ตอนที่ 173

เสน่ห์คมดาบ

เทพเจ้าแห่งความมืดนิ่งพอๆ กับภูเขาไท่ซาน เห็นได้ชัดว่าไม่ได้คิดจะลงมือใดๆ 

 

 

เห็นได้ชัดว่าเขาไม่คิดที่จะเสี่ยงแสดงให้เห็นนิสัยน่ารังเกียจของเขาเมื่อพบลูกพลับอ่อนก็จะทำร้ายมัน แต่เมื่อเจอหินแข็งก็แกล้งตายช่างไร้ยางอายจริงๆ…เทพเจ้าแห่งความมืดนี้  

 

 

เห้อ! แคลร์เบ้ปากอย่างเหยียดหยามถือดาบชังหลันไว้ในมือชี้ตรงไปที่เทพีแห่งแสงแต่ในใจตัดสินใจแล้ว 

 

 

แม้ว่าแคลร์จะบุกเข้าไปอีกครั้งแบบเมื่อครู่แต่ก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเทพีแห่งแสงอยู่ดีนอกจากนี้ยังมีวิกฤตร้ายแรงที่เกิดขึ้นอีกเมื่อบรรลุไปถึงระดับที่สิบเอ็ดของกระจกดอกบัวแล้วจากประสบการณ์ที่ผ่านมาภัยพิบัติจากฟ้าจะต้องเกิดอย่างแน่นอนเวลานี้ท้องฟ้าจะต้องเริ่มแล้วแต่ตอนนี้ยังไม่มีความเคลื่อนไหวใดเลยมีเพียงเหตุผลเดียวนี่คือช่วงเวลาที่เงียบสงบก่อนเกิดพายุ! และเมื่อถึงเวลาสายฟ้าจะปรากฏในรูปแบบที่ร้ายแรงที่สุด! ครั้งสุดท้ายที่ดอกบัวสีทองตื่นขึ้นมาเพื่อช่วยนางผ่านภัยพิบัติที่สิบ เมื่อจบลงก็หลับไปอีกครั้งมันไม่ตื่นขึ้นมาเร็วขนาดนี้หรอก! 

 

 

สิ่งที่แคลร์มองไม่เห็นก็คือ ไป๋ตี้และเฮยหยู่ที่อยู่บนพื้นกำลังมองกันอยู่ ดวงตาของไป๋ตี้โกรธและกังวลแต่เฮยหยู่กระพือปีกราวกับไม่ใส่ใจ 

 

 

แคลร์ก้มหน้า ดาบชังหลันในมือของนางส่องแสงเป็นประกายและเปลวไฟสีทองที่รุนแรงก็ส่งเสียงไปหาเทพีแห่งแสงเปลวไฟเริ่มรุนแรงขึ้นและรุนแรงขึ้นเรื่อยๆในอากาศหากดาบเล่มนี้ฟาดฟันคนที่แข็งแกร่งทั่วไป มันจะทำให้ฝ่ายตรงข้ามถูกกำจัดอย่างแน่นอนแต่ว่าอีกฝ่ายคือเทพีแห่งแสงนี่สิ 

 

 

เทพีแห่งแสงเพียงแค่ยกคทาในมือขึ้นเบาๆเท่านั้น สีหน้าเรียบเฉย พลังก็หยุดลงทันทีจากนั้นเปลวไฟสีทองก็หายไปในเวลาไม่นาน 

 

 

นี่คือระยะห่างระหว่างเทพเจ้ากับมนุษย์ใช่หรือไม่? 

