ท่านป้าสี่บอกเล่าสิ่งที่ตนเองเห็นเมื่อครู่ให้ท่านลุงสี่ฟัง “ข้าคิดว่าอาหยวนชอบพอหมิงจูของเรา ไม่อย่างนั้นทำไมถึงมอบดอกไม้ประดับผมของหญิงสาวให้นางเยอะขนาดนี้ ยังมีอีก เจ้าเห็นตอนกินอาหารหรือไม่? อาหยวนไม่กินก่อน รอจะกินพร้อมหมิงจูให้ได้ ตอนหมิงจูกินข้าว เขาจงใจดันเนื้อที่ข้าตั้งใจผัดให้เขาโดยเฉพาะไปตรงหน้าหมิงจู เจ้าว่าเช่นนี้ในใจเขามีหมิงจูใช่หรือไม่? ”
ท่านลุงสี่ไม่เห็น “จริงหรือ? ทำไมข้าถึงไม่เห็น”
ท่านป้าสี่ผลักเขาทีหนึ่ง เหลือบมองพร้อมกล่าว “ในสายตาเจ้ามีแต่เซียวยวี่ จะมองเห็นอาหยวนได้อย่างไร! ”
ท่านลุงสี่คลำศีรษะพร้อมหัวเราะอย่างเก้อเขิน “ฮ่าฮ่า ข้าก็ต้อนรับแขกไม่ใช่หรือ! อาหยวนดื่มสุราไม่เป็น ก็ให้เจ้าต้อนรับ เซียวยวี่ดื่มสุราเป็น ข้าจึงต้อนรับอย่างไรเล่า! ”
ท่านป้าสี่ส่งเสียงเย็นในลำคอ “ฮึ รู้อยู่แล้วว่าในใจเจ้าคิดแต่เรื่องดื่มสุรา ไม่สนใจเรื่องของลูกสาว! บุรุษดีถึงเพียงนี้ กว่าเจ้าจะเห็นความดีของเขา ลูกเขยดีๆ ก็กลายเป็นของบ้านอื่นนานแล้ว”
ยังไม่มีเค้าด้วยซ้ำ ท่านป้าสี่ก็กล่าวราวกับเซียวหยวนเป็นลูกเขยตัวเองแล้ว ดูท่าท่านป้าสี่จะพึงพอใจในตัวเซียวหยวนมาก
ท่านลุงสี่หยอกล้อนาง “เรื่องราวยังไม่มีเค้าเลย เรียกลูกเขยเสียแล้ว เจ้าไม่กลัวคนอื่นได้ยินแล้วหัวเราะเยาะเอาหรือ”
“ปล่อยพวกเขาหัวเราะไป พวกเขารู้เพียงว่าในบ้านเซียวหยวนไม่มีผู้ใหญ่ ลูกสาวแต่งไปแล้วจะลำบาก แต่ใครบ้างจะคิดได้ว่า ในบ้านไม่มีผู้ใหญ่ ลูกสาวแต่งไปก็ได้เป็นนายหญิงของบ้าน ไม่ต้องปรนนิบัติพ่อแม่สามี และไม่ต้องดูแลน้องชายน้องสาวสามี ทั้งยังกลับบ้านเดิมได้เป็นประจำ เช่นนั้นสิถึงเรียกว่าแต่งได้ดี! ”
ท่านลุงสี่ก็หวั่นไหวแล้วเช่นกัน “ที่เจ้าพูดมามีเหตุผล พอเจ้าพูดอย่างนี้ ข้าก็รู้สึกว่าหมิงจูของเราแต่งกับเขาต้องดีแน่”
“ต้องดีแน่” ท่านป้าสี่กล่าวอย่างมั่นใจเต็มเปี่ยม “หมิงจูของเราก็ไม่เด็กแล้ว อาศัยจังหวะที่ช่วงนี้อาหยวนอยู่บ้าน พวกเราจัดการเรื่องนี้เสีย เมื่อจัดการเรียบร้อย พวกเราจะได้ไม่ต้องกังวลอีก”
