ในที่สุดเซียวยวี่ก็ไปแล้ว เซียวหยวนกินอาหารเสร็จ ก็จะไปเช่นกัน เพียงแต่เหมือนว่าเขายังมีอะไรจะกล่าวอีก เหมือนอยากกล่าวแต่ก็ไม่กล้า
ท่านป้าสี่กล่าวด้วยท่าทีสงสัย “อาหยวน เป็นอะไรไปงั้นหรือ? ”
เซียวหยวนกุมมือทั้งสองข้างไว้ด้วยกัน ถูมือไม่หยุด “ท่านป้าสี่ ข้า… ข้านำของบางอย่างมา อยาก อยากมอบให้น้องหมิงจูขอรับ”
ขณะเขาเอ่ยวาจาเหล่านี้ใบหน้าก็ขึ้นสีแดง ท่าทางเขินอายเสียยิ่งกว่ากระไร
ท่านป้าสี่รู้สึกยินดียิ่ง หันไปทางห้องเซียวหมิงจูตะโกนเรียก “หมิงจู รีบออกมาส่งคนเร็ว! ”
เซียวหมิงจูรีบเช็ดคราบน้ำตา นั่งหน้ากระจกแต่งเติมเครื่องประทินโฉมอย่างรวดเร็ว ผลักเปิดประตูออกมา ท่านป้าสี่ยิ้มพร้อมชี้ไปทางเซียวหยวนที่ยืนอยู่ในลานบ้าน “หมิงจู รีบไปส่งพี่อาหยวนของเจ้าเร็ว! ”
ภายในลานบ้านมีเพียงเซียวหยวน ไม่เห็นเซียวยวี่ เมื่อครู่รู้สึกดีใจเต็มประดา พอเห็นดังนั้นก็รู้สึกราวกับหล่นวูบลงก้นเหว
เซียวหมิงจูได้แต่ไปส่งเซียวหยวนอย่างไม่เต็มใจนัก
เซียวหมิงจูและเซียวหยวนถือว่าเป็นเพื่อนเล่นกันตั้งแต่วัยเยาว์ เพียงแต่ในภายหลัง บิดามารดาของเขาด่วนจากไป เขาก็ไปเรียนเป็นช่างไม้กับคนอื่น พอมีงานทำ ทั้งปีก็กลับบ้านเพียงไม่กี่วัน ไมตรีที่มีต่อกันในช่วงวัยเยาว์จึงค่อยๆ จืดจางลง
เมื่อได้พบกันอีกครั้ง ต่างก็เติบโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว จึงรู้สึกวางตัวไม่ค่อยถูกนัก
เซียวหมิงจูก้มหน้าตลอด ไม่กล่าวอะไรแม้แต่คำเดียว เพียงแค่ระยะทางจากในบ้านถึงด้านนอก นางรู้สึกราวกับเดินมาครึ่งค่อนชีวิต เซียวหยวนก็เช่นเดียวกัน แค่จิบสุราไปคำเดียว เวลานี้ใบหน้าแดงไปจนถึงหู เขาเองก็รู้สึกวางตัวไม่ค่อยถูก ไม่รู้ว่าควรวางมือไม้ไว้ตรงไหน
เขาบุ้ยปากทีหนึ่ง อยากกล่าวอะไรบางอย่างกับเซียวหมิงจูที่อยู่ข้างๆ แต่พอคำพูดจะออกปากแล้ว กลับพูดไม่ออกแม้แต่ประโยคเดียว พอเห็นว่าใกล้ถึงประตูใหญ่แล้ว เซียวหยวนหยิบอะไรบางอย่างออกมาจากอกเสื้อ ยื่นส่งให้เซียวหมิงจู
เพียงกล่าวว่า “มอบให้เจ้า” จากนั้นจึงวิ่งไปโดยไม่หันหลังกลับด้วยซ้ำ
เซียวหมิงจูผงะไป ท่านป้าสี่ยืนอยู่ตรงห้องครัวคอยดูสถานการณ์ด้านนอกอยู่ตลอด พอเห็นดังนั้นก็รีบวิ่งออกมา “อาหยวนเป็นอะไรไป? ”
เซียวหมิงจูแสดงสีหน้าประหลาดใจ มองดูแผ่นหลังของเซียวหยวนที่วิ่งไปราวกับกำลังหนี ก่อนดูสิ่งของในมือ
นั่นเป็นกล่องไม้ขนาดเล็ก
