ภาคที่ 3 บทที่ 88 การฝ่าฟันอุปสรรค

ราชันบัลลังก์เลือด(原血神座)

บทที่ 88 การฝ่าฟันอุปสรรค

หลังจากดึงตัวเจียงซีสุ่ยมาได้แล้ว ซูเฉินก็กลับเข้าห้องทดลองอีกครั้ง

คราวนี้เขาเข้าไปนานถึง 30 วัน

ในช่วง 30 วันนี้ ชายหนุ่มใช้เวลาเกือบทั้งหมดทำการค้นคว้า ไม่ได้กินไม่ได้ดื่มอะไรเลย เขาพึ่งพาร่างกายที่ทรงพลังของผู้เชี่ยวชาญพลังต้นกำเนิด ใช้ทรัพยากรไปมากมายนับไม่ถ้วน โชคดีที่เมืองธารน้ำใสเป็นแหล่งผลิตทรัพยากรอยู่แล้ว อีกทั้งเขายังมีหมู่บ้านผู้ผลิตทรัพยากรเป็นของตนเอง ทั้งยังโชคดีอีกที่เขามีเงินในมือมากพอ ไม่เช่นนั้นในเวลา 30 วันนี้ก็คงทำให้ตระกูลเล็ก ๆ ล่มจมได้เลยทีเดียว

“ตัวทำละลายเลือด 3 หยด”

ภายในห้องทดลอง ซูเฉินเสียงแหบแห้งเล็กน้อย แต่ก็ยังฟังชัดเจน เต็มไปด้วยความมั่นใจ

จากนั้นเขาก็ห่อมือ ของเหลวสีแดงค่อย ๆ ลอยขึ้นมาอยู่ระหว่างฝ่ามือทั้งสอง มันดูคล้ายกับลูกกลมสีแดง หมุนวนไปมาอย่างมั่นคงภายใต้การคุมพลังต้นกำเนิดของซูเฉิน

กังเหยียนค่อย ๆ สอดหลอดดูดเข้าไปอย่างระมัดระวัง หยดของเหลวสีน้ำเงินสามหยดลงไปในลูกกลุมสีแดงนั้น

เมื่อหยดตัวทำละลายเลือดลงไป ของเหลวสีแดงก็เริ่มเดือด เกิดเป็นฟองอากาศขึ้นมาราวกับน้ำเดือด

“ทำให้มันอยู่ตัวเสีย !” ซูเฉินเอ่ยเสียงเจือกังวล “เพิ่มดินประสิวแดงอีกสักหน่อย แต่อย่ามากเกินไป !”

กังเหยียนคว้าผงดินประสิวแดงจากโต๊ะใกล้ ๆ มือที่ใหญ่เทอะทะของเขาคล่องตัวอย่างน่าประหลาดยามทำสิ่งเหล่านี้ เห็นได้ชัดว่าเขาเคยฝึกมาแล้วหลายครั้ง

ซูเฉินคอยออกคำสั่ง กังเหยียนก็ทำตามคำสั่งทั้งหลายไป ผสมตัวยาต่าง ๆ ลงไปในก้อนของเหลวสีแดง ยาที่เดือดพล่านยังคงหมุนคว้างอยู่กลางอากาศ มือไร้รูปร่างคู่หนึ่งกำลังกดบีบมันให้ขึ้นรูป ทำให้มันเปลี่ยนรูปร่างไปเรื่อย

ในที่สุดเมื่อผ่านไปหลายอึดใจ ก้อนของเหลวที่เดือดพล่านก็สงบลง

ตอนนี้มันไม่ใช่สีแดงอีกต่อไป แต่เป็นสีเงินเหลือบขาว ภายใต้การควบคุมพลังต้นกำเนิดของชายหนุ่ม มันลอยอยู่กลางอากาศอย่างสงบคล้ายก้อนโลหะกลม

“เราทำสำเร็จแล้ว” น้ำเสียงของซูเฉินยังเจือแววกังวล “เอาถ้วยเคลือบเหล็กมา”

กังเหยียนหยิบถ้วยเคลือบไร้สีที่มีฐานสีทองและสีม่วงออกมา

ถ้วยนี้ไม่ใช่แค่ถ้วยธรรมดา ๆ ทั่วไป มันเป็นเครื่องมือต้นกำเนิดสารพัดประโยชน์ แม้ไม่อาจใช้ในการต่อสู้ แต่ค่ายกลที่ฝังไว้ภายในทำให้มันสามารถชำระล้างทุกสิ่งอย่างจนหมดจดได้

