บทที่ 129 เดินตรวจบริษัท

ท่านเทพกลับมาเป็นคุณพ่อ[神尊归来当奶爸]

“ดีมาก จับตาดูเขาเอาไว้ให้ผม แล้วถ้าหากเขามีความเคลื่อนไหวอะไรก็รายงานมาที่ผมโดยตรงทันที”

หลังจากพูดจบ อวี้ฮ่าวหรานก็กลับขึ้นรถไปกับถวนถวนและเจ้าลูกกวาด

ผู้จัดการหวังเมื่อเห็นว่าเจ้านายของเขาขึ้นรถไปแล้ว เขาเองก็กลับขึ้นรถไปเช่นกัน

ทางด้านของหลิวเทียนอี้ เมื่อเห็นเช่นนี้เขาก็รีบวิ่งไปที่รถของอวี้ฮ่าวหราน เขาจะพลาดโอกาสผูกมิตรกับบอสใหญ่ของผู้จัดการหวังไม่ได้ หรืออย่างน้อยๆ เขาก็ต้องทำให้ฝั่งตรงข้ามหายโกรธเขาก่อน!

“อ…เอ่อ…ท่านประธานอวี้ คุณจะกลับแล้วเหรอ? คุณไม่เข้าไปนั่งเล่นในบ้านผมอีกสักหน่อยเหรอ? ได้โปรดให้ผมดูแลท่านประธานสักหน่อยเพื่อชดใช้ความโง่เขลาของผมด้วย!”

อย่างไรก็ตาม ท่าทางประจบสอพลอแบบนี้ทำให้อวี้ฮ่าวหรานอยากจะตบฝั่งตรงข้ามให้คว่ำ

คนหน้าด้านแบบนี้น่าขยะแขยงจริงๆ!

โชคดีที่การมาครั้งนี้ไม่ได้มาโดยเปล่าประโยชน์ ในที่สุดลูกกวาดก็กลับมาร่าเริงเหมือนเดิม ซึ่งทำให้ถวนถวนเองก็กลับมาเบิกบานได้เช่นกัน

เมื่อเห็นว่าฝั่งตรงข้ามพยายามจะประจบต่อ อวี้ฮ่าวหรานก็เหยียบคันเร่งออกไปทันทีโดยไม่สนใจว่าฝั่งตรงข้ามจะรู้สึกทุกข์ร้อนแค่ไหน

หลังจากกลับไปถึงห้อง

บนโซฟา หลี่หรงมองดูลูกกวาดที่กลับมาร่าเริงแล้วด้วยสีหน้าประหลาดใจ

นี่มันเร็วเกินไปรึเปล่า!

ออกไปข้างนอกแค่วันเดียวก็กลับมาร่าเริงแล้วเนี่ยนะ?

“พี่เขย สรุปแล้วลูกกวาดมีปัญหาอะไรงั้นเหรอ ที่โรงพยาบาลเขาบอกว่ายังไงบ้าง?”

“มันแค่ติดสัดน่ะ”

อวี้ฮ่าวหรานมองไปยังลูกกวาดที่วิ่งเล่นรอบๆ ถวนถวนในห้องนั่งเล่นด้วยสายตาละอายใจ

“หะ? ติดสัด?”

“หมอบอกว่ามันก็แค่คิดถึงหมาตัวเมียที่มันเพิ่งเจอเมื่อเร็วๆ นี้ ซึ่งถ้าเธอยังจำได้ล่าสุดเราเพิ่งพามันไปแข่งที่โรงเรียนของ ถวนถวน และนั่นก็คือวันที่มันไปเจอตัวเมียที่มันถูกใจและจากนั้นมันก็คิดถึงหมาตัวเมียตัวนั้นจนไม่เป็นอันกินอันนอนนั่นแหละ”

“หะ? ลูกกวาดตกหลุมรักหมาตัวอื่น?”

หลี่หรงอุทานขึ้นด้วยสีหน้าประหลาดใจมากกว่าเดิม

“ใช่ ที่ฉันเพิ่งพาถวนถวนกลับมาเอาป่านนี้เป็นเพราะฉันพาถวนถวนไปตระเวนหาว่าหมาบ้านไหนที่เจ้าลูกกวาดมันชอบ ซึ่งเจ้าลูกกวาดมันช่างมีสายตาที่ดีจริงๆ เจ้าหมาตัวเมียที่มันชอบเป็นหมาพันธุ์ชเนาเซอร์สีขาวชื่อติงติงที่น่ารักมากๆ เลย”

ในขณะที่อวี้ฮ่าวหรานเล่าถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนบ่าย เขาก็รู้สึกกระอักกระอ่วนใจเล็กน้อยเพราะเขาผู้ที่เคยจักรพรรดิวันนี้กลับต้องมาตามหาคู่ให้ลูกหมาตัวหนึ่งเนี่ยนะ…

“ถ้างั้นนี่มันก็หมายความว่าเจ้าลูกกวาดของเรามีแฟนแล้วสินะ!”