เปิดกล่องไม้ดู พอเห็นของด้านใน ท่านป้าสี่ตาลุกวาวทันที “ดอกไม้ประดับผมเยอะถึงเพียงนี้เชียว”
ดอกไม้ประดับผมเหล่านี้เป็นลวดลายที่ไม่เคยเห็นในหมู่บ้านมาก่อน ล้วนแต่ดูดีเป็นอย่างมาก
เซียวหมิงจูขมวดคิ้วมุ่น
มอบสิ่งของเช่นนี้ให้หญิงสาว นางเข้าใจความหมายของเซียวหยวนทันที
ท่านป้าสี่ก็เข้าใจเช่นเดียวกัน หยิบดอกไม้ประดับผมขึ้นมาหนึ่งดอก “ดูดีเหลือเกิน เหมาะกับหมิงจูของข้ายิ่งนัก” กล่าวจบ ก็กำลังจะนำไปประดับบนเส้นผมเซียวหมิงจู เซียวหมิงจูรีบเบือนหน้าหนี ดอกไม้จึงไม่ถูกประดับบนเส้นผม
ท่านป้าสี่ “ดอกไม้ประดับผมนี่ดูดี”
เซียวหมิงจูยื่นกล่องไม้ใส่มือท่านป้าสี่ กระทุ้งเท้าทีหนึ่ง กล่าวด้วยอารมณ์โทสะ “ในเมื่อท่านโปรดปรานก็ให้ท่านทั้งหมด”
กล่าวจบ ก็วิ่งเข้าไปในห้อง ก่อนปิดประตูเสียงดัง
ท่านป้าสี่เพิ่งเข้าใจว่าบุตรสาวของตนเองหมายความว่าอย่างไร นางคิดจะพุ่งพรวดไปพูดคุยกับเซียวหมิงจู แต่สุดท้ายก็อดทนไว้ บุตรสาวตนเองมีอุปนิสัยอย่างไร นางย่อมรู้ดี จะให้นางปล่อยวางเซียวยวี่และยอมรับเซียวหยวน ใช่ว่าจะทำได้ในเวลาอันสั้น
ทว่า นางไม่รีบ
เซียวหยวนดีกว่าเซียวยวี่มากนัก ทั้งรู้จักเอาใจใส่ ทั้งยังหาเงินเป็น ไม่เหมือนเซียวยวี่ มีแต่ความเย็นชา ใบหน้าไม่มีรอยยิ้มทั้งวัน ราวกับก้อนน้ำแข็งก็มิปาน
ท่านป้าสี่เห็นดอกไม้ประดับผมเต็มกล่อง แต่ละลวดลายล้วนเป็นของที่เซียวหยวนซื้อมา แม้แต่กล่องไม้ก็เหมือนว่าเซียวหยวนเป็นคนทำขึ้นเอง ภายในใจท่านป้าสี่รู้สึกพึงพอใจเสียยิ่งกว่ากระไร นางเข้าใจสิ่งที่เซียวหยวนจะสื่อแล้ว
เซียวหยวนชอบพอหมิงจู นางต้องทำให้ทั้งคู่แต่งงานกันให้จงได้ บุตรสาวตัวเองได้แต่งกับเซียวหยวน ก็ราวกับได้ตกลงไปในโถน้ำผึ้ง
ตอนนี้หมิงจูยังคิดไม่ตกก็ไม่เป็นอะไร ต้องมีสักวัน ที่นางเห็นความดีของเซียวหยวน!
ท่านป้าสี่ไปหาท่านลุงสี่ด้วยความยินดี
ถึงแม้ท่านลุงสี่จะดื่มสุรา แต่ไม่ได้ดื่มจนเมา เวลานี้กำลังนอนพักผ่อนตอนกลางวัน พอได้ฟังเรื่องราวก็ลุกขึ้นนั่ง “เจ้าว่าอะไรนะ? อาหยวนกับหมิงจูของเรางั้นหรือ? ”
ท่านป้าสี่ขมวดคิ้ว “ทำไม หรือเจ้าคิดว่าหมิงจูของเราไม่คู่ควรกับอาหยวน? ”
“ข้าหมายความอย่างนั้นที่ไหนกัน อาหยวนกำพร้าพ่อแม่ ข้างกายควรมีคนคอยดูแลจริงๆ เพียงแต่หมิงจูของเราโดนพวกเราตามใจจนเสียคน ไม่รู้ว่าถึงเวลาหมิงจูจะดูแลเขาได้หรือไม่! ” ท่านลุงสี่รู้สึกกังวลใจ
บุตรสาวตนเองดูแลคนอื่นเป็นงั้นหรือ?
