ่วเอ๋อมานาน พอรู้ใจจางซิ่วเอ๋ออยู่บ้าง

จางซิ่วเอ๋อคิดไว้แล้วว่าตนเองจะไปตระกูลเนี่ยไม่ได้เด็ดขาด

หากไปตระกูลเนี่ย นางจะได้กลับมาอย่างสมประกอบหรือไม่ก็ไม่รู้

อย่างตระกูลเนี่ยน่ะหรือจะเห็นว่าชีวิตของผู้อื่นสำคัญ ที่มาหาไม่แน่ว่าอาจจะแค้นที่นางมีดวงกินสามีก็ได้ ตอนนี้จึงต้องการล้างแค้นนาง!

ตระกูลเนี่ยถือเป็นตระกูลร่ำรวยหากเทียบกับตระกูลอื่น ๆ ในละแวกใกล้เคียง แต่ใช่ว่าจางซิ่วเอ๋อไร้ที่พึ่งเสียหน่อย

ขอแค่นางหนีออกไปได้ อย่างแย่ที่สุดก็ยังไปหาคุณชายฉินได้

แม้ว่าตอนนี้นางยังไม่รู้ว่าคุณชายฉินเป็นใคร แต่ดูจากการที่เถ้าแก่อิ๋งเค่อจวียังนอบน้อมต่อคุณชายฉินขนาดนั้นก็มั่นใจได้เลยว่าฐานะของคุณชายฉินไม่แย่ไปกว่าตระกูลเนี่ยหรอก

แต่น่าเสียดายที่โลกนี้ไม่มีอะไรได้มาโดยไม่มีสิ่งตอบแทน

นางต้องการให้คุณชายฉินปกป้องนาง ก็ต้องจ่ายค่าตอบแทนเช่นเดียวกัน

เห็นทีจะรักษาสูตรเครื่องเทศผสมไว้ไม่ได้เสียแล้ว

แทนที่จะบอกว่านางพึ่งพาคุณชายฉิน บอกว่าสิ่งที่นางพึ่งคือสูตรเครื่องเทศผสมของตัวเองจะดีกว่า!

พอคิดว่าต้องยกสิ่งนี้ให้คนอื่น จางซิ่วเอ๋อก็แสนจะเสียดาย แต่ถ้าเวลาแบบนี้ยังนึกเสียดาย จางซิ่วเอ๋อก็รู้ว่าคงมีแต่ตอนที่นางและจางชุนเถาสองพี่น้องปลอดภัยดีเท่านั้นทุกอย่างถึงจะมีหวัง

หากสิ้นตัวนาง ต่อให้รักษาสูตรเครื่องเทศผสมนั้นไว้ได้ด้วยชีวิตแล้วจะมีประโยชน์อะไร?

สิ่งที่พวกนางต้องทำในตอนนี้คือไปหาคุณชายฉินในเมือง!

สองพี่น้องสบตากัน และวิ่งออกไปข้างนอกพร้อมกัน

เวลานี้ทั้งคู่ไม่คิดอะไรเลย คิดแค่ว่าต้องหนีจากเงื้อมมือของคนพวกนี้ให้ไว

แม่เฒ่าที่เป็นหัวหน้าก็คิดไม่ถึงว่าจู่ ๆ จางซิ่วเอ๋อจะหนี

นางแตกตื่นและโมโหขึ้นมา “ไล่ตามนางไป! วันนี้ต้องจับตัวนังแพศยานั่นมาให้ได้! ไม่อย่างนั้นพวกเราจะไม่มีใครรอด!”

แม้ว่าฮูหยินจะดูท่าทางมีเมตตา แต่กฎระเบียบของจวนตระกูลเนี่ยนั้นหยุมหยิมเป็นที่สุด หากพวกนางทำสิ่งที่ฮูหยินสั่งไม่สำเร็จ คงได้โดนดีกันหมดแน่

จางซิ่วเอ๋อและจางชุนเถาสองคนล้วนคล่องแคล่วว่องไว พริบตาเดียวก็วิ่งมาถึงหมู่บ้าน เห็นตำตาว่าใกล้จะสลัดสองคนที่ไล่ตามหลังมาหลุดแล้ว

ทว่าเงาร่างคนสองคนพุ่งออกมาจากข้างหน้า

แม่เฒ่าจางและจางอวี่หมินพุ่งตัวออกมา จับจางซิ่วเอ๋อและจางชุนเถาเอาไว้

……………………………………………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

หนีเสือปะจระเข้ชัด ๆ เอาใจช่วยสองพี่น้องกันด้วยนะคะ

ไหหม่า(海馬)