“เร็วถึงเพียงนี้เชียว? เร็วเกินไปหรือไม่? ” ท่านลุงสี่รู้สึกว่าเร็วเกินไป
“เร็วอะไรกัน? เจ้าไม่รู้หรือว่าอาหยวนเป็นคนอย่างไร? เป็นเพื่อนบ้านกันมาตั้งกี่ปี พวกเราเห็นอาหยวนแต่เล็กจนโต รู้ตื้นลึกหนาบาง จะดูผิดได้อย่างไร? ” ท่านป้าสี่กล่าว “อาศัยจังหวะที่ยังไม่มีคนเห็นข้อดีของอาหยวน พวกเรารีบหมั้นหมายกับอาหยวนไว้ รอหมิงจูแต่งกับเขา ปีหน้าพวกเราก็เตรียมเลี้ยงหลานให้พวกเขาได้แล้ว! ”
ท่านลุงสี่พยักหน้า “ก็ได้! ”
เวลานี้เหลือเพียงแค่เกลี้ยกล่อมหมิงจูเท่านั้น
เซียวยวี่กลับถึงบ้าน ประตูไม่ได้ลงกลอน เขาผลักเปิดประตูเข้าไป
เสียงหัวเราะดังมาจากสวนหลังบ้าน ช่วงหลายวันนี้ เซียวยวี่สังเกตเห็นลำดับกิจวัตรประจำวันของเซี่ยยวี่หลัว หลังกินมื้อเที่ยง ต้องไปสวนหลังบ้านเพื่อถอนหญ้าและพรวนดินเป็นเวลาประมาณหนึ่งเค่อ จากนั้นจึงกลับห้องไปนอนกลางวัน
เซียวยวี่ยืนอยู่หน้าห้องโถง ยื่นเท้ากำลังจะก้าวเข้าไป สุดท้ายก็ไม่ได้ก้าว เขาหันตัวกลับไปยังห้องของตัวเอง
ผ้าม่านโปร่งในห้องโบกพลิ้วตามสายลม ใบไผ่ที่ปักอยู่ตรงมุมหนึ่งดูเด่นชัดยิ่งขึ้น หน้าต่างของห้องหันไปทางสวนหลังบ้านพอดี เซียวยวี่ยืนตรงริมหน้าต่างเงียบๆ มองดูทิวทัศน์สวนหลังบ้านผ่านผ้าม่านโปร่งที่พลิ้วไหว
เซี่ยยวี่หลัวก้มตัว คอยแหวกพืชผักที่เติบโตอย่างอุดมสมบูรณ์เป็นระยะ เอื้อมมือไปถอนหญ้าด้านใน เซียวจื่อเซวียนและเซียวจื่อเมิ่งช่วยอยู่ข้างๆ ก้มตัวช่วยทำงานอยู่ในแปลงผัก
เซี่ยยวี่หลัวและเซียวจื่อเมิ่งสวมหมวกปิดหน้า ผ้าโปร่งสีขาวผ่องดุจหิมะคลุมทั่วศีรษะ ใบหน้า และลำคอ กันแสงแดดที่ไม่ถือว่าแรงมากนัก เหลือเพียงมือเรียวเล็กสองข้างอยู่ภายนอก ขาวราวกับก้อนเมฆก็มิปาน เมื่ออยู่ท่ามกลางสีเขียวมรกต ก็ยิ่งดูขาวใสสะดุดตา
เซียวยวี่รู้สึกอารมณ์ดีขึ้นมาก!
พออารมณ์ดี ก็เหมือนว่าท้องจะรู้สึกหิว!