“เจ้ากังวลโดยใช่เหตุ ตอนนั้นที่ข้าแต่งกับเจ้า ก็ทำอะไรไม่ได้ความเหมือนกันไม่ใช่หรือ ทำอะไรเป็นบ้าง เวลานั้นเจ้ารังเกียจข้าหรืออย่างไร? ” ท่านป้าสี่กล่าวตำหนิ
ท่านลุงสี่รีบส่ายหน้า “จะรังเกียจได้อย่างไร! ”
“หญิงสาวคนไหนบ้างที่แต่งงานไปแล้วจะทำเป็นทุกอย่าง คนที่เคยลำบากตั้งแต่ตอนอยู่บ้านเดิมอาจทำเป็นทุกอย่าง แต่หมิงจูของเรา ตลอดเวลาที่ผ่านมา พวกเราเลี้ยงดูอย่างดี กลัวว่านางจะเหนื่อยยากลำบาก นางย่อมทำไม่เป็น แต่เจ้าไม่ลองคิดดูเล่า อาหยวนไม่มีบิดามารดา ต่อให้นางทำได้ไม่ดี ใครจะว่านางได้? ”
ท่านลุงสี่ไม่ได้กล่าวอะไร
“ยิ่งไปกว่านั้น อาหยวนมักจะไม่อยู่บ้าน ต่อให้หมิงจูแต่งกับเขา ต่อไปต้องอยู่บ้านคนเดียว พวกเราจะให้นางกลับมาอยู่ด้วยไม่ได้เชียวหรือ? เช่นนี้ก็เหมือนกับยังอยู่ที่บ้านไม่ใช่หรือ? พวกเรามีลูกสาวเพียงคนเดียว เจ้าก็คงไม่อยากให้นางแต่งไปไกล อยู่ข้างนอกคนเดียว ถูกพ่อแม่สามีกดขี่ ถูกต้องหรือไม่? ”
ท่านลุงสี่พยักหน้าอย่างหนักแน่น “ย่อมต้องเป็นเช่นนั้น”
ในช่วงวัยหนุ่มท่านลุงสี่ล้มป่วย ในภายหลังไม่สามารถมีบุตรได้อีก มีเซียวหมิงจูเป็นบุตรสาวเพียงคนเดียว ชั่วชีวิตนี้เขาไม่มีบุตรชาย บุตรสาวคนนี้ก็เปรียบเสมือนชีวิตของเขา!
“อาหยวนไม่มีบิดามารดา ไม่มีพี่ชายน้องชายหรือพี่สาวน้องสาว ตัวคนเดียวอาจดูเงียบเหงาไปบ้าง แต่เช่นนี้ถึงจะดีที่สุด หมิงจูแต่งไปก็เป็นนายหญิงของบ้าน ไม่มีใครข่มเหงรังแกนาง หากอาหยวนออกไปทำงาน พวกเราก็รับหมิงจูกลับมาอยู่ด้วย หากต่อไปหมิงจูมีลูก พวกเราที่เป็นบ้านเดิมก็ต้องช่วยนางดูแลลูก เจ้าลองคิดดู บ้านสามีไม่มีคน ต่อไปอาหยวนไม่อยู่บ้าน หมิงจูมีลูกก็ต้องมาอยู่กับพวกเราไม่ใช่หรือ? ต่อไปบ้านเราจะครึกครื้นเพียงใดกัน เจ้าว่าจริงหรือไม่? ”
ท่านป้าสี่แสดงสีหน้าเหมือนกำลังจินตนาการ ราวกับเห็นภาพเด็กน้อยเล่นซนอยู่ในลานบ้านตัวเองอย่างไรอย่างนั้น
ท่านลุงสี่ก็ทำสีหน้าคาดหวังเช่นกัน ทว่า เขาไม่ได้มองในแง่ดีเหมือนท่านป้าสี่ “อาหยวนเด็กคนนั้น…”
“ในใจเขามีลูกสาวเรา เจ้าดูนี่…” ท่านป้าสี่ยืนกล่องไม้ที่เซียวหยวนมอบให้หมิงจูให้ท่านลุงสี่ดู ดอกไม้ประดับผมเต็มกล่อง ดูละลานตา แค่ดูก็รู้สึกแปลกใหม่สวยงาม ทั้งหมู่บ้านใครบ้างที่มีดอกไม้ประดับผมดูดีถึงเพียงนี้
สิ่งของที่ชายหญิงมอบให้แก่กัน ปกติจะไม่มอบของที่แนบติดกาย หากมอบให้ นั่นก็เป็นการสื่อว่ามีใจให้