ตอนที่ 172

เสน่ห์คมดาบ

พระสันตะปาปายิงธนูสามดอกโดยไม่โดนแคลร์เลย แต่สูญเสียอาร์ชบิชอปไปแทนแคลร์พลันตัดหัวของอาร์ชบิชอปอีกคนด้วยดาบ 

 

 

มองแคลร์ที่ต่อสู้อย่างสบายๆ สีหน้าของพระสันตะปาปาก็มืดมนลงธนูในมือของเขาไม่ขยับอีกต่อไป และดวงตาของเขาก็ค่อยๆ เลื่อนไปที่ร่างของแคทเธอรีนที่พื้น 

 

 

รอยยิ้มเย็นชาปรากฏขึ้นภายในดวงตาของพระสันตะปาปา แล้วค่อยๆ ยกคันธนูขึ้น ดึงเชือกให้ตึง ลูกศรนี้ ไม่เพียงแต่จะทำลายร่างกายมนุษย์แต่ยังรวมถึงจิตวิญญาณด้วย 

 

 

“ทุกสิ่งที่สกปรกควรได้รับการชะล้าง” พระสันตะปาปามองแคลร์และพูดช้าๆ อย่างเย็นชา 

 

 

หลังจากที่แคลร์จัดการกับอาร์ชบิชอปไปอีกคน นางก็มองไปยังทิศทางของคันธนูและลูกศรของพระสันตะปาปาแต่แล้วก็ต้องผงะทิศทางของลูกศรไม่ได้ชี้ไปที่แคลร์แต่ชี้ไปที่ร่างของแคทเธอรีนที่พื้นแทน! 

 

 

“เดรัจฉาน!” ความโกรธในใจของแคลร์รุนแรงขึ้นดวงตาแดงก่ำในแววตาเปี่ยมด้วยแรงสังหารลึกล้ำ 

 

 

แคลร์รีบบินไปข้างหน้าแคทเธอรีนอย่างรวดเร็ว กระพือปีกบินเข้าหาพระสันตะปาปา ดาบในมือของนางกำแน่น แล้วเตรียมรับตรงๆ 

 

 

ปากของพระสันตะปาปาโค้งอย่างเย็นชา หัวลูกศรเล็งไปที่หน้าอกของแคลร์ แล้วปล่อยลูกศรออกไป! 

 

 

ที่นอกประตูเมืองใบหน้าของเหลิ่งหลิงยวิ๋นดูลึกล้ำ แววตาของเขาดูกังวลในที่สุดเขาก็รู้ว่าวิหารกำลังจะฆ่าแคลร์คืนนี้แต่ว่า ตอนนี้มันจะสายไปหรือไม่?ตอนนี้แคลร์จะเป็นอย่างไรบ้าง? 

 

 

เหลิ่งหลิงยวิ๋นบินขึ้นไปในอากาศกำลังจะบินไปในทิศทางที่ลอรีอัลบอกเวลานี้เสียงที่คุ้นเคยก็มาถึงหูของเขา 

 

 

“หลิงยวิ๋น ดึกขนาดนี้ เจ้าจะไปไหน?” จู่ๆ หลิวเฉว่ฉิงก็โผล่มาจากมุมกำแพงเมืองราวกับผีเหลิ่งหลิงยวิ๋นมุ่งมั่นจะไปช่วยจนไม่ได้สนใจว่ามีคนยืนอยู่ตรงมุมนั้น 

 

 

“ไม่เกี่ยวกับเจ้า” เหลิ่งหลิงยวิ๋นพูดอย่างเย็นชา เตรียมจากไป 

 

 

“เจ้าจะไปช่วยแคลร์ใช่หรือไม่?” หลิวเฉว่ฉิงรีบพูดเมื่อเหลิ่งหลิงยวิ๋นกำลังจะไป 

 

 

เหลิ่งหลิงยวิ๋นบินขึ้นไปในอากาศตรงไปข้างหน้า ไม่สนใจหลิวเฉว่ฉิง 

 

 

“เจ้าจะต่อสู้กับวิหารเพื่อนางจริงๆ หรือ? นางมีค่าสำหรับเจ้าถึงเพียงนี้หรือ? เจ้าทำงานหนักมากมาหลายปีจะทำลายมันด้วยมือของเจ้าเองหรือ?”เสียงของหลิวเฉว่ฉิงดังขึ้น นางถามด้วยความโกรธไม่พอใจ และริษยา 

 

 

เหลิ่งหลิงยวิ๋นยังคงเพิกเฉยเขารู้เพียงแค่ว่า เขาไม่อยากให้หญิงผู้นั้นเจ็บปวด และก็ไม่อยากให้หญิงผู้นั้นต้องตาย 

 

 

“เจ้าไม่นึกถึงซวนซวนเลยหรือ?” เสียงของหลิวเฉว่ฉิงดังไปถึงหูของเหลิ่งหลิงยวิ๋นอีกครั้ง 

 

 

ในที่สุดเหลิ่งหลิงยวิ๋นก็หยุดลง 

 

 

ในใจหลิวเฉว่ฉิงมีความสุขตามที่คาดไว้เหลิ่งซวนซวนจะเป็นไม้ตายและเป็นอาวุธวิเศษของนางเพื่อเอาชนะเหลิ่งหลิงยวิ๋นตลอด 

 

 

แต่ว่า เมื่อเหลิ่งหลิงยวิ๋นหันมาหลิวเฉว่ฉิงก็ตกใจดวงตาสีม่วงของเหลิ่งหลิงยวิ๋นเย็บเยียบ เขาเพียงแค่มองหลิวเฉว่ฉิงอย่างเย็นชาไม่มีร่องรอยของความอบอุ่นเลย ราวกับมองเห็นในใจนางอย่างทะลุปรุโปร่งไปจนถึงจิตวิญญาณหลิวเฉว่ฉิงตัวสั่น ก้าวถอยหลังโดยไม่รู้ตัว 

 

 

“อย่าใช้ซวนซวนมาขู่ข้า ความอดทนของข้ามีจำกัด” เสียงของเหลิ่งหลิงยวิ๋นเป็นเหมือนน้ำแข็งที่ทำให้คนสั่นสะท้าน 

 

 

“ข้า ข้าไม่ได้ ข้าไม่ได้หมายความเช่นนั้น” หลิวเฉว่ฉิงโบกมืออย่างรีบร้อนและรีบพูด “ซวนซวนขอให้ข้าพาเจ้าไปหานาง…ที่นั่น” หัวใจของหลิวเฉว่ฉิงเย็นเยียบ 

 

 

เหลิ่งหลิงยวิ๋นมองไปยังทิศทางที่หลิวเฉว่ฉิงชี้ด้วยความประหลาดใจเขาเห็นรถม้าที่ไม่โดดเด่นคันหนึ่งจอดอยู่ที่นั่น 

 

 

ซวนซวนมาหรือ? เป็นไปได้อย่างไร? ก่อนตนเองออกมาสาวใช้บอกว่านางหลับไปแล้ว 

 

 

หลิวเฉว่ฉิงเห็นท่าทางไม่เชื่อของเหลิ่งหลิงยวิ๋นจึงรีบไปที่รถม้าและพูดอย่างกระตือรือร้น “ซวนซวนให้ข้าพานางมาจริงๆ” 

 

 

เหลิ่งหลิงยวิ๋นค่อยๆ ร่อนลงช้าๆ มองรถม้าอย่างสงสัยก่อนที่จะก้าวไปที่ม่านประตูแล้วยกขึ้นเห็นใบหน้าที่น่ารักของเหลิ่งซวนซวน 

 

 

“ซวนซวน! เจ้ามาที่นี่ทำไม?” เหลิ่งหลิงยวิ๋นตกใจเหลิ่งซวนซวนมาที่นี่จริงๆ 

 

 

“พี่ชาย ข้ามีของจะให้พี่”เหลิ่งซวนซวนหยิบคริสตัลขนาดเล็กออกมาจากด้านหลัง มันคือคริสตัลความทรงจำ 

 

 

“นั่นคืออะไร?” เหลิ่งหลิงยวิ๋นก้าวไปหาเหลิ่งซวนซวน 

 

 

“นั่นคือสิ่งที่ข้าอยากจะบอกกับพี่ พี่ชาย ข้าทำผิดต่อพี่มาตลอดหลายปีที่ผ่านมา”ใบหน้าของเหลิ่งซวนซวนมีรอยยิ้มสดใส 

 

 

ไม่ดีแล้ว! 

 

 

ความคิดนี้เกิดขึ้นในหัวใจของเหลิ่งหลิงยวิ๋นและหลิวเฉว่ฉิงรอยยิ้มของเหลิ่งซวนซวนเผยให้เห็นความมุ่งมั่นของนาง! 

 

 

วินาทีต่อมา มุมปากของเหลิ่งซวนซวนก็เต็มไปด้วยเลือดสีดำ! เหลิ่งซวนซวนยิ้ม และทรุดลงไปช้าๆ 

 

 

“ไม่นะ…” เหลิ่งหลิงยวิ๋นร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดรีบวิ่งไปที่รถม้าและคว้าร่างเล็กไว้ในอ้อมแขนของเขา 

 

 

ใบหน้าของเหลิ่งซวนซวนซีดลงไร้สีเลือด ริมฝีปากเล็กๆดำคล้ำ คริสตัลขนาดเล็กในมือยกขึ้นอย่างตั้งใจ มองใบหน้าที่เจ็บปวดของเหลิ่งหลิงยวิ๋นตรงหน้า แล้วเค้นคำพูดออกมาเพียงคำเดียว 

 

 

“พี่ชาย พี่โปรดบิน…อย่างอิสระ…” 

 

 

เมื่อพูดจบดวงตาสีม่วงบริสุทธิ์คู่นั้นก็ค่อยๆ ปรือปิดลงช้าๆ 

 

 

มือเล็กๆ ของเหลิ่งซวนซวนค่อยๆ ตกลงลูกแก้วขนาดเล็กในมือของนางตกลงบนพื้นและกลิ้งออกไป 

 

 

ร่างเล็กๆ นุ่มนิ่มเริ่มเย็นขึ้น เย็นขึ้นเรื่อยๆ… 

 

 

หลิวเฉว่ฉิงยืนอยู่ตรงนั้นอย่างตกตะลึง ความหนาวเย็นในหัวใจของนางเพิ่มขึ้นเหลิ่งซวนซวนเลือกกินยาพิษฆ่าตัวตาย! ยาพิษนั่นมาจากไหน? ทำไมมันบังเอิญขนาดนี้?ทำไมต้องฆ่าตัวตายในช่วงเวลาวิกฤตเช่นนี้? ทุกอย่างจบแล้ว! จบแล้ว! มันจบลงแล้ว!หลิวเฉว่ฉิงมีเพียงความคิดนี้ในใจ 

 

 

นางรู้ว่าเหลิ่งหลิงยวิ๋นจะไม่มีวันมองย้อนกลับไปไม่มีเหตุผลที่จะอยู่ในวิหารแห่งแสงอีกต่อไปไม่มีเหตุผลที่จะพูดคุยกับตนเองอีกต่อไป ไม่มีเหตุผลที่จะมองตนเองอีกต่อไปแล้ว! 

 

 

เดิมทีหลิวเฉว่ฉิงคิดว่าเหลิ่งหลิงยวิ๋นจะระเบิด จะโกรธและทำร้ายตนเองแต่เหลิ่งหลิงยวิ๋นกลับเงียบมาก 

 

 

เขากอดร่างเล็กๆของเหลิ่งซวนซวนที่สูญเสียความอบอุ่นไปยืนอยู่ตรงนั้นโดยไม่ขยับไปไหน 

 

 

เงียบจนน่ากลัว 

 

 

หลังจากผ่านไปนานในที่สุดเหลิ่งหลิงยวิ๋นก็ขยับตัว 

 

 

หลิวเฉว่ฉิงก้าวถอยหลังด้วยความกลัว 

 

 

เหลิ่งหลิงยวิ๋นไม่ได้หันไปข้างหลัง เขาอุ้มร่างของเหลิ่งซวนซวนคุกเข่าลง และหยิบคริสตัลความทรงจำขึ้นมา เดินหายไปในความมืดยามค่ำคืนตรงหน้า 

 

 

หลิวเฉว่ฉิงยื่นมือออกไปคิดว่าจะเรียกเหลิ่งหลิงยวิ๋นไว้ แต่ลำคอของนางดูเหมือนพูดไม่ออก ส่งเสียงไม่ได้อยากจะก้าวแล้วตามไปข้างหน้าแต่ราวกับเท้าจะหยั่งรากลึกลงบนพื้น ขยับไม่ได้เลย 

 

 

เมื่อเป็นเช่นนี้ นางจึงเฝ้าดูเหลิ่งหลิงยวิ๋นหายตัวไปในยามกลางคืน หายไปจากสายตาของนาง หายไปจากโลกของนาง 

 

 

นางรู้ว่าในชีวิตนี้คนๆ นั้นจะไม่มีทางมายุ่งเกี่ยวกับตนเองอีก ไม่มีวัน… 

 

 

พระสันตะปาปายิ้มเยาะ ลูกศรนี้แคลร์จะต้องไม่รอดแน่ๆ 

 

 

ลูกศรนี้เรียกว่าลูกศรแห่งวิญญาณ 

 

 

ไม่เพียงแต่ร่างกายจะถูกทำลายแต่ยังรวมไปถึงจิตวิญญาณด้วย! 

 

 

แสงสีขาวน่ากลัวนี้ยิงตรงไปที่หน้าอกของแคลร์ 

 

 

มนุษย์นี่โง่จริงๆรู้อยู่แก่ใจว่ารับลูกศรนี้ไม่ได้ แต่กลับเอาตัวมาเป็นโล่เพื่อร่างที่ไม่มีชีวิตอยู่แล้ว 

 

 

พระสันตะปาปาวางธนูลง หลับตาและยิ้มเย็น รับรู้ถึงผลกระทบอันเลวร้ายของลูกศรที่เขายิงไป 

 

 

ตูม… 

 

 

เสียงระเบิดดังก้องควันและฝุ่นฟุ้งไปทั่วท้องฟ้า 

 

 

คราวนี้ร่างกายและวิญญาณของแคลร์คงจะกลายเป็นผุยผงภารกิจของเทพีก็จะเสร็จสมบูรณ์เช่นกันผู้ที่ศรัทธาวิหารและเสียสละนั้น ก็แค่ไปหาคนมาเพิ่มก็จบแล้ว 

 

 

พระสันตะปาปากำลังจะกลับไปรายงานต่อเทพีแต่เมื่อฝุ่นที่อยู่ตรงหน้าจางลง ใบหน้าของเขาก็แข็งทื่อ 

 

 

เบื้องหน้าของเขาก็คือใบหน้าสดใสของแคลร์! แคลร์โจมตีพระสันตะปาปาด้วยกำลังทั้งหมดดาบเล่มนี้เล็งไปที่คอของพระสันตะปาปา! 

 

 

พระสันตะปาปารีบยกธนูขึ้นมากันไว้! 

 

 

แต่นักธนูจะต่อสู้กับนักรบในการต่อสู้ระยะประชิดได้หรือ? 

 

 

เห็นได้ชัดว่าไม่ได้! 

 

 

ดวงตาของแคลร์เย็นชา เหวี่ยงดาบนี้ด้วยกำลังทั้งหมดของนาง ตัดมือที่ถือธนูของพระสันตะปาปา และมุ่งหมายจะตัดคอของพระสันตะปาปา 

 

 

ในเวลานี้ แสงสีขาวสว่างวาบอยู่เหนือศีรษะ! 

 

 

การเคลื่อนไหวของแคลร์หยุดลง! ดาบชังหลันหยุดอยู่ใกล้คอของพระสันตะปาปา 

 

 

ใบหน้าของพระสันตะปาปาแสดงให้เห็นความดีใจ! 

 

 

เขารู้ ว่าแรงกดดันนี้ คือเทพีกำลังมา! 

 

 

การเคลื่อนไหวของแคลร์หยุดลง นางเห็นความดีใจในดวงตาของพระสันตะปาปา เมื่อรู้สึกถึงแรงกดดันก็เข้าใจเช่นกัน 

 

 

เทพีแห่งแสงมาเช่นเดียวกับเทพเจ้าแห่งความมืด ร่างกายของนางไม่ได้ปรากฏ สิ่งที่ปรากฏคือภาพของนาง พลังของนางแม้ไม่ถึงครึ่งของพลังในกายแต่พลังเพียงเล็กน้อยนี้ก็ยับยั้งการเคลื่อนไหวของแคลร์ได้แล้ว 

 

 

“หึ!” แคลร์ส่งเสียงอย่างเย็นชา ดึงดาบกลับและถอยกลับมาตอนนี้นางจะเมินเฉยต่อแรงกดดันของเทพเจ้าไม่ได้อีกต่อไป 

 

 

“เทพีแห่งแสง!” พระสันตะปาปาเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าด้วยความยินดี แสงสีขาวศักดิ์สิทธิ์บนท้องฟ้าสว่างขึ้นและใกล้เข้ามามากขึ้น 

 

 

กลุ่มแสงศักดิ์สิทธิ์ค่อยๆ ตกลงมาเงาร่างสง่างามของเทพีแห่งแสงชัดเจนขึ้น ใบหน้าของเทพีล้วนไม่มีใครเทียบเทียมได้ 

 

 

แคลร์บีบดาบชังหลันในมือแน่น ตราประทับสีดำที่หลังมือของนางก็เจ็บเล็กน้อย แล้วค่อยๆ รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ จนปวดแสบปวดร้อน 

 

 

“วิญญาณที่สกปรกการทำลายล้างเท่านั้นที่จะทำให้เจ้าเกิดใหม่ได้” เสียงอันไพเราะของเทพีเต็มไปด้วยความสง่าผ่าเผย 

 

 

แคลร์มองไปที่หลังมือขวาจากหางตา แล้วตราสีดำก็ปรากฏชัดขึ้นนางไม่สนใจคำพูดเจ้าเล่ห์ของเทพีแห่งแสงเทพีแห่งแสงมาเพื่อฆ่าแคลร์โดยเฉพาะ และแคลร์ก็เข้าใจทันทีว่าที่ทุกอย่างเกิดขึ้นมาจากตราประทับสีดำที่หลังมือของนาง 

 

 

“เจ้าคนไร้ยางอาย จะดูต่อไปหรือ?” แคลร์มองการเคลื่อนไหวของเทพีแห่งแสงด้วยความระมัดระวัง ริมฝีปากของนางพูดประโยคนั้นออกไปนางกำลังคุยกับเทพเจ้าแห่งความมืดอยู่แคลร์มั่นใจว่าเทพเจ้าแห่งความมืดที่น่าสมเพชจะต้องเฝ้าดูทุกสิ่งตรงหน้านางแต่ไม่ยอมออกตัว กลัวเทพีแห่งแสงหรือ? นอกเหนือจากเหตุผลนี้ ก็หาเหตุผลอื่นไม่ได้แล้ว 

 

 

เงียบรอบกายมีแต่ความเงียบงัน