หลี่หรงหัวเราะเบาๆ ด้วยความขบขัน เจ้าลูกหมาตัวนี้น่าสนใจจริงๆ

“อืม พี่สัญญากับเจ้าลูกกวาดแล้วว่าพี่จะพามันไปหาเจ้าติงติงบ่อยๆ แต่เจ้าของบ้านหลังนั้นเป็นคนที่พี่ไม่ค่อยอยากจะเจอหน้าเลย เอาเป็นว่าในอนาคตเธอช่วยพาถวนถวนกับเจ้าลูกกวาดไปที่นั่นหน่อยก็แล้วกัน”

เมื่อนึกถึงหลิวเทียนอี้ อวี้ฮ่าวหรานก็เผลอขมวดคิ้วอย่างไม่รู้ตัว ไอ้อ้วนคนนั้นถ้ามันยังทำตัวเป็นศัตรูกับเขาอยู่ก็คงจะดี เขาจะได้จัดการมันได้อย่างไม่ต้องคิดมาก แต่ตอนนี้มันกลับพยายามทำดีกับเขาซะงั้น ซึ่งมันทำให้เขาไม่รู้จะรับมือกับความไร้ยางอายของมันยังไง!

“ฮ่าฮ่า มีคนที่สามารถทำให้พี่เขยไม่อยากเจอหน้าได้ด้วยงั้นเหรอ?”

หลี่หรงอดไม่ได้ที่จะยิ้มเมื่อเห็นสิ่งนี้ พี่เขยของเธอมักจะสงบและมั่นคงราวกับว่าต่อให้ท้องฟ้าจะถล่มสีหน้าของเขาก็จะไม่เปลี่ยนแปลง แต่ตอนนี้มันกลายเป็นว่าพี่เขยของเธอกำลังพยายามหลบหน้าใครก็ไม่รู้อย่างสุดฤทธิ์

“เอาล่ะ ไม่ว่ายังไงในอนาคตเธอช่วยพี่พาถวนถวนไปที่นั่นด้วยก็แล้วกัน พี่ไม่อยากไปเหยียบที่นั่นอีกถ้าไม่จำเป็น”

อวี้ฮ่าวหรานพูดขึ้นพร้อมกับนวดขมับตัวเอง แค่คิดถึงหน้าหลิวเทียนอี้ มันก็ทำให้เขาปวดหัวตุบๆ แล้ว

“ว่าแต่พี่เขย เจ้าลูกกวาดเองก็ยังเด็กอยู่เลยทำไมมันถึงคิดถึงตัวเมียแล้วแบบนี้?”

หลี่หรงเอนตัวเข้าไปถามอวี้ฮ่าวหรานอย่างลืมตัว

เมื่ออีกฝ่ายเข้ามาใกล้จนอวี้ฮ่าวหรานได้กลิ่นหอมของฝั่งตรงข้ามอย่างชัดเจน แถมในเวลานี้หลี่หรงเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดนอนที่ดูไม่ค่อยจะปกปิดมากเท่าไหร่มาอีกต่างหาก มันก็ยิ่งทำให้อวี้ฮ่าวหรานรู้สึกหายใจไม่ทั่วท้องขึ้นมาอีกรอบ

“อะแฮ่ม สัตว์มีช่วงผสมพันธุ์ของมันเสมอ และยิ่งโดยเฉพาะกับเจ้าลูกกวาดที่ฉลาดเกินหมาทั่วไปมันก็ยิ่งมีความรู้สึกไวกว่าหมาปกติทั่วไปเป็นธรรมดา

อวี้ฮ่าวหรานพยายามตอบกลับด้วยสีหน้าที่นิ่งที่สุดขัดกับหัวใจของเขาที่กำลังเต้นตูมตามไม่เป็นจังหวะ

แม้ว่าหลี่หรงจะไม่ได้งดงามเท่ากับเฉิงชิวอี้ แต่เธอก็มีเสน่ห์เฉพาะตัวในทุกการเคลื่อนไหว

ในเวลาปกติที่อยู่ข้างนอก เธอจะมีบุคลิกที่เป็นผู้ใหญ่ตามแบบฉบับของผู้บริหารหญิงแกร่งที่มีความมั่นใจเหลือล้น แต่ใครจะรู้ว่าพอกลับถึงบ้านเธอกลับกลายเป็นคนที่ไม่ระมัดระวังตัวเองเลยโดยเฉพาะการปกปิดร่างกายเวลาอยู่กับเขา!

“ช่วงผสมพันธุ์งั้นเหรอ…”

ในตอนแรกหลี่หรงยังคงปกติดี แต่พอเธอพูดคำนี้ไปจู่ๆ หน้าของเธอก็แดงขึ้นและตวาดขึ้นเสียงดัง

“ไอ้บ้าพี่เขย พี่มันลามก!”

“หะ? นี่ฉันกำลังพูดถึงเรื่องปกตินะ เธอเป็นอะไรของเธอเนี่ย!”

อวี้ฮ่าวหรานรู้สึกงุนงง ก็นี่มันเป็นเรื่องปกติของสัตว์ไม่ใช่รึไง ไหงน้องภรรยาของเขากลับด่าเขาว่าลามกซะงั้น?

นี่อีกฝ่ายคิดไปถึงไหนกันแน่?

“ช่างเถอะๆ ไม่ต้องพูดแล้ว แยกย้ายกันไปนอนดีกว่า”

หลี่หรงบอกปัดด้วยสีหน้าแดงก่ำ จากนั้นเธอลุกขึ้นจากโซฟาและกลับไปที่ห้องของเอง

วันถัดมา

หลังจากที่จัดการเอกสารต่างๆ ของบริษัทเรียบร้อย อวี้ฮ่าวหรานกลับรู้สึกไม่สบายใจอะไรบางอย่างเขาจึงเรียกผู้จัดการหวังเข้ามาหาเขาในออฟฟิศ

“วันนี้ผมจะไปเดินตรวจทุกแผนกในบริษัทสักหน่อย”

อวี้ฮ่าวหรานเอ่ยขึ้นพร้อมกับลุกขึ้นและเดินนำออกจากห้องไปในทันที

“หลังจากการปรับโครงสร้างองค์กร ฝ่ายขายก็เปลี่ยนไปมาก เดิมทีหน้าที่รับผิดชอบหลักของพวกเขาคือการออกไปหาลูกค้าและรับคำสั่งซื้อเข้ามา แต่ตอนนี้ฝ่ายขายเปลี่ยนนโยบายใหม่ให้เริ่มทำแบบสำรวจความพึงพอใจหลังการขายด้วย”

“แล้วมันจะมีผลกระทบต่อการดำเนินงานเดิมรึเปล่า?”

“มั่นใจได้ครับท่านประธาน การปรับโครงสร้างที่ท่านประธานดำเนินการจนเสร็จสมบูรณ์ไปนั้นทำให้บุคลากรของเราสามารถทำหน้าที่ได้หลายอย่างพร้อมๆ กันโดยที่ไม่กระทบถึงหน้าที่หลักแน่นอน”

ผู้จัดการหวังแนะนำการดำเนินงานของแผนกต่างๆ ตลอดทาง แทบทุกแผนกดูเหมือนจะดำเนินการอย่างเป็นระเบียบ

หลังจากการปรับโครงสร้างครั้งใหญ่ อวี้ฮ่าวหรานรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยที่ทุกคนในบริษัทสามารถปรับตัวได้อย่างรวดเร็วมากกว่าที่เขาคิดเอาไว้

ผู้จัดการหวังที่รับผิดชอบเรื่องนี้ทำหน้าที่ได้ดีจริงๆ

“คุณทำได้ดีมาก การที่บริษัทเปลี่ยนไปในทิศทางที่ดีขึ้นแบบนี้นับว่ามาจากน้ำพักน้ำแรงของคุณไม่น้อยเลย”

อวี้ฮ่าวหรานอดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากชมผู้จัดการหวัง

“ไม่เลยครับท่านประธาน หากไม่ใช่เพราะแผนของท่านประธานสมบูรณ์แบบอยู่แล้ว ผลลัพธ์คงไม่ออกมาเป็นแบบนี้หรอก”

ผู้จัดการหวังไม่กล้าเอาหน้าอยู่คนเดียว เขารีบยกยอประธานของเขากลับไปทันที

ที่ด้านนอกสวนสนุกในร่มของบริษัท

แม้ว่าจะไม่ใช่วันหยุด แต่ก็ยังมีเด็กๆ จำนวนมากที่กำลังเล่นอยู่ในนั้น และแม้แต่กรรมการอาวุโสสองสามคนก็กำลังหัวเราะและเล่นกับเด็กๆ อยู่ข้างใน

เมื่อมองฉากที่มีชีวิตชีวานี้ มันก็ทำให้อวี้ฮ่าวหรานมีความสุขอย่างแท้จริง

ครั้งต่อไปที่ถวนถวนมาที่บริษัทอีก จะมีเด็กคนอื่นๆ เล่นกับเธอมากขึ้น!