 

 

มือที่จับดาบชังหลันอย่างแน่นของแคลร์กลายเป็นสีขาว 

 

 

“แมลง” คำๆ นี้ปรากฏในสายตาของเทพีแห่งแสงอย่างชัดเจนพร้อมยิ้มเยาะริมฝีปาก เทพีแห่งแสงก็โบกมือเบาๆและแสงสีขาวก็ลงมาที่หัวของแคลร์แคลร์ถูกกักขังไว้ด้านในอย่างสมบูรณ์ 

 

 

แรงบีบรุนแรงเข้ามาจากทุกทิศทางเกือบทำให้เส้นเลือดของแคลร์แตกออกมาแคลร์ทรุดลงกับพื้นไม่สามารถขยับตัวได้เลยพยายามแกว่งดาบในมืออย่างสุดชีวิตแต่มือสั่นจนไม่สามารถแกว่งดาบได้แคลร์ขมวดคิ้วด้วยความเจ็บปวดเลือดเหมือนจะไหลย้อนกลับ และกระดูกทั่วร่างกายแทบแตกเป็นเสี่ยงๆแคลร์รู้สึกว่าตัวเล็กมากเมื่ออยู่ต่อหน้าพลังนี้ นางไม่สามารถสู้กลับได้เลย 

 

 

แรงบีบเพิ่มขึ้นแคลร์แทงดาบลงไปที่พื้นเพื่อพยุงร่างกายของนางไว้หัวใจเต้นเร็วขึ้นและเร็วขึ้นเรื่อยๆ ราวกับว่ามันกำลังจะระเบิดเลย 

 

 

ทุกอย่างจะลงเอยเช่นนี้หรือ? 

 

 

แคลร์หลับตาลงช้าๆ แต่หัวใจของนางเต็มไปด้วยความไม่พอใจ 

 

 

นี่คือความแตกต่างระหว่างเทพเจ้ากับมนุษย์หรือ? 

 

 

มุมปากของเทพีแห่งแสงเกิดรอยยิ้มจางๆ แต่แล้วการข่มขู่ตรงหน้านี้ก็ทำลายทิ้งลง 

 

 

ในตอนที่เทพีแห่งแสงคิดว่าชัยชนะอยู่ในมือของนาง แสงสีแดงขนาดใหญ่ก็สว่างขึ้นมาโดยมีแคลร์เป็นศูนย์กลางแทนที่แสงสีขาวอันเลวร้ายของเทพีแห่งแสงจากนั้นพลังรุนแรงก็ระเบิดออกผลักนางออกไปหลายเมตรทันทีมันทำให้นางอ่อนแอลงเห็นได้ชัดว่าการโจมตีครั้งนี้ทำให้นางเจ็บปวดไม่น้อยเลย 

 

 

แสงนี้มาจากคอของแคลร์นั่นก็คือสร้อยคอที่นายน้อยปีศาจมอบให้นางมันมีพลังเช่นนี้เลยหรือ! แคลร์ตกใจ เช่นนั้นนายน้อยจะแข็งแกร่งขนาดไหนกันตอนนี้ดูเหมือนว่านางจะสามารถตบเทพเจ้าแห่งความมืดได้ก็ไม่ใช่เรื่องโกหกเลย 

 

 

แสงสีแดงค่อยๆสลายไปแต่เทพีแห่งแสงก็ยังใจสั่นนางรู้จักลมหายใจนี้ดีกว่าใครๆ จริงๆ แล้วมันคือลมหายใจของเผ่าพันธุ์ปีศาจสาวน้อยผู้นี้มีสมบัติของปีศาจอยู่บนตัวปีศาจจะช่วยมนุษย์ได้จริงหรือ?! 

 

 

เทพีแห่งแสงระงับความรู้สึก และหัวใจของนางก็ยืนหยัดที่จะทำลายคนที่อยู่ตรงหน้าทันที 

 

 

แคลร์เอื้อมมือไปแตะสร้อยคอที่หน้าอก เข้าใจสิ่งที่นายน้อยบอกว่าสร้อยเส้นนี้จะช่วยตนเองได้เพียงครั้งเดียวเช่นนั้น ต่อไปล่ะ? 

 

 

“มนุษย์สกปรก ไปอยู่ในกลุ่มของปีศาจร้าย วันนี้จะต้องชำระล้างเจ้า” เทพีแห่งแสงโบกไม้คทาในมือ ใบหน้าของนางเคร่งขรึม 

 

 

“เหอะๆ จริงๆ เลยนะ ใช้ความแข็งแกร่งที่ข้าสะสมมาอย่างยากลำบาก” จู่ๆ เสียงที่ไม่พอใจก็ดังมาจากด้านหลังแคลร์พร้อมกับพูดติดตลก 

 

 

แคลร์ตะลึงลมหายใจที่อยู่เบื้องหลังพลังอันทรงพลังนี้ดูเหมือนคุ้นเคยแต่ก็แปลกๆ 

 

 

“เป็นเจ้าเองหรือ!” เทพีแห่งแสงอุทาน 

 

 

ใคร? เทพีแห่งแสงรู้จักด้วยหรือ? 

 

 

แคลร์หันหน้าไปอย่างช้าๆ ดวงตาสวยงามน่าทึ่ง แต่งกายด้วยชุดสีดำผมสีดำราวกับหมึก ดวงตาที่ลึกล้ำมองไปที่เทพีแห่งแสงตรงหน้าอย่างติดตลกออร่าลึกลับแผ่ออกมาทั่วร่าง ทำให้รู้สึกอุ่นใจมากยิ่งขึ้น 

 

 

เสียงนี้แคลร์ขมวดคิ้วและจำได้ทันที นี่คือเสียงของเฮยหยู่!ตอนเฮยหยู่พยายามบังคับที่จะสร้างพันธะกับตนเองมันคือเสียงนี้!ชายรูปงามและหยิ่งตรงหน้านางคือเฮยหยู่หรือ? แคลร์ไม่สามารถเชื่อมโยงกับชายหนุ่มรูปงามลึกลับที่อยู่ตรงหน้านางได้เลย 

 

 

“หึ! เจ้ายังไม่ตายแต่ว่า วันนี้ข้าจะไม่ปล่อยให้เจ้ามีชีวิตอยู่ต่อไปแล้ว!” เสียงของเทพีแห่งแสงนั้นอาฆาตและโกรธเกรี้ยว 

 

 

“ก็ไม่แน่นะว่าใครกันที่จะต้องตาย” เฮยหยู่ตอบอย่างเกียจคร้านและจากนั้นก็ตะโกนใส่ความว่างเปล่าอย่างรำคาญ “เทพเจ้าแห่งความมืด ท่านขี้ขลาดไปถึงเมื่อไหร่กัน? รีบออกมาเร็วๆ เข้า ตอนนี้เป็นโอกาสที่ดีแล้วอีกเดี๋ยวไป๋ตี้ก็จะสามารถฟื้นคืนร่างมนุษย์ของเขาได้แล้ว” 

 

 

“อะไรนะ?” เสียงของเทพีแห่งแสงดูประหลาดใจ 

 

 

“งี่เง่าเจ้าคิดว่านิสัยของเทพเจ้าแห่งความมืดเขาจะไม่ใส่ใจกับเครื่องบูชาของเขางั้นหรือ?” เฮยหยู่พูดอย่างดูถูกเหยียดหยาม 

 

 

“เฮยหยู่ เจ้านี่มัน…” เสียงทุ้มต่ำดังขึ้นความมืดเริ่มแพร่กระจาย และแสงสีแดงเลือดเริ่มหรี่ 

 

 

“ท่านขี้ขลาด ข้าพูดผิดงั้นหรือ? ท่านชอบหลบซ่อนในขณะที่ผู้คนตกอยู่ในอันตรายไม่ใช่หรือ? เทพีแห่งแสงอยู่ ท่านก็กลัวเช่นนี้เครื่องบูชาที่สมบูรณ์แบบนี่ไม่ต้องการอีกต่อไปแล้วสินะ” เฮยหยู่ตอบโต้อย่างดูถูกเหยียดหยามในความเป็นจริงเขารู้จักนิสัยของเทพเจ้าแห่งความมืดดีที่สุดในเวลาที่เขาไม่แน่ใจในชัยชนะเขาจะไม่มีวันปรากฏตัวและถ้าไม่ใช่เพราะสมบัติของแคลร์เมื่อครู่ที่ขัดขวางการโจมตี และสู้เพื่อตัวเองเป็นครั้งสุดท้ายทำให้ร่างมนุษย์ของเขาปรากฏขึ้นเทพแห่งความมืดก็ไม่มีวันเสี่ยงหรอกเขาเป็นคนที่เห็นแก่ตัวสุดๆเห้อ เป็นเทพเจ้าที่เห็นแก่จริงๆ 

 

 

เสียงนั้นหยุดพูดแต่พลังสีดำขยายออกช้าๆ เห็นได้ชัดว่าเทพเจ้าแห่งความมืดก็มาแล้ว 

 

 

วูบ… 

 

 

มีเสียงที่นุ่มนวลขึ้น แล้วร่างของไป๋ตี้ก็ปรากฏ 

 

 

ผมที่ราวกับหิมะ ดวงตาราวกับดวงจันทร์ 

 

 

ไป๋ตี้ยืนเงียบๆ อยู่ข้างๆ เฮยหยู่ทั้งสองคนกลายเป็นภาพที่สมบูรณ์แบบที่สุดในโลกทันทีเฮยหยู่มีเสน่ห์เหลือร้ายไป๋ตี้เย็นชาพวกเขาล้วนแสดงออกถึงความน่าทึ่ง 

 

 

“ดีมากทุกคนอยู่ที่นี่” เทพีแห่งแสงยิ้มอย่างไม่กลัว “ไป๋ตี้ เฮยหยู่ เจ้าคิดว่าเจ้าจะยังคงส่องแสงเหมือนเดิมได้หรือ? เทพเจ้าแห่งความมืด เจ้ามันสกปรก วันนี้ข้าจะกำจัดพวกเจ้า!” 

 

 

ความหดหู่ฉายผ่านของดวงตาของเฮยหยู่อันที่จริงเขาและไป๋ตี้นั้นด้อยกว่าก่อนหน้านี้มากตอนนี้พวกเขาอยู่ในร่างเดิมแล้วและได้รับการฟื้นฟูพลังพวกเขารู้ดีกว่าใครว่ามันอยู่ได้นานแค่ไหนต้องขับไล่เทพีแห่งแสงไปให้ได้ในเวลาจำกัดนี้! 

 

 

“ความโดดเดี่ยวที่ห่างไกล!” เทพีแห่งแสงส่งเสียงแล้วโบกคทาในมือของนางและลงมือโจมตีครั้งแรกจากนั้น ลำแสงสีขาวขนาดใหญ่ก็พุ่งเข้าใส่แคลร์อย่างบ้าคลั่งนางมีแผนของตัวเอง นางไม่มีทางรู้ว่าพลังของเฮยหยู่และไป๋ตี้ฟื้นคืนมาอย่างไรบ้าง และตอนนี้เทพเจ้าแห่งความมืดก็ออกมาด้วยเช่นกันต้องรีบทำลายวิญญาณของแคลร์ กำจัดอันตราย แล้วก็ไม่ต้องกังวลอะไรอีกหากวิญญาณที่สมบูรณ์นี้เติบโตขึ้นและถูกสังเวยให้กับพระมารดาโดยเทพเจ้าแห่งความมืดพระมารดาอาจทำการตัดสินใจที่ไม่อาจยอมรับได้จะปล่อยให้สิ่งนี้เกิดขึ้นไม่ได้เด็ดขาด! 

 

 

เฮยหยู่และไป๋ตี้รีบวิ่งไปที่ด้านหน้าของแคลร์ แล้วทั้งสองก็ประสานมือพร้อมกัน แล้วโล่ขนาดใหญ่และแข็งแกร่งก็มาป้องกันที่ด้านหน้าของแคลร์ลำแสงขนาดมหึมาพุ่งเข้ามาปะทะอย่างรุนแรง จากนั้นก็กระจายออกราวกับว่าดอกไม้ไฟกำลังเบ่งบานไม่มีที่สิ้นสุด ยามค่ำคืนก็ส่องแสงสว่างพวกเขาสองคนยืนอยู่หน้าแคลร์พร้อมกับโล่ของพวกเขาแคลร์สังเกตเห็นว่าขาของทั้งสองคนไม่มั่นคง และทำให้ล่าถอยไป 

 

 

จอมวายร้ายที่น่ารังเกียจอย่างเทพเจ้าแห่งความมืดจะยอมทิ้งโอกาสเช่นนี้ได้อย่างไรระเบิดแสงสีดำพุ่งเข้าใส่เทพีแห่งแสงอย่างรุนแรงเทพีแห่งแสงยกคทาขึ้นอย่างนิ่งๆ และร่ายคาถาสั้นๆ อย่างรวดเร็ว แล้วโล่แสงสีขาวขนาดใหญ่ก็ปรากฏขึ้นตรงหน้านางเพื่อป้องกันการโจมตีของเทพเจ้าแห่งความมืด 

 

 

แคลร์ดูตกใจเล็กน้อยกับการต่อสู้ที่อยู่ตรงหน้านี่คือการต่อสู้ระหว่างเทพเจ้ากับเทพเจ้าหรือ? ไม่อยู่ในระดับใดเลยตัวตนของไป๋ตี้และเฮยหยู่คืออะไรกันแน่นะ? ทำไมทั้งเทพเจ้าแห่งความมืดและเทพีแห่งแสงถึงรู้จักพวกเขา? แล้วประโยคของเทพีแห่งแสงพูดนั้นหมายความว่าอย่างไร? ก่อนหน้านี้? 

 

 

“พายุแสง!”เทพีแห่งแสงตะโกนอย่างเย็นชา หลังจากสกัดการโจมตีของเทพเจ้าแห่งความมืดแล้วก็โบกคทาในมือสร้างวงกลมในอากาศ ทันใดนั้นพายุที่รุนแรงก็พุ่งออกมาจากขอบวงกลมสีขาวสิ่งนี้มีพลังแสงขนาดใหญ่พายุเฮอริเคนพัดผ่านไป แล้วศพของอาร์ชบิชอปบนพื้นก็กลายเป็นขี้เถ้าในทันที 

 

 

ความตื่นตระหนกเกิดขึ้นบนใบหน้าของพระสันตะปาปา ทูตสวรรค์อยู่กับพระสันตะปาปาไม่คาดคิดว่าเทพีแห่งแสงจะใช้ท่าไม้ตายเพื่อกำจัดบุคคลที่อยู่ตรงหน้าและโดยไม่สนใจชีวิตของพระสันตะปาปา ทูตสวรรค์ที่ครอบครองพระสันตปาปารีบบินขึ้นอย่างรวดเร็ว พยายามที่จะออกจากสิ่งที่รุนแรงนี้ตัวบินออกไปแล้วแต่เท้าข้างหนึ่งของเขาช้าไปเท้านั้นกลายเป็นขี้เถ้าไปทันทีพระสันตะปาปาขมวดคิ้ว เวลาต่อมาแสงสีขาวก็สว่างวาบไปทั่วร่างของเขา ทูตสวรรค์อยู่กับเขาก็จากไปแล้วพระสันตะปาปาถูกปล่อยให้ฟื้นสติเองอย่างช้าๆ ได้ลิ้มรสความวุ่นวายและความเจ็บปวดของร่างกายในระยะไกลๆราเซียและลาเกอร์ตะลึงกับแรงของเทพีแห่งแสงพวกเขาไม่รู้เลยว่ากำลังเกิดอะไรขึ้นตรงหน้า