เมื่อครู่ตอนอยู่ที่บ้านท่านป้าสี่ นอกจากดื่มสุรากับท่านลุงสี่สองถ้วย อาหารตรงหน้า เขาแทบไม่ได้ยื่นตะเกียบไปคีบ ประการแรกเพราะไม่มีแก่ใจจะกิน ประการที่สอง…
ดูเหมือนเขาจะได้กินอาหารรสเลิศจนมีเงื่อนไขด้านรสชาติอาหารสูงเสียแล้ว เนื้อหมูหรือเนื้อปลาข้างนอก เขาไม่รู้สึกอยากกินแม้แต่น้อย ตอนกินอาหาร ในห้วงภวังค์ก็มีแต่ปลาที่มีกลิ่นหอมโชย และไข่ตุ๋นสีเหลืองทองอ่อนนุ่มของที่บ้าน…
อาศัยจังหวะที่คนในสวนหลังบ้านกำลังง่วนกับงาน เซียวยวี่แอบไปยังห้องครัว ฝาหม้อยังปิดสนิท พอเปิดฝาหม้อ อาหารที่กินเหลือจากช่วงเที่ยงถูกวางเรียงบนตะแกรงอย่างเป็นระเบียบ ด้านล่างมีน้ำคอยอุ่นไว้ อาหารยังมีไอร้อนลอยขึ้นมา
พอเปิดฝาออก กลิ่นหอมของอาหารลอยมาแตะจมูก ได้กลิ่นหอมของอาหารก็อยากอาหารยิ่งนัก!
เนื้อปลารสเปรี้ยว รสเปรี้ยวของหน่อไม้ซึมเข้าไปในเนื้อปลาและน้ำแกงปลาอย่างสมบูรณ์ ทั้งเปรี้ยวทั้งหอม อร่อยกว่าปลาตุ๋นน้ำแดงที่บ้านท่านป้าสี่ทำเป็นร้อยเท่าพันเท่าหมื่นเท่า
ยังมีไข่ตุ๋น ไข่ตุ๋นที่บ้านท่านป้าสี่ตุ๋นนานเกินไป พอใช้ช้อนตักด้านในเต็มไปด้วยรู แต่ไข่ตุ๋นที่บ้านตนเอง อ่อนนุ่มชุ่มฉ่ำ สีเหลืองทอง รสสัมผัสนุ่มลื่น สีสันน่ากิน พอกินแล้วทั้งหอมอร่อยและสดชื่น อร่อยเสียยิ่งกว่ากระไร
ของสีดำจานนั้น พอกินแล้วก็รู้สึกเหนียวนุ่มสู้ฟัน อร่อยยิ่งนัก
เซียวยวี่นั่งอยู่ในห้องครัว ยังดีที่ในหม้อยังเหลือข้าวอยู่ไม่น้อย เซียวยวี่ตักข้าวชามโต กินกับปลาตุ๋นน้ำแดงใส่หน่อไม้ดอง รู้สึกว่ายังไม่พอ จึงตักอีกหนึ่งชาม กินไข่ตุ๋นจนหมด ขณะวางชามกับตะเกียบลงก็ส่งเสียงเรอด้วยความอิ่มอย่างไม่อาจควบคุมตัวเองได้
“คิกคิก…” เสียงหัวเราะของเด็กดังขึ้นจากด้านนอก
เซียวยวี่รีบปิดปาก หันมองไปทางประตู เด็กสองคนชะโงกศีรษะเข้ามาจากด้านนอก มองเซียวยวี่พร้อมหัวเราะ “พี่ใหญ่ ท่านกินไม่อิ่มหรือ? ”
เซียวยวี่ถูกจับได้ รู้สึกเก้อเขินเล็กน้อย “พวก… พวกเจ้ามาได้อย่างไร! ”
“พี่สะใภ้ใหญ่กำลังจะพาข้าไปนอน ได้ยินเสียงจากห้องครัว พี่สะใภ้ใหญ่จึงมาดูเจ้าค่ะ! ” เซียวจื่อเมิ่งกล่าวเสียงใสพร้อมหัวเราะคิกคัก
พอเซียวยวี่ได้ยินว่าเซี่ยยวี่หลัวก็เห็นเขาแอบกินอาหาร ใบหน้าก็แดงจนถึงใบหู “คือ… ข้า… ข้าเห็นว่าอาหารเหลืออยู่ไม่น้อย ดังนั้นจึง… จึง…”
“พี่ใหญ่ พี่สะใภ้ใหญ่เกรงว่าท่านอยู่ข้างนอกจะกินไม่อิ่ม จึงตั้งใจอุ่นอาหารไว้ในหม้อ รอท่านกลับมากินขอรับ! ” เซียวจื่อเซวียนหัวเราะพร้อมกล่าว
เซียวยวี่ผงะไป เซี่ยยวี่หลัวรู้ได้อย่างไรว่าเขาอยู่ที่บ้านท่านป้าสี่จะกินไม่อิ่ม?
เซี่ยยวี่หลัวในยามนี้ล้างหน้าเสร็จก็ขึ้นเตียงไปนอนกลางวันแล้ว
ใช่ว่านางจะรู้ว่าเซียวยวี่จะกินไม่อิ่ม แต่นางรู้ว่าเซียวยวี่เป็นคนเช่นไร!
เซียวยวี่ในนิยายสามารถเป็นราชบัณฑิตน้อยได้ในภายหลัง นอกจากสติปัญญาอันชาญฉลาดแล้ว ยังเป็นเพราะเขามีความสามารถในการควบคุมตัวเองเป็นเลิศด้วย นอกจากเซี่ยยวี่หลัวซึ่งเป็นอดีตภรรยาที่มีการกล่าวถึงในหนังสือ ก็มีเพียงนางเอกที่ปรากฏตัวในภายหลัง ชั่วชีวิตเซียวยวี่ เคยมีความสัมพันธ์กับสตรีเพียงสองคนนี้เท่านั้น!
ส่วนเซียวหมิงจู ในหนังสือไม่เคยเอ่ยถึงชื่อนี้ด้วยซ้ำ คิดดูก็น่าจะเป็นเพียงตัวประกอบ เพราะนางทะลุมิติมา ทำให้นางกับเซียวหมิงจูเกิดความสัมพันธ์กัน
และความจริง หนังสือนิยายที่เซี่ยยวี่หลัวอ่าน เขียนขึ้นจากมุมมองของเซียวยวี่และนางเอก ดังนั้นเซี่ยยวี่หลัวจึงมีบทไม่มากนัก หลังจากแยกทางกับเซียวยวี่ก็ตกระกำลำบาก ต้องคอยหลบซ่อนไปทั่ว ในหนังสือไม่ได้กล่าวถึงเรื่องราวตอนเซี่ยยวี่หลัวอยู่ที่หมู่บ้านสกุลเซียว จึงทำให้ไม่มีการกล่าวถึงเซียวหมิงจูไปด้วย
เซียวยวี่และเซียวหมิงจูไม่มีความสัมพันธ์ใดๆ
แต่เซียวหมิงจูกลับมีความรักอย่างลึกซึ้งต่อเซียวยวี่ ความรักนั่นทำให้ท่านป้าสี่หวั่นเกรง ดังนั้นการเลี้ยงอาหารในวันนี้ ท่านลุงสี่เลี้ยงต้อนรับเซียวยวี่จริง แต่ท่านป้าสี่ต้องข่มขวัญเซียวยวี่เป็นแน่
เซียวยวี่ไม่มีความรู้สึกต่อเซียวหมิงจู เขาต้องหาข้ออ้างให้เซียวหมิงจูตายใจ ทั้งยังต้องหาเหตุผลให้ท่านป้าสี่วางใจ ดังนั้นอาหารมื้อนี้เขาต้องกินอย่างไร้รสชาติแน่นอน
ฉะนั้น เซี่ยยวี่หลัวจึงมั่นใจ ว่าเซียวยวี่อยู่ที่บ้านท่านลุงสี่ต้องกินไม่อิ่มแน่!
เซียวยวี่กินไม่อิ่มจริงๆ
อาหารที่บ้านทำให้เขาอยากกินจนแทบกัดลิ้น
อร่อย อร่อย อร่อยเกินไปแล้ว
เมื่อก่อนเซียวยวี่ไม่เคยกินอาหารที่เซี่ยยวี่หลัวทำ เพราะเซี่ยยวี่หลัวเคยบอกว่านางทำอาหารไม่เป็น ปกติกินข้าว เซียวยวี่เป็นคนทำ ต้องทำเพิ่มให้นางอีกที่หนึ่ง
เซียวยวี่ไม่คาดคิดเลย ว่าเซี่ยยวี่หลัวจะมีฝีมือการทำอาหารที่ดีถึงเพียงนี้!