ซูเฉินต้องการให้ก้อนยาในมือเขาก้อนนี้ออกมาบริสุทธิ์ที่สุด ดังนั้นเขาจึงต้องใช้พลังต้นกำเนิดเพื่อแยกมันไม่ให้มันสัมผัสสิ่งใดนับตั้งแต่สร้างมันขึ้นมา นอกจากนี้เขายังต้องคอยสัมผัสและสังเกตการเปลี่ยนแปลงภายในที่เกิดขึ้นในตัวยา ทำให้เมื่อครู่กลายเป็นการปรุงยาแบบพิเศษไม่ธรรมดาไป

เมื่อยาลูกกลมสีเงินเหลือบขาวถูกวางไว้ในถ้วยเคลือบเหล็ก ซูเฉินก็ถอนหายใจออกมา ทั้งร่างเขาคล้ายจะห่อเหี่ยวลงทันใด

การกลั่นยานี้เป็นเหมือนการต่อสู้ครั้งใหญ่สำหรับเขา

“ประสบความสำเร็จแล้ว” เขาถอนหายใจออกมา

“ในที่สุดเราทำสำเร็จ” กังเหยียนถอนใจเช่นกัน “ไม่ง่ายเลย”

เขารู้ดีว่า 30 วันที่ผ่านมา ผู้เป็นนายของตนพยายามอย่างหนักเพียงไหน

“ใช่ มันไม่ง่ายเลย ใครจะรู้ว่าข้าจะประสบความสำเร็จในการค้นคว้าเกี่ยวกับสายเลือดเช่นนี้ได้กัน ?” ชายหนุ่มตอบพลางยิ้มน้อย ๆ

ปาฏิหาริย์จู่ ๆ มักมาแบบปุบปับเช่นนี้

ไม่แน่ว่ามันอาจเป็นรางวัลที่สวรรค์มอบให้แด่ความมุมานะ หรือไม่ก็เพราะไม่อาจทนเห็นซูเฉินล้มเหลวกับการค้นคว้าสายเลือดมานานนับปีได้อีกต่อไป สุดท้ายจึงมอบโอกาสให้เขา

โอกาสนี้มาได้เพราะแรงทั้งหมดที่ลงมือทำไป

ในขณะที่ซูเฉินกำลังค้นคว้าเกี่ยวกับสายเลือดของเจียงซีสุ่ย กังเหยียนเผลอทำยาขวดหนึ่งหก มันคือขวดที่บรรจุสายเลือดจักรพรรดิอสูรของถังหมิงเอาไว้ กลายเป็นว่ามันผสมเข้ากับขวดที่มีเลือดของเจียงซีสุ่ยเสียอย่างงั้น

ยาสองขวดนั้นสมควรจะถูกทำลายลง

แต่ด้วยแรงกระตุ้นบางอย่าง เขาก็ได้ใช้เนตรมองโลกจุลภาคมองมันไปด้วยความเคยชิน

การเหลือบมองเพียงครั้งนี้ครั้งเดียว มันกลับเปิดโลกประหลาดใบใหม่ให้แก่ชายหนุ่ม

เขาค้นพบว่าหลังจากยาสายเลือดของถังหมิงและเจียงซีสุ่ยผสมกันแล้ว พวกมันก็มีปฏิกิริยาอันเป็นเอกลักษณ์

สสารต้นกำเนิดทั้งสองหลอมรวมกัน กลายเป็นสสารตัวใหม่ที่มีพลังมหาศาลอยู่ภายใน

ซูเฉินตกตะลึงกับการค้นพบนี้มาก เขาจึงเริ่มทำการค้นคว้าการรวมกันของสองสายเลือดนี้

แล้วเขาก็พบหนทางใหม่อีกหลายสายอย่างไม่คาดคิด

บางทีอาจเป็นเพราะสายเลือดของทั้งสองเป็นสายเลือดประเภทน้ำ ดังนั้นจึงเข้ากันได้สูงมาก ที่สำคัญที่สุดคือ สสารใหม่ที่สร้างขึ้นจากการผสมประเภทนี้มีขนาดใหญ่ขึ้น ส่งผลให้สังเกตและจัดการมันได้ง่ายขึ้นกว่าเดิม

ซูเฉินสามารถควบคุมสสารใหม่นี้ได้อย่างรวดเร็ว ในเวลาเพียง 30 วัน เขาก็ได้พัฒนายาชนิดใหม่ขึ้นมา

ซูเฉินเรียกมันว่า “ยาต้นกำเนิดสายเลือด”

‘ต้นกำเนิด’ ในที่นี้ไม่ได้หมายถึงเทพอสูรบรรพกาล แต่เป็นการพัฒนาสายเลือดต้นกำเนิดอันบริสุทธิ์ ไม่ปะปนกับสายเลือดใดของเผ่ามนุษย์

อาจกล่าวได้ว่าเมื่อมียาต้นสายเลือดนี้ขึ้นมา ก็นับว่าซูเฉินทำการค้นคว้าเรื่องสายเลือดไปได้ก้าวใหญ่แล้ว โชคมักจะมายามไม่ใส่ใจ และมักจะมาในรูปแบบที่ทำเอาเขาคิดอะไรไม่ทันไปชั่วขณะ

“การดื่มยานี้ก็เหมือนยาวิญญาณเลือด ดื่มแล้วน่าจะได้พลังจากสายเลือดมา แต่มันจะไม่เหมือนสายเลือดเสียทีเดียว ไม่อาจทำให้ทะลวงผ่านด่านสูงขึ้นได้ แต่ก็ยังมีข้อดีอยู่ ด้วยเพราะมันไม่ใช่สายเลือด ดังนั้นจึงสามารถใช้มันควบคู่กับยาวิญญาณเลือดหรือยาชนิดอื่น ๆ ได้ …… มันไม่จำกัดการทะลวงผ่านด่าน ทั้งยังจะมอบโอกาสและพลังมหาศาลจนคาดไม่ถึงให้เจ้าเลยทีเดียว”

“นับเป็นสิ่งประดิษฐ์อันยิ่งใหญ่นัก !” กังเหยียนเอ่ยเสียงตื่นเต้น

“เรายังต้องทดสอบมันอยู่” ซูเฉินหยิบถ้วยเคลือบขึ้นมา “เช่นนี้เป็นไร? อยากเป็นคนแรกที่ได้ลองหรือไม่ ?”

กังเหยียนยิ้มกว้าง“ นับเป็นเกียรติสูงสุดของกังเหยียนขอรับ !”

ชายร่างใหญ่รับถ้วยนั้นมา เทก่อนยาสีแดงทรงกลมเข้าปากไป

พลังของยาพลุ่งพล่านแผ่กระจายไปทั่วร่าง ทำให้กังเหยียนส่งเสียงฮึดฮัดด้วยความเจ็บปวด สีหน้าของเขาบิดเบี้ยวด้วยความปวดร้าวไปทั่วร่าง เห็นได้ชัดว่ายานี้ไม่เพียงมอบพลังให้ แต่มันมาพร้อมกับความเจ็บปวดอันยิ่งใหญ่ในการปรับเปลี่ยนร่างกายของผู้ดื่มด้วย

แต่เผ่าหินผานั้นมีความอดทนสูงมากเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นความเจ็บปวดระดับใด พวกเขาก็สามารถกัดฟันทนจนผ่านไปได้

กังเหยียนนอนราบลงกับพื้นไม่ขยับตัวมากนัก มีเพียงหน้าอกที่เดี๋ยวยุบเดี๋ยวพอง กับเหงื่อชุ่มหน้าผาก แสดงให้เห็นว่าภายในร่างกำลังเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นจนเจ็บปวดเหลือทน

ซูเฉินถือโอกาสตรวจสอบร่างกายอีกฝ่าย เขาใช้เนตรมองโลกจุลภาคขั้นสุด และด้วยวิชานัยน์ตามองทะลวงนี้จึงสามารถมองเห็นเข้าไปภายในร่างของกังเหยียนได้ ซึ่งในบางครั้งชายหนุ่มก็จะใช้นิ้วจิ้มลงไป ไล่ฤทธิ์ยาออกจากร่างส่วนนั้น เสริมพลังยาให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ทำเช่นนี้จะช่วยเพิ่มผลของยา ทั้งยังเพิ่มความเจ็บปวดให้กังเหยียน แต่เรื่องเท่านี้ทั้งสองคนไม่คิดอะไรมากนัก

หากต้องการไขว่คว้าความสำเร็จตลอดกาล ย่อมต้องกล้าเสี่ยงทำทุกอย่าง หากความเจ็บเท่านี้ยังทนไม่ได้แล้วจะมีประโยชน์อะไร ?

ในที่สุด หลังผ่านช่วงเวลาแห่งความทุกข์ทรมาน ร่างกายของกังเหยียนจึงค่อย ๆ สงบลง

ถึงตอนนี้ พลังยานั้นได้แทรกซึมไปทั่วร่างเขาแล้ว ร่างกายกังเหยียนไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปมากนัก แต่หากสังเกตดี ๆ จะเห็นว่ากลิ่นอายของเขาแตกต่างจากเดิม

พลังชีวิตไร้ขอบเขตกำลังนอนนิ่งอยู่ในร่างกังเหยียน ราวกับว่ามีอสูรดึกดำบรรพ์ถูกผนึกไว้ภายใน

แต่ในตอนนี้ มันกำลังจำศีลอยู่ เมื่อไหร่ที่มันตื่นขึ้นมา พลังอันน่าเกรงขามคงได้ระเบิดออกมาเป